หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับ Vivo Y12 ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุดค่ายวีโว่ส่งน้องเล็ก Y11 มาตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดสมาร์ตโฟน beginning ที่พร้อมตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นอีกครั้ง โดยรอบนี้ยังคงจัดเต็มทั้งในเรื่องดีไซน์แบบทูโทนที่ดูสวยงามพรีเมี่ยม พร้อมสเปคต่อราคาที่โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร ส่วนจะมีอะไรที่เด็ดไปกว่า “จอใหญ่ แบตอึด ราคาประหยัด” ต้องมาติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันครับ
สเปคเบื้องต้น Vivo Y11
ขนาด | 159.43 × 76.77 × 8.92 มม. | |
น้ำหนัก | 190.5 กรัม | |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Halo FullView Display ชนิด IPS LCD ขนาด 6.35 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 × 1544 pixels) อัตราส่วนการแสดงผล 19.3:9 | |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm SDM439 Snapdragon 439 (12 nm)
ประมวลผล Octa-core (2×1.95 GHz Cortex-A53 & 6×1.45 GHz Cortex A53) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 505 |
|
RAM | 3GB | |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 32GB | |
หน่วยความจำเสริม | microSD, up to 256GB | |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง: เลนส์คู่ AI Dual Camera 13 MP, Main Camera รูรับแสง f/2.2, ระบบโฟกัส PDAF 2 MP, รูรับแสง f/2.4, depth sensor——————————————————- กล้องหน้า 8 MP, รูรับแสง f/1.8 |
|
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย (Funtouch 9.1) | |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 2.4G บลูทูธ 4.0 support A2DP, LE GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo |
|
รองรับระบบ | รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด
|
|
แบตเตอรี่ | 5,000mAh | |
สี/ราคาวางจำหน่าย | สีที่วางจำหน่ายในไทย Mineral Blue และ Agate Red ราคาเปิดตัว 3,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพ็กเกจจิ้งยังคงมาในสไตล์เดิมของซีรีส์ Y โดยมาในโทนสีขาวสะอาดตา รูปทรงกะทัดรัด ด้านหน้ากล่องมีรูปตัวเครื่อง Vivo Y11 ที่โชว์จุดเด่นทั้งในเรื่องกล้องหลัง Dual Camera และหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ที่ใหญ่เต็มตา 6.35 นิ้ว อีกทั้งยังมาพร้อมแบตสุดอึด ความจุมหาศาลถึง 5,000mAh และมีการกำกับชื่อรุ่น / ขนาดความจุ RAM และ ROM อยู่มุมขวาด้านบน ส่วนด้านหลังมีไอคอนสเปคเด่น และรายละเอียดต่าง ๆ
อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- เคสซิลิโคนแบบใส
- สายดาต้าลิงค์ Micro USB
- อแดปเตอร์ชาร์จ OUTPUT 5V-2A
สำหรับฟิลม์กันรอยมีการติดตั้งมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
ดีไซน์ในภาพรวมยังคงมีกลิ่นอายของรุ่นพี่ Vivo Y12 กล่าวคือยังคงโดดเด่นด้วยการเลือกใช้สีแบบทูโทน พร้อมใส่ลวดลายเท็กเจอร์ไว้ในฝาหลัง ซึ่งเป็นการออกแบบอย่างเหนือชั้นผ่านกระบวนการการผลิตด้วยการเคลือบสีในชั้นเลเยอร์อย่างมีระดับ ส่งผลให้ตัวเครื่องจะแสดงสีสันที่แตกต่างยามเมื่อแสงตกกระทบกับตัวเครื่องในมุมต่าง ๆ
โดยสี Mineral Blue ที่ทางเว็บได้มารีวิว ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นการใช้โทนสีน้ำเงินอมเขียว ผสานเข้ากับสีม่วงและดำที่ด้านล่างได้อย่างกลมกลืน ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาตินั่นเอง
สำหรับวัสดุในภาพรวมเป็นโพลีคาร์บอเนต Unibody ที่มีความเพียวบาง และมี curve ที่สมดุลทั้ง 4 มุม ทำให้สามารถจับถือได้ถนัด ไม่ลื่นหลุดมือได้โดยง่าย ส่วนพื้นผิวเป็นกลอสซี่ที่มีความมันวาว เมื่อได้ลองสัมผัสตัวเครื่องจริงแล้วให้ฟิลลิ่งที่เรียบหรูแต่แฝงไว้ด้วยความพรีเมี่ยมอยู่ภายในตัว เรียกได้ว่าแม้จะเป็นรุ่นเล็กแต่ก็เด่นในด้านดีไซน์ไม่แพ้รุ่นพี่อย่างแน่นอน
