ก่อนจะโบกมือลาปีหมูทอง ค่ายวีโว่ได้ทำการเปิดตัว Vivo Y15 2020 สมาร์ตโฟนซีรีส์ Y สุดคุ้มส่งท้ายปี เป็นการตอบแทนแฟน ๆ ที่ให้การตอบรับซีรีส์ Y มาอย่างเหนี่ยวแน่น ยาวนาน ซึ่งด้วยความโดดเด่นของซีรีส์ Y ก็คงต้องบอกว่า นี่คือสมาร์ตโฟนราคาครึ่งหมื่นที่เข้ามาเติมเต็มจนครบทุก target ของปีนี้อย่างแท้จริง และนอกจากความคุ้มค้าแล้วจะมีอะไรที่โดดเด่นและน่าสนใจบ้าง มาติดตามและรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
สเปคเบื้องต้น Vivo Y15 2020
ขนาด | 159.43 × 76.77 × 8.92 มม. | |
น้ำหนัก | 190.5 กรัม | |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Halo FullView Display ชนิด IPS LCD ขนาด 6.35 นิ้ว ความละเอียด HD+ 720 × 1544 อัตราส่วน 19.3:9 มีอัตราแสดงผลหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 89% | |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Mediatek MT6762 Helio P22 (12 nm) ประมวลผล Octa-core 2.0 GHz Cortex-A53 หน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR GE8320 | |
RAM | 4GB | |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 64GB | |
หน่วยความจำเสริม | microSD, up to 256GB | |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง: 3 เลนส์ AI Triple Camera กล้องหลัก 13ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, , กล้องตัวที่ 2 super wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่ 3 depth sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ไฟแฟลช LED 1 ดวง——————————————————-
กล้องหน้า 16 MP, รูรับแสง f/2.0 ——————————————————- โหมดการถ่าย PPT, Professional, PDAF, Palm Capture, Voice Control, Time-Lapse, Slow, Live Photos, HDR, Portrait Mode, Panorama, Portrait Bokeh(single front camera), Watermark, AI Face Beauty, Camera Filter, Super Wide-Angle Camera |
|
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย (Funtouch 9.2) | |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz บลูทูธ 5.0 support A2DP, LE GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo |
|
รองรับระบบ | รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
|
แบตเตอรี่ | 5,000mAh | |
สี/ราคาวางจำหน่าย | สีที่วางจำหน่ายในไทย Phantom Black, Burgundy Red ราคาเปิดตัว 4,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวกล่องแพ็กเกจของ Vivo Y15 2020 มาในโทนสีขาวสะอาดตา ตามสไตล์ของซีรีส์ Y โดยด้านหน้ากล่องมีชื่อรุ่นขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจน พร้อมการกำกับขนาดความจุ RAM และ ROM อยู่มุมขวาด้านบน ส่วนด้านหลังมีไอคอนสเปคเด่นทั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera และหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ใหญ่เต็มตา อีกทั้งยังมาพร้อมแบตสุดอึด 5,000mAh
อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- เคสซิลิโคนแบบใส
- สายดาต้าลิงค์ Micro USB
- อแดปเตอร์ชาร์จ OUTPUT 5V-2A
สำหรับฟิลม์กันรอยมีการติดตั้งมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน
Vivo Y15 2020 ยังคงสืบทอดเอกลักษณ์อันโดดเด่นของรุ่นพี่ในซีรีส์ Y มาแบบครบถ้วน ทั้งในเรื่องของการใช้โทนสีแบบทูโทนที่ออกแบบอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัย ด้วยกระบวนการเคลือบสีในชั้นเลเยอร์อย่างมีระดับ ส่งผลให้ตัวเครื่องจะแสดงสีสันที่แตกต่างกันยามเมื่อแสงตกกระทบกับตัวเครื่องในมุมต่าง ๆ
สำหรับสี Burgundy Red ที่ทางเว็บได้มารีวิวด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นการใช้โทนสีดำอมม่วงผสานเข้ากับสีแดงเข้มที่ด้านล่างได้อย่างกลมกลืน ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติของแสงที่กระทบลงยังพื้นผิวของทะเลสาบ จนก่อให้เกิดแสงและเงาเป็นเส้นสายที่สะท้อนความระยิบระยับขึ้นมาอย่างสวยงามจับตา
สำหรับวัสดุในภาพรวมเป็นโพลีคาร์บอเนต Unibody ที่มีความเพียวบาง และมี curve ที่สมดุลทั้ง 4 มุม และถูกออกแบบได้ตามหลัก Ergonomics จึงส่งผลให้สอดรับกระชับเข้ากับฝ่ามือได้เป็นอย่างดี อีกทั้งจับถือถนัดได้ด้วยมือเดียว ไม่ลื่นหลุดมือได้โดยง่ายอีกด้วย ส่วนพื้นผิวเป็นกลอสซี่ที่มีความมันวาว เมื่อได้ลองสัมผัสตัวเครื่องจริงแล้วให้ฟิลลิ่งที่เรียบหรูแต่แฝงไว้ด้วยความพรีเมี่ยมอยู่ภายในตัว เรียกได้ว่าแม้จะเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่เปิดตัวด้วยราคาต่ำหมื่น แต่ก็มาพร้อมความโดดเด่นด้านดีไซน์อย่างแท้จริง
