เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Vivo V19 สมาร์ตโฟนซีรีส์ V รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมนิยาม “Ignite your night” จุดประกายยามค่ำคืนให้เติมเต็มกว่าที่เคย โดย Vivo V19 มาพร้อมความโดดเด่นด้วยกล้องหน้าเลนส์คู่แบบฝังในจอแสดงผล ซึ่งนับว่าเป็นเจเนเรชั่นที่ 2 ที่ได้มีการอัพเกรดคุณสมบัติในภาพรวมขึ้นไปอีกขั้น ส่วนกล้องหลัง AI 4 เลนส์ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม และขับเคลื่อนด้วยสเปคจัดเต็ม ซึ่งเมื่อรวมกับฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟน ๆ ซีรีส์ V อย่างแน่นอน ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง ขอเชิญติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
สเปคเบื้องต้น Vivo V19
ขนาด | 159.64 × 75.04 × 8.5 มม. | |
น้ำหนัก | 186.5 กรัม | |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Ultra O Screen Display ชนิด Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080 × 2400 (FHD+) อัตราส่วน 20:9 ขอบเขตสี DCI-P3 100% รองรับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในจอแสดงผล In-display Fingerprint Scanning | |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm SDM712 Snapdragon 712 (10 nm) หน่วยประมวลผล Octa-core (2×2.3 GHz Kryo 360 Gold & 6×1.7 GHz Kryo 360 Silver) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 616 | |
RAM | 8GB | |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB | |
หน่วยความจำเสริม | microSD, up to 256GB | |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง: 4 เลนส์ AI Quad Camera
——————————————————- กล้องหน้าคู่ : กล้องหลัก 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.08 + เลนส์ Super Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.28 ——————————————————- โหมดการถ่าย “กล้องหน้า: Super night selfie, Super wide-angle selfie (with wide-angle distortion correction for portraits), Ultra stable selfie video, Art portrait video, Selfie softlight band, Art portrait กล้องหลัง: Super night mode, Ultra stable video, Art portrait video, Super Macro, Bokeh portrait, Art portrait |
|
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch 10 บนพื้นฐานของ Android 10 | |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz บลูทูธ 5.0 support A2DP, LE GPS, Beidou, Galileo, GLONASS |
|
รองรับระบบ | รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
|
แบตเตอรี่ | 4,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 – 33W | |
สี/ราคาวางจำหน่าย | สีที่วางจำหน่ายในไทย Gleam Black, Sleek Silverราคาเปิดตัว 12,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพคเกจจิ้งฉีกแนวไปจากความคุ้นเคยเดิม ๆ ของซีรีส์ V โดย V19 เลือกใช้โทนสีน้ำเงินพร้อมขับเน้นด้วยรูปตัวเครื่องและกล้องเซลฟี่คู่ไว้บนด้านหน้าของตัวกล่อง ส่วนด้านหลังจะพิมพ์บอกไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น อาทิ Dual Front Camera, 33W Vivo FlashCharge 2.0 และ Super Night Selfie เป็นต้น
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
1. อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5V – 2A / 9V – 2A / 11V – 3A Max รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge 2.0 – 33W
2. หูฟังสมอลทอร์ค
3. สายดาต้าลิงค์แบบ Type-C
4. เคสซิลิโคนแบบใส
5. อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
6. ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ
สำหรับฟิล์มกันรอยได้มีการติดมาให้เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน
รูปลักษณ์ดีไซน์
Vivo V19 เป็นสมาร์ตโฟนในเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมหน้าจอเจาะรูฝังกล้องไว้ภายใน ซึ่งได้มีการอัพเกรดขึ้นไปอีกขั้นด้วยกล้องหน้าเซลฟี่แบบคู่ (Dual Camera) ที่จัดเต็มทั้งความละเอียดและให้มุมมองกว้างพิเศษถึง 105 องศา และยังคงคอนเซ็ปต์อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบให้เลนส์กล้องมีขนาดที่เล็กมาก ๆ ส่งผลให้ดูกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังสามารถคงความละเอียดของกล้องหน้าได้สูงถึง 32 ล้านพิเซล + 8 ล้านพิกเซล