พร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งาน ด้วยหน้าจอ Halo FullView Display โดย Vivo Y11 มาพร้อมรอยบากรูปทรงหยดน้ำในขนาด 6.35 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 × 1544 pixels) ในอัตราส่วนการแสดงผล 19.3:9 ที่ใหญ่เต็มตารับชมคอนเทนต์ได้เต็มอรรถรส โดยมีพื้นที่แสดงผลต่อตัวเครื่องสูงถึง 89% เลยทีเดียว
และถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็กราคาประหยัด แต่ในด้านคุณภาพหน้าจอแสดงผลของ Vivo Y11 นั้นจัดเต็มไม่มีกั๊ก ด้วยพาเนล IPS LCD ที่ให้สีสันสดใส มีความสว่างคมชัดและให้มุมมองกว้าง แถม Response หรือการตอบสนองก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยรองรับ Multi Touch ได้ถึง 10 จุด
เซ็นเซอร์วัดแสงและกล้องหน้าจัดวางอยู่ในเลย์เอาท์ของ Notch หรือรอยบาก โดยตัวกล้องหน้าของ Vivo Y11 ให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8 ซึ่งช่วยในเรื่องการถ่ายเซลฟี่ได้ดีในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็น Day light หรือ Low light
สำหรับลำโพงสนทนาจัดวางในเลย์เอาท์ขอบขอบจอได้อย่างสวยงามลงตัว และยังช่วยให้มีพื้นที่ของจอแสดงผลเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
กล้องหลังเลนส์คู่ AI Dual Camera จัดวางเลย์เอาท์ในแนวตั้ง เลนส์ตัวที่หนึ่งมาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 ระบบโฟกัส PDAF ส่วนเลนส์ตัวที่สอง ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 เป็น depth sensor ที่ช่วยในการถ่าย portrait หน้าชัดหลังละลายและสร้างโบเก้ให้กับภาพนั่นเอง
ด้านบนจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ โดยดีไซน์ของด้านบนจะเป็นการใช้โทนสีเขียว
ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องคัดด้วยทูโทนสีม่วงดำ มีการจัดวางเลย์เอาท์ไล่จากซ้ายไปขวาดังนี้ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ไมค์สนทนา พอร์ต Micro USB และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ทางด้านข้างของตัวเครื่องมีดีไซน์ที่ใช้การไล่สีแบบทูโทนเหมือนด้านหลัง โดยฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ซึ่งปุ่มพาวเวอร์จัดวางตำแหน่งได้อย่างลงตัว โดยไม่อยู่สูงหรือต่ำจนเกินไป ทำให้สามารถใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว
ฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ด ตัวถาดซิมของ Vivo Y11 เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมพร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 256GB
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo Y11
ถึงแม้ Vivo Y11 จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ในด้านฟีเจอร์นั้นจัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่ โดยในด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบน Vivo Y11 ให้มาอย่างครบถ้วย ทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า ซึ่งทั้ง 2 ระบบทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็วและมีความแม่นยำอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ
และนอกจากจะใช้ในการปลดล็อคหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นได้อีกทางหนึ่งด้วย
Halo FullView™ Display
ใครเลยจะเชื่อว่ามือถือราคา 3,999 บาท แต่จะให้หน้าจอมาใหญ่เต็มตาถึง 6.35 นิ้ว แถมยังเป็นพาเนล IPS ที่ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัดให้มุมมองกว้าง มี Respond การตอบสนองที่อยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ และมี Software ที่ช่วยปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับ Notch หรือรอยบากในรูปทรงหยดน้ำ ที่ผสานกับขอบจออันบางเฉียบ ส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
Ultra-Game Mode