หน้าจอ Halo FullView Display มาพร้อมรอยบากรูปทรงหยดน้ำในขนาด 6.35 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 × 1544 pixels) ในอัตราส่วนการแสดงผล 19.3:9 ที่ใหญ่เต็มตารับชมคอนเทนต์ได้เต็มอรรถรส โดยมีพื้นที่แสดงผลต่อตัวเครื่องสูงถึง 89% เลยทีเดียว
สำหรับคุณภาพหน้าจอแสดงผลของ Vivo Y15 2020 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ทั้งเรื่องของสีสัน ความคมชัดและให้มุมมองกว้างตามสไตล์ของจอ IPS LCD ส่วน Response การตอบสนองก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยรองรับ Multi Touch ได้ถึง 10 จุด
เซ็นเซอร์วัดแสงและกล้องหน้าจัดวางอยู่ในเลย์เอาท์ของ Notch หรือรอยบาก โดยตัวกล้องหน้าของ Vivo Y15 2020 ให้ความละเอียดมาที่ 16 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงกว้าง f/12.0 ซึ่งช่วยในเรื่องการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี สำหรับลำโพงสนทนาจัดวางในเลย์เอาท์ขอบขอบจอได้อย่างสวยงามลงตัว
กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera จัดวางเลย์เอาท์ในแนวตั้ง พร้อมกรอบรอบตัวเลนส์สีโรสโกลด์ดูสวยพรีเมี่ยม ถัดลงมาจะเป็นไฟแฟลช และด้านข้างจะเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ตัดขอบสีม่วงได้อย่างสวยงามกลมกลืน
ด้านบนจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ และด้านบนจะเป็นการใช้โทนสีดำอมม่วง ส่วนด้านล่างจะเป็นโทนสีแดงเข้มและประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ไมค์สนทนา / พอร์ต Micro USB / และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ที่จัดวางตำแหน่งได้ดีมาก คือไม่อยู่สูงหรือต่ำจนเกินไป ส่งผลให้สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ด
ตัวถาดซิมของ Vivo Y15 2020 เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมพร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 256GB
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo Y15 2020
Vivo Y15 2020 แม้จะเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่เปิดตัวมาด้วยราคาต่ำหมื่น แต่ในด้านความปลอดภัยนั้นจัดเต็มด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือและ Face Unlock หรือระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า โดยทั้ง 2 ระบบทำงานได้รวดเร็ว และมีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมาก ๆ
และนอกจากจะใช้ในการปลดล็อคหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นได้อีกทางหนึ่งด้วย
Halo FullView Display
Vivo Y15 2020 มาพร้อมจอแสดงผล Halo FullView™ Display ชนิด IPS LCD 16 ล้านสี ที่ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัดให้มุมมองกว้าง มี Respond การตอบสนองที่อยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ และมี Software ที่ช่วยปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น อีกทั้งยังมาพร้อมขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.35 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.3:9 โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องสูงถึง 89% และมาพร้อม Notch หรือรอยบากในรูปทรงหยดน้ำขนาดเล็ก เมื่อผสานกับขอบจอที่บางเฉียบ จึงส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
Ultra-Game Mode
“Ultra-Game Mode” บน Vivo Y15 2020 มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ Multi-Turbo เหมือนกับรุ่นพี่ที่ได้เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านั้น สำหรับ Ultra-Game Mode เป็นฟีเจอร์ที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ Dual-Turbo โหมดที่สามารถตอบโจทย์เหล่านักเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิสูงสุดในขณะเล่นเกม โดยโหมดนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วของเกม และลดปัญหาเฟรมเรตตก ทำให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Game Countdown ที่สามารถเตือนถึงเวลาที่เหลือก่อนที่เกมจะเริ่ม เพื่อช่วยให้เราเตรียมตัวหรือสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นในขณะรอเกมจะรันขึ้นนั่นเอง
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
Vivo Y15 2020 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9 ซึ่งในเวอร์ชั่นล่าสุดมีการปรับแต่ง UI ให้ดูโมเดิร์นขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายและแฝงไว้ด้วยความสะดวกคล่องตัวในการใช้งาน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามใจชอบ รวมทั้งสามารถเข้าถึงทางลัดการใช้งานด่วนผ่านทาง Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้อย่างยืดหยุ่น ตรงกับสไตล์การใช้งานได้อย่างลงตัว