สำหรับดีไซน์ในภาพรวมยังคงมีกลิ่นอายจากรุ่นพี่ V17 อยู่บ้าง ทั้งโมดูลกล้องด้านหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของกล้องคอมแพค โดยถูกออกแบบให้มีความสมมาตรตามหลักเรขาคณิตที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการดีไซน์แบบ Retro-styled โดยกล้องหลัง 4 ตัวจัดวางเลย์เอาท์อยู่ในมุมโค้งอันหรูหราของกรอบสี่เหลี่ยม ส่วนตัวเครื่องถูกออกแบบตามหลัก Ergonomic ที่ให้ความโค้งมนแบบ 3D จึงสอดรับกระชับเข้ากับสรีระของฝ่ามือได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถจับถือได้ถนัด ไม่ลื่นหลุดมือได้โดยง่าย
สำหรับฝาหลังของตัวเครื่องเลือกใช้วัสดุกระจกคุณภาพดี ให้ฟิลลิ่งหรูหราสวยล้ำค่า โดยสี Gleam Black จะเป็นสีดำให้ความรู้สึกสง่างามคลาสสิกเหนือกาลเวลา และสีเงิน Sleek Silver เปรียบดั่งความมหัศจรรย์ของกลุ่มดาวบนท้องฟ้านั่นเอง
ตัวเครื่องสี Sleek Silver ที่ทางเว็บได้มารีวิว มีความพิเศษในเรื่องของการแสดงสีสันของตัวฝาหลัง โดย V19 ได้ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีการเคลือบสีในชั้นเลเยอร์ของฝาหลังอย่างมีระดับ ส่งผลให้ตัวเครื่องจะแสดงสีสันที่แตกต่างกันยามเมื่อแสงตกกระทบกับตัวเครื่องในมุมต่าง ๆ โดยมีทั้งสีบรอนซ์เงิน สีทอง สีฟ้าอมม่วง ซึ่งต้องบอกเลยว่านี่คือการออกแบบได้เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นของซีรีส์ V อย่างแท้จริง
หน้าจอใหญ่เต็มตา มาพร้อมความคมชัดสุดใจ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ด้วยหน้าจอแสดงผล Ultra O Screen Display ชนิด Super AMOLED ในขนาด 6.44 นิ้ว บนความละเอียด 1080 × 2400 พิกเซล (FHD+) พร้อมอัตราส่วน 20:9 มีขอบเขตสี DCI-P3 100% และยังรองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอแสดงผล (In-display Fingerprint Scanning) อันเป็นจุดขายของทางค่าย Vivo เหมือนเช่นเคย
กล้องหน้าเซลฟี่แบบ Dual Camera ที่ออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้มุมขวาบนได้อย่างลงตัว โดยจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม ด้วยความละเอียดของกล้องหลักที่สูง 32 ล้านพิกเซล ผสานกับกล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ให้มุมมองกว้างพิเศษถึง 105 องศา สามารถถ่ายเซลฟี่แบบหมู่คณะโดยไม่ตกหล่นเพื่อน ๆ หรืออยากจะเก็บวิวทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาให้กว้างกว่าที่เคยก็ยังไหว นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นโหมด Super Night Selfie, Ultra Stable Selfie Video และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามสมจริงในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์
ด้านบนตัดขอบด้วยสีบรอนซ์เงิน พร้อมออกแบบให้มีความโค้งเว้า ทำให้ดูมีเส้นสายและเกิดมิติที่สวยงาม สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่เป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึกเสียงด้วย
ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ที่จัดวางตำแหน่งได้ดีมาก คือไม่อยู่สูงหรือต่ำจนเกินไป ส่งผลให้สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ด นอกจากนี้ขอบด้านข้างทั้งสองฝั่งยังออกแบบให้มีเส้นสายพาดผ่านแบบรอบตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องดูสวยงามมีมิติขึ้นอีกด้วย
ตัวถาดซิมของ Vivo V19 เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 256GB
กล้องหลังจัดเต็มสุดคมชัดด้วย AI Quad Camera 48 ล้านพิกเซล มาพร้อมชิ้นเลน์ ASPH คุณภาพสูง โดยมีรายละเอียดดังนี้
เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
เลนส์ Super Wide Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo V19
Vivo เป็นค่ายแรกที่นำเสนอนวัตกรรม In-Display Fingerprint Scanning หรือการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอัพเกรดและพัฒนาตัวเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยเจนเนอเรชั่นล่าสุดมีการอัพเกรดตัวเซ็นเซอร์ใหม่แบบ 3 ชิ้นเลนส์ จึงส่งผลให้การทำงานมีความรวดเร็วแม่นยำที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ๆ ต้องบอกเลยว่าการปลดล็อคนั้นมีความเร็วที่เหนือกว่าแบบสัมผัสได้จริง
สำหรับฟีเจอร์ In-Display Fingerprint Scanning บน Vivo V19 รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้ว และนอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 6 รูปแบบ รวมถึงสามารถเปลี่ยนไอคอนที่แสดงบนหน้าจอได้อีก 4 รูป ซึ่งจะช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ส่วนระบบ Face Unlock บน Vivo V19 มีความรวดเร็วแม่นยำ ไม่แพ้ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาไม่ถึง 0.60 วินาที สามารถทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา และมี Effect ในขณะปลดล็อกหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 5 รูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปลดล็อกที่ผสานทั้ง 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Ultra O Screen Display