“Ultra-Game Mode” บน Vivo Y11 มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ Multi-Turbo เหมือนกับรุ่นพี่ที่ได้เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านั้น สำหรับ Ultra-Game Mode ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ Dual-Turbo โหมดที่สามารถตอบโจทย์เหล่านักเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิสูงสุดในขณะเล่นเกม โดยโหมดนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วของเกม และลดปัญหาเฟรมเรตตก ทำให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Game Countdown ที่สามารถเตือนถึงเวลาที่เหลือก่อนที่เกมจะเริ่ม เพื่อช่วยให้เราเตรียมตัวหรือสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นในขณะรอเกมจะรันขึ้นนั่นเอง
Game Center เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
Vivo Y11 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.1 ซึ่งในเวอร์ชั่นล่าสุดมีการปรับแต่ง UI ให้ดูโมเดิร์นขึ้นเล็กน้อย โดยเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสะดวกคล่องตัว และผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามใจชอบ รวมทั้งสามารถเข้าถึงทางลัดการใช้งานด่วนผ่านทาง Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้อย่างยืดหยุ่น
Dark Mode ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยฟีเจอร์ Dark Mode หลักการทำงานจะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย
(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)
Vivo Y11 มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
ฟีเจอร์ยอดนิยมของสมาร์ตโฟนในยุคนี้ ต้องมีการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน
ซึ่งบน Vivo Y11 นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านบนลงไปยังด้านล่าง ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็ก , ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลและการควบคุมโดยผู้ปกครอง เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ยกตัวอย่าง โหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง
ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมากๆ ครับ
ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัย Vivo Y11 มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด
ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ i-Manager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน ทั้งสแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะ ระบายความร้อน สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงาน
ด้วยความที่มาพร้อมแบตเตอรีความจุมหาศาลถึง 5,000mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับตัว Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งถ้าเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป สามารถใช้งานครบวันจนถึงบ้านได้อย่างแน่นอน
ประสิทธิภาพ
เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.1 เวอร์ชั่นล่าสุด ฟีเจอร์ไฮไลท์หลัก ๆ ก็ใส่มาให้ครบถ้วน ไม่แพ้ซีรีส์อื่นภายในค่าย ในด้านตัวชิปเซ็ตเปลี่ยนจาก Mediatek MT6762 Helio P22 มาเป็น Snapdragon 439 เมื่อดูผลคะแนนจาก Antutu จะเห็นว่าแรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
และถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่พวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetomete, Accelerometer ส่วนภาครับสัญญาณ GPS ก็มีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจครับ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo Y11 นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
Video Player บน Vivo Y11 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด Full Hd ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
PUBG ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถทางด้าน Hardware นั่นเอง ในภาพรวมพบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลดีมาก ส่วนภาพกราฟิกก็ไม่ได้ถือว่าแย่แต่อย่างใด เรียกว่าทำผลงานได้ดีในเรทราคาที่เปิดตัวออกมานั่นเอง