Dark Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยฟีเจอร์ Dark Mode หลักการทำงานจะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย
(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)
Vivo Y15 2020 มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
ฟีเจอร์ยอดนิยมของสมาร์ตโฟนในยุคนี้ ต้องมีการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน
ซึ่งบน Vivo Y15 2020 นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านบนลงไปยังด้านล่าง ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็กเป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ยกตัวอย่าง โหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง
ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมากๆ ครับ
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัย Vivo Y15 2020 มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ i-Manager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน ทั้งสแกนไวรัส, ลบไฟล์ขยะ, ระบายความร้อน, สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงาน
ในภาพรวม Vivo Y15 2020 มีการจัดสรรพลังงานได้น่าประทับใจมาก ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้แบตเตอรี่ความจุมหาศาลถึง 5,000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน รวมถึง Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสม
ประสิทธิภาพ
Vivo Y15 2020 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Mediatek MT6762 Helio P22 บนสถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core 2.0 GHz Cortex-A53 ซึ่งแรงในระดับใช้งานทั่ว ๆ ไปได้อย่างเหลือเฟือ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้ว ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นสุดคุ้มในงบครึ่งหมื่น
ส่วนในแง่การใช้งานจริงถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้แบบสบาย ๆ สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetic, Accelerometer ส่วนภาครับสัญญาณ GPS ก็มีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo Y15 2020 นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
ยุคนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นสมาร์ทโฟนใส่ FM มาให้ใช้งาน แต่ทางค่าย Vivo ยังเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังชื่นชอบการรับฟังวิทยุ FM จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ รุ่นยังคงมาพร้อมกับ FM ซึ่งบน Vivo Y15 2020 เป็น FM แบบทศนิยมหนึ่งจุด ทีมีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้เลยครับ ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลังเป็นต้น
Video Player บน Vivo Y15 2020 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้ไหลลื่นดีในระดับหนึ่ง ส่วนความละเอียดระดับ Full HD นั้นจะให้ความสมูทที่ดีมาก ๆ แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
ROV สามารถเล่นบนโหมดเฟรมเรทสูง แต่ความ stable จะอยู่ในระดับที่ 40fps + ส่วนในเรื่องความลื่นไหลนั้นหายห่วงครับ สามารถสัมผัสประสบการณ์การตีป้อมที่ไม่ต้องหัวร้อนอย่างแน่นอน
สำหรับ PUBG เลือกใช้การตั้งค่าเริ่มต้นที่เกมกำหนดให้ จะส่งผลให้การเล่นเกมนั้นมีความสมูทลื่นไหลที่ดีมาก ๆ แม้จะไม่สามารถเลือกความละเอียดของกราฟิคในระดับสูง แต่ค่าเริ่มต้นก็ถือว่าให้ภาพที่ดูคมชัดแถมยังให้ฟิลลิ่งในการเล่นเกมที่ไหลลื่นโดยไม่มีอาการหน่วงให้หงุดหงิดใจอีกด้วย
ปิดท้ายกันด้วยเกมสุดฮอตของชั่วโมงนี้ Call of Duty Mobile โดยใช้ค่าเริ่มต้นของเกม พบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ โดยไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Vivo Y15 2020 เป็นสมาร์ทโฟนในราคาต่ำหมื่นที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่จับต้องได้
ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
กล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมค่ารูรับแสง f/2.0 ที่ให้ความคมชัดและขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด โดยจุดขายยังคงเป็น AI Face Beauty ที่สามารถวิเคราะห์เพศและใบหน้า พร้อมปรับแต่งให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามตรงใจผู้ใช้งานโดยไม่ต้องเสียเวลามาปรับแต่งในภายหลัง สำหรับโหมด Face Beauty สามารถเลือกใช้งานโหมด AI และเลือกปรับตั้งเองได้ 6 ระดับ
