รีวิว Vivo X50 Pro 5G แฟลกชิพ กล้องโปร โดดเด่นด้วยระบบกันสั่น Gimbal ครั้งแรกของโลก !!!

โดย J.wasan
0 ความเห็น 18.7K views

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์

Vivo X50 Pro 5G รันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ในภาพรวมมีการปรับเปลี่ยน UI เล็กน้อย โดยตัวไอคอนมีความสวยงามโมเดิร์นแบบสัมผัสได้ ส่วนเมนูการตั้งค่าต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความกระชับใช้งานง่ายยิ่งขึ้น และสิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือการเข้าสู่ Notification Toggle จะเปลี่ยนมาใช้วิธีปัดจากด้านบนลงมาด้านล่างของหน้าจอเหมือนสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ

อีกทั้งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังรวมถึงรูปแบบตัวอักษรได้ตามสไตล์การใช้งาน พร้อมทั้งตั้งค่ารูปแบบ Home Screen ได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ

Funtouch OS 10.5 มีไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย Jovi Smart Scene และ Screen Time 

Jovi Smart Scene
Your Pocket Health Coach & Hydration Reminder & Sports Planning ตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพและการออกกำลังกาย ด้วยการแจ้งเตือน และคำแนะนำสำหรับการดื่มน้ำ โดยแนะนำตามข้อมูลอายุ และน้ำหนักของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังเป็นคู่มือในการวางแผนออกกำลังกาย โดยจะพิจารณาจากส่วนสูง และน้ำหนักของผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถบันทึกการเดิน และการวิ่งของผู้ใช้งานได้อีกด้วย

Screen Time
ผู้ช่วยจัดการเรื่องเวลา ไม่ว่าจะบันทึกเวลาการใช้งานสมาร์ตโฟน หรือดูค่าเฉลี่ยในการใช้งาน ทำให้สามารถตรวจสอบ และจัดการเวลาการใช้งานได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันยังสามารถตั้งค่าหน้าจอเพื่อจำกัดเวลาการใช้งานได้อีกด้วย จึงช่วยในด้านจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น

 Jovi Event
Jovi Event ฟังก์ชันแจ้งเตือนรายการการแข่งขันกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอล หรือบาสเก็ตบอล สามารถเช็คผลการแข่งขันทีมที่ชื่นชอบได้ทุกเวลา ไม่พลาดทุกแมทช์ในการแข่งขัน

Dynamic Effects จะช่วยเสริมการใช้งานสมาร์ตโฟนของเราให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์สำหรับการตั้งค่าภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ, ปลดล็อกหน้าจอ,เอฟเฟกต์จดจำใบหน้า และอื่น ๆ อีกมากมาย

ฟีเจอร์ EasyShare ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

โดย EasyShare ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากโทรศัพท์เครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ หมดปัญหาข้อมูลหายหลังจากเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่อีกต่อไป

Dark Mode ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การใช้งานในตอนกลางคืนเป็นไปอย่างราบลื่น และส่งผลดีต่อสุขภาพดวงตาของของผู้ใช้งาน โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์ Dark Mode จะเปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นสีดำ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมในที่แสงน้อยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน พร้อมถนอมสายตา และก่อให้เกิดความผ่อนคลายแก่ผู้ใช้งานอีกทางหนึ่งด้วย

(Dark Mode สามารถใช้งานได้กับบางแอปฯ)

Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรที่มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี 5G ที่สามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องรออัพเดต Software  และยังสามารถบริหารจัดการแบนด์วิดท์ รวมถึงการปรับพลังงานสำหรับเครือข่าย 5G ให้เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานไปพร้อม ๆ กัน  

ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE HD ที่สามารถเปิด VoLTE HD ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%

โดย Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง

โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล

รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กันถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว

ไม่จำกัดเฉพาะการถ่ายเซลฟี่เพียงอย่างเดียว แต่ X50 Pro 5G ยังงานสามารถใช้งานบิวตี้ หรือใบหน้าสวยผ่านการโทรแบบวีดีโอคอลได้อีกด้วย สำหรับโหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ตโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น, ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ

ฟีเจอร์ยอดนิยมที่มีมาให้ใช้งานอย่างยาวนาน ก็คือโหมดการแบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน เช่นแชทไปด้วยด้วยพร้อมดู YouTube ในขณะเดียวกัน