สำหรับสุดยอดเกมฮิตอย่าง ROV ที่ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถตั้งค่าเฟรมเรทสูงได้ แต่สิ่งนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหา เพราะจากการทดลองใช้งานจริง เฟรมเรทค่อนข้างคงที่ และไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น โดยในฉากที่มีการเรียกใช้สกิลและเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ก็ยังให้ความสมูทไหลลื่นที่ดี ไม่ทำให้หงุดหงิดใจอย่างแน่นอน
ปิดท้ายกันไปด้วยเกมสุดฮอตของชั่วโมงนี้ Call of Duty Mobile โดยตั้งค่าไว้ในระดับกลาง ๆ สามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ ซึ่งไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Vivo Y11 แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น แต่ก็ตอบสนองการเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่ง
ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมค่ารูรับแสง f/1.8 ที่ให้ความคมชัดและขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด โดยจุดขายยังคงเป็น AI Face Beauty ที่สามารถวิเคราะห์เพศและใบหน้า พร้อมปรับแต่งให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามตรงใจผู้ใช้งานโดยไม่ต้องเสียเวลามาปรับแต่งในภายหลัง สำหรับโหมด Face Beauty สามารถเลือกใช้งานโหมด AI และเลือกปรับตั้งเองได้ 6 ระดับ
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto
AI Face Beauty ระดับ 1
AI Face Beauty ระดับ 3
AI Face Beauty ระดับ 6
สรุปกล้องหน้ายังคงทำผลงานได้ดี ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่ Y12 ทั้งโหมด Auto ที่ให้ความคมชัดและสกินโทนที่ดูเป็นธรรมชาติ ส่วน AI Face Beauty ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ค่าย Vivo ผิดหวังอย่างแน่นอน
กล้องหลังเลนส์คู่ Dual Camera ที่มาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2, ระบบโฟกัส PDAF และเลนส์ตัวที่สอง 2 พิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 ซึ่งเป็น depth sensor ที่ช่วยในด้านการถ่ายภาพบุคคลและสร้างโบเก้ให้ภาพอีกด้วย
ลอแงถ่ายใน Auto Mode
Auto Mode
Portrait Mode
ในโหมด Portrait ของกล้องหลังสามารถทำการละลายฉากหลังได้เนียนตา ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถเก็บรายละเอียดของตัวแบบได้ดีอีกด้วย
AI Face Beauty ระดับ 1
AI Face Beauty ระดับ 3
AI Face Beauty ระดับ 6
Face Beauty ของกล้องหลังนั้นน่าประทับใจไม่แพ้กล้องหน้าเลยครับ โดยโทนภาพนั้นดูละมุนมีความเป็นธรรมชาติ ด้วยราคาเปิดตัวที่ไม่สูงมาก แต่ได้คุณภาพระดับนี้ต้องเลยว่ามีความโดดเด่นทั้งกล้องหน้าและหลังอย่างแท้จริง
Auto Mode
Pro Mode
สำหรับ Vivo Y11 ไม่ได้มี Night Mode มาให้ใช้งาน แต่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้โหมดโปรเข้ามาทดแทนได้ โดยสามารถเลือกปรับสปีดชัตเตอร์หรือ iso และอาจจะใช้งานร่วมกับขาตั้งกล้องเพื่อให้ได้ภาพกลางคืนที่สว่างและคมชัดขึ้นจากโหมด Auto นั่นเอง
จากนี้ไปรับชมภาพถ่ายในสภาพแสงต่าง ๆ กันต่อได้เลยครับ
สรุป Vivo Y11
ถือว่าเป็นรุ่นเล็กที่เข้ามาเติมเต็มให้กับกลุ่มผู้ใช้งานระดับเริ่มต้น ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาประหยัด แต่มาพร้อมจอใหญ่ แบตอึด สามารถใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องชาร์จแบตบ่อย ๆ โดยตัวเครื่องไม่ต้องแรงมาก แต่สามารถรองรับการใช้งานทั่วไป ๆ รวมถึงเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่ง Vivo Y11 นั้นตอบโจทย์ที่กล่าวมาทั้งหมด แถมเรื่องกล้องที่ไม่ได้คาดหวังไว้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้ลองสัมผัสแล้วก็ทำผลงานได้ดีเกินคาดอีกด้วย จึงส่งผลให้ Vivo Y11 กลายเป็นสมาร์ทโฟน Beginning ระดับหัวแถว ที่ครบครัน ครบเครื่อง ในงบประมาณที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่าในเรทราคาเดียวกัน Vivo Y11 ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ Vivo Y11 วางจำหน่ายแล้ว ในราคาเพียง 3,999 บาท ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์