Vivo V19 อัพเกรดจอแสดงผลด้วยวัสดุ E3 OLED รุ่นใหม่คุณภาพสูงบนพาเนล Super AMOLED โดยมีหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว ที่ใหญ่เต็มตา สามารถแสดงขอบเขตสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ได้สูงถึง 100% จึงให้สีสันที่สวยงามสมจริง และยังมาพร้อมกับอัตราส่วนขนาดใหม่ 20:9 ที่พร้อมตอบโจทย์ด้านการรับชมคอนเทนต์และการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Vivo V19 ยังเป็นสมาร์ตโฟนที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน TÜV ประเทศเยอรมัน ในด้านความปลอดภัยจากจากแสงสีฟ้า ซึ่งเมื่อเทียบกับจอ E2 ทั่วไปสามารถกรองแสงสีฟ้าได้ถึง 42% รวมถึงยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันการกระพริบ ที่ทำให้เกิดภาพสั่นไหวขณะหน้าจอมีความสว่างต่ำ (Low Brightness Anti-Flicker) ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานมีความสมูทราบลื่น พร้อมช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้งานในทุกสภาพแสงอีกด้วย
Always On Display
Vivo V19 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษ Always On Display ที่ใช้พลังงานต่ำ จากคุณสมบัติพิเศษ Self-illuminating ของจอ Super AMOLED ทำให้เราไม่พลาดในการดูแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในรูปแบบเรียลไทม์
และนอกจากจะทำให้การดูเวลากับการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่าง ๆ มีความสะดวกคล่องตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว ผู้ใช้งานยังปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลของนาฬิกา, แบล็คกราวน์และสี แถมยังสามารถดาวน์โหลดรูปแบบใหม่ ๆ มาใช้งานได้อีกด้วย
Multi-Turbo 3.0
Multi-Turbo 3.0 บน Vivo V19 จะพาผู้ใช้งานไปสัมผัสประสบการณ์ความรวดเร็วด้วย ART++ Turbo เพื่อเพิ่มความเร็วในการเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น โดยฟีเจอร์ Game Turbo จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสัมผัสให้เร็วขึ้น และการตอบสนองได้ไวขึ้น พร้อมด้วย Center Turbo ที่ช่วยลดปัญหาเฟรมเรตตกได้ถึง 78.05%
Ultra-Game Mode
Ultra-Game Mode ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสนุกในการเล่นเกมขั้นสุด สามารถเล่น E-sports ได้อย่างมืออาชีพโดยใช้ Competition Mode เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น และ นอกจากนี้ยังมี AI Turbo ที่มีความฉลาดในการสั่งงาน ซึ่งช่วยให้สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยให้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่าง บันทึกหน้าจอ Screen Recording และจับภาพหน้าจออย่างรวดเร็ว Fast Screen Capture ก็มีมาให้ใช้งานอย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ยังอัพเกรดฟีเจอร์เด่น ๆ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Killer Countdown ที่สามารถเตือนถึงเวลาที่เหลือก่อนที่เกมจะเริ่ม เพื่อช่วยให้เราเตรียมตัวหรือสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นในขณะรอเกมจะรันขึ้นนั่นเอง
และโหมดล่าสุด Game Vibration ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์สั่นสะเทือน ส่งผลให้การเล่นเกมต่อสู้ได้ดุเดือด มีความสมจริง เช่นการสั่นตอบสนองในเวลาที่ยิงปืน หรือการชน การกระแทกเป็นต้น
Voice Changer ฟังก์ชันเปลี่ยนเสียงในเกม ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกเอฟเฟกต์เสียงตัวละครที่หลากหลายระหว่างเล่นเกมกับเพื่อนร่วมทีม โดยเปลี่ยนเป็นเสียงย่านต่ำ หรือเสียงที่ให้ความตลกขบขัน ทำให้การสนทนาระหว่างการเล่นเกมนั้นสนุกสนาน และมีสีสันมากยิ่งขึ้น
Game Center
Game Center เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ โดยเป็นศูนย์รวมของเกมที่น่าสนใจ มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและดาวน์โหลด นอกจากนี้ Game Space ยังมาพร้อมความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระหว่างการเล่นเกม เช่น ดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
เทคโนโลยีชาร์จไว 33W vivo FlashCharge 2.0
มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,500mAh ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานครบวัน แถมยังมีระบบชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี 33W vivo FlashCharge 2.0 ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 54% พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 9 ชั้น ซึ่งถือว่าชาร์จได้ไวและมีความปลอดภัยที่น่าประทับใจมาก ๆ
ทั้งนี้ควรใช้สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