ทดสอบกล้องหน้า
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto
ในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้ดีตามมาตรฐานของทางค่าย โดยยังคงเก็บดีเทลและให้สกินโทนที่ดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงไวท์บาลานซ์ที่ค่อนข้างแม่นยำ
สำหรับโหมด AI Face Beauty ตัวระบบ AI จะคำนวนความเหมาะสมให้เข้ากับใบหน้าของเราโดยอัตโนมัติ โดยภาพที่ถ่ายด้วยโหมด AI ค่อนข้างดูลงตัวเป็นธรรมชาติและใช้งานง่าย เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในทุกสถานการณ์
เมื่อเปิดใช้งานโหมด AI Face Beauty ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ
สำหรับโหมด AI Face Beauty ผู้ใช้งานสามารถเลือกการปรับแต่งโดยอัตโนมัติด้วย AI และเลือกการปรับบิวตี้ด้วยการกำหนดเองได้อีก 6 ระดับ
AI Face Beauty ระดับ 1
AI Face Beauty ระดับ 3
AI Face Beauty ระดับ 6
สรุปกล้องหน้ายังคงทำผลงานได้ดี ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่ในซีรีส์ Y ทั้งโหมด Auto ที่ให้ความคมชัดและสกินโทนที่ดูเป็นธรรมชาติ ส่วน AI Face Beauty ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ค่าย Vivo ผิดหวังอย่างแน่นอน
กล้องหน้ามีโหมด AI Portrait ที่สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่ง Vivo Y15 2020 ทำผลงานได้น่าประทับใจ ทั้งในเรื่องของการละลายฉากหลังที่ดูมีความเป็นธรรมชาติ พร้อมเก็บดีเทลของเส้นขอบได้ค่อนข้างดีอีกด้วย
ไม่ได้มีเอฟเฟกต์แสงเหมือนรุ่นพี่ซีรีส์ V แต่ Vivo Y15 2020 ก็มีฟิลเตอร์ให้ใช้งานอย่างหลากหลาย ซึ่งช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยเลยครับ
ทดสอบกล้องหน้าโหมด Auto ในสภาพแสง Indoor
ทดสอบกล้องหน้าโหมด AI Portrait ในสภาพแสง Indoor
ทดสอบกล้องหน้าโหมด AI Face Beauty ในสภาพแสง Indoor
ทดสอบกล้องหลัง
สำหรับกล้องหลัง จะมีโหมด Face Beauty มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า แต่จะเป็นการเลือกระดับบิวตี้ด้วยตนเอง (ไม่มี AI) ส่วน AI Portrait ของกล้องหลังจะสามารถเลือกค่ารูรับแสงเองได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งก่อนถ่าย หรือปรับค่ารูรับแสงจากรูปที่ถ่ายไปแล้วผ่านทางแอปฯอัลบั้ม
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Face Beauty
กล้องหลังสามเลนส์แสดงศักยภาพออกมาทั้งในแง่ของภาพถ่ายมุมกว้างพิเศษ และเลนส์ Depth Camera ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลได้น่าประทับใจไม่แพ้กล้องใหญ่ โดยในโหมด AI Portrait ของ Vivo Y15 2020 ทำการละลายฉากหลังได้เนียนตา ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถเก็บรายละเอียดของตัวแบบได้ดีอีกด้วย
ทดสอบกล้องหลังโหมด Auto ในสภาพแสง Indoor
ทดสอบกล้องหลังในระยะและสภาพแสงต่าง ๆ
Normal
Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)
Normal
Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)
ในโหมด Ultra-Wide จะให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษถึง 120 องศา ช่วยให้เก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล รวมถึงสามารถเก็บภาพถ่ายแบบหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป
สรุป Vivo Y15 2020
นี่คือรุ่นสุดคุ้มส่งท้ายปีของ Vivo อย่างแท้จริง ซึ่งสเปคในภาพรวมอาจจะไม่ได้แรงเท่าซีรีส์ V แต่ในด้านการใช้งานจริงถือว่าทำได้ดีสมราคาค่าตัวมาก ๆ และนอกจากเรื่องความคุ้มค่าแล้ว Vivo Y15 2020 ยังคงมาพร้อมความโดดเด่นตั้งแต่การออกแบบดีไซน์ตัวเครื่อง ที่เลือกใช้โทนสีแบบทูโทน ที่สามารถแสดงสีสันที่แตกต่างกันได้ยามเมื่อมีแสงตกกระทบกับตัวเครื่อง และยังมาพร้อมแบตสุดอึดใช้งานได้ยาวนานข้ามวัน รวมถึงหน้าจอ Halo FullView Display ที่ใหญ่เต็มตา รองรับการใช้งานทั่วไปและด้านความบันเทิงได้อย่างดีเยี่ยม
ส่วนกล้องหลัง 3 เลนส์ Triple Camera และกล้องหน้าทำผลงานได้ดี ไม่แพ้รุ่นพี่ในซีรีส์ Y ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้น ส่วนสิ่งที่ดูเหมือนจะขาดหายไปก็คือฟีเจอร์ชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging แต่ทั้งนี้ก็แลกมาด้วยราคาเปิดตัวที่สมเหตุสมผลนั่งเอง เมื่อมองในภาพรวมแล้ว คงต้องบอกว่า Vivo Y15 2020 เป็นสมาร์ทโฟนต์ราคาครึ่งหมื่น ที่มาพร้อมความครบครัน ครบเครื่อง ทั้งด้านดีไซน์, ประสิทธิภาพ, ฟีเจอร์, คุณภาพกล้อง และความคุ้มค่าอย่างแท้จริงครับ