ซึ่งบน Vivo X50 Pro 5G นั้นเรียกใช้งานการแบ่งหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงลาก 3 นิ้วจากด้านล่างขึ้นไปยังด้านบนของจอแสดงผล ก็จะสามารถใช้งาน 2 แอปฯในหนึ่งหน้าจอได้ในทันที

ฟีเจอร์ในด้านความปลอดภัยก็ถือว่าจัดเต็ม โดย Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัวการเข้ารหัสแอป ตู้เซลไฟล์ การล็อคซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด

ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้วยผู้ช่วยอัฉริยะ i Manager ที่มาพร้อมความสามารถครบครัน ทั้งสแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะ ระบายความร้อน สำรองข้อมูลและจัดการด้านพลังงาน

ในภาพรวม Vivo X50 Pro 5G มีการจัดสรรพลังงานได้น่าประทับใจมาก ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ครบวันแบบสบาย ๆ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง  4315mAh ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน รวมถึง Firmware ที่ปรับแต่งมาให้สามารถจัดสรรพลังงานได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเทคโนโลยี Vivo Energy Guardian (VEG) ช่วยให้การทำงานของระบบ และแอปพลิเคชันราบรื่นขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องทั้งหมด และทำให้แอปพลิเคชันขนาดใหญ่ทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนถ้าใครเน้นเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ตลอดทั้งวัน ก็ไม่ต้องซีเรียสครับ เพราะ Vivo X50 Pro 5G รองรับชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี 33W vivo FlashCharge 2.0 ช่วยให้ชาร์จได้ 0 ถึง 57 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 30 นาที พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 9 ชั้น ซึ่งถือว่าชาร์จได้ไวและมีความปลอดภัยที่น่าประทับใจมาก ๆ

ประสิทธิภาพ

Vivo X50 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm SDM765 Snapdragon 765G บนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร  ประมวลผล Octa-core (1×2.4 GHz Kryo 475 Prime & 1×2.2 GHz Kryo 475 Gold & 6×1.8 GHz Kryo 475 Silver) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620 เมื่อทำงานร่วมกับ RAM 8GB แบบ LPDDR4X และ ROM UFS 2.1 จึงส่งผลให้สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ  เรียกว่าเร็ว แรง ประหยัดพลังงาน พร้อมตอบทุกโจทย์การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปหรือเล่มเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ ก็ตาม 

สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ  Gyroscope, Magnetic,  Accelerometer ในส่วนของภาครับสัญญาณ GPS พบว่ามีความเร็วและความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ

มัลติมีเดียและความบันเทิง

Vivo X50 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วย ชิปเสียง AK4377A  ช่วยให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi 

สำหรับ Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้การถ่ายทอดเสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo X50 Pro 5G นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

Video Player บน Vivo X50 Pro 5G รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น

 

ทดสอบการเล่นเกม

เริ่มกันที่  ROV อีกหนึ่งเกมฮิตของบ้านเรา โดยค่าเริ่มต้น ตั้งค่าภาพ HD ในระดับสูงมาก การแสดงผลระดับสูง พร้อมเลือกเฟรมเรทสูงโดยรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 59-60fps แบบต่อเนื่อง  ในภาพรวม Vivo X50 Pro 5G นั้นถือว่าแรงพอที่จะตีป้อมได้อย่างสมูทไหลลื่น โดยไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ

 

ต่อกันด้วย PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ เบื้องต้นสามารถตั้งค่ากราฟิกที่ระดับ HD และเฟรมเรทระดับสูง ในการทดสอบจริง ทั้งการเคลื่อนไหว รวมถึงแอคชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนั้นให้ความลื่นไหลที่ดีมาก ๆ  เรียกว่าเล่นได้ไหลลื่น ไม่พบอาการหน่วงให้หัวร้อนอย่างแน่นอน

ปิดท้ายกันด้วย เกม Call of Duty  ที่สามารถปรับตั้งค่า คุณภาพกราฟิกระดับ HIGH และ เฟรมเรท HIGH พบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่นสมูทสุด ๆ  ซึ่งไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ Ultra-Game Mode ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้  Vivo X50 Pro 5G พร้อมตอบโจทย์และรองรับการเล่นเกมได้ทุกเกมที่มีให้บริการอยู่บนสโตร์อย่างแน่นอน 

อ่านต่อ… คลิ๊กที่นี่ >>> Pages 3

Facebook Comments

Related Posts