Camera & Sample
Vivo V15Pro มาพร้อมกล้องหลังแบบ Triple camera เป็นรุ่นแรกของซีรีส์ V โดยกล้องหลัง 3 เลนส์ของ Vivo V15Pro มีจุดเด่นด้วยกล้องตัวแรกมีความละเอียดสูงถึง 48 พิกเซล กล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเป็นเลนส์ Ultrawide ใช้ในการถ่ายภาพมุมกว้าง และปิดท้ายด้วยกล้องตัวที่สาม ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เป็น depth sensor ที่ช่วยในเรื่องการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอและโบเก้ของภาพ สำหรับเมนูอินเตอร์เฟซของกล้องถูกออกแบบให้มีความเรียบง่าย สามารถเข้าถึงโหมดการถ่ายและฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI นั่นเอง ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายรูปเป็นเรื่องง่ายแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี แม้จะไม่มีความรู้ ความชำนาญในด้านการถ่ายรูปมาก่อนก็ตาม เช่นฟีเจอร์ AI Scene Recognition ที่สามารถตรวจจับวัตถุหรือสภาพแวดล้อมที่อยู่หลังกล้องให้แบบอัตโนมัติ จากนั้นจะทำการแยกประเภทพร้อมปรับตั้งค่าการถ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ เช่นเราส่องกล้องไปที่อาหาร ก็จะมีไอค่อนรูปอาหารแสดงขึ้นมาในมุมล่างซ้ายของจอแสดงผล จากนั้นตัว AI ก็จะทำการประมวลผลพร้อมปรับแต่งให้ภาพที่ถ่ายออกมาแล้วมีความสมบูรณ์ที่สุด
สำหรับฟีเจอร์ไฮไลท์ที่เคยมีให้ใช้งานบน Vivo X21 , V9, V11 ก็ยังคงให้มาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น AR Stickers, Bokeh, Portrait mode, พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาให้ใช้งานอีกด้วย เช่น AI Night Mode ที่เป็นการถ่ายภาพซ้อน 12 ภาพ จากสภาพแสงที่มีความแตกต่างกัน จากนั้นนำภาพที่ได้มารวมกันเป็นภาพเดียว ทำให้ภาพถ่ายกลางคืนหรือในที่แสงน้อย มีความสว่างและคมชัดโดยไม่ต้องพึ่งพาขาตั้งกล้อง และโหมด AI Body Shaping ที่หลาย ๆ คนต้องชื่นชอบ เพราะสามารถปรับแต่งรูปร่างของเราให้ดูเพรียวบางสมส่วน เช่น ปรับให้แขน ขา หรือเอวดูเล็กลงเป็นต้น
กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียดจัดเต็ม 32 ล้านพิกเซล แน่นอนว่าจุดขายยังคงเป็น AI Face Beauty ที่สามารถใช้ความฉลาดจาก AI มาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความสนุกและได้ผลลัพธ์อันน่าประทับใจ แถมยังมีโหมด 3D Face Shaping ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด
ในส่วนของตัวแอปอัลบั้มบน Vivo V15Pro ก็มีความฉลาดล้ำด้วย AI ที่ช่วยแยกพร้อมระบุประเภทภาพถ่ายให้โดยอัตโนมัติ โดยแยกเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ แกลลอรีรูปภาพ, อัลบั้ม, การระบุภาพ AI เพื่อการค้นหาในภายหลังได้อย่างสะดวกง่ายขึ้น
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โดยที่ยังไม่ใช่ AI Face Beauty ภาพที่ได้ให้ความคมชัดที่ดี และสกินโทนก็ก็ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตาแต่อย่างใด
ลองเปิดใช้งาน AI Face Beauty ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ
นอกจากโหมด AI Face Beauty จะให้ภาพที่ดูสวยงามมีความเป็นธรรมชาติแล้ว Vivo V15Pro ยังมีโหมด 3D Face Shaping ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, ริมฝีปากอิ่ม, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว เป็นต้น
ฟีเจอร์ Portrait light effects จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเซลฟี่ และการถ่าย Portrait ด้วยกล้องหลัง ซึ่งจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึงพาอุปกรณ์เสริม โดยอัลกอริทึม AI ของ V15Pro จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow light, และ Monochrome background
Studio Light
Stereo Light
Loop Light
Rainbow light
Monochrome background
AR Stickers การใส่อีโมจิหรือสติ๊กเกอร์ 3D น่ารัก ๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งลงไปในรูปถ่ายของเรา โดยรองรับการทำงานทั้งกล้องหน้าและหลัง สามารถบันทึกเป็นไฟล์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทั้งนี้โหมด AR Selfie สามารถที่จะดีเทคตรวจจับภาพใบหน้าได้มากกว่า 1 ใบหน้าพร้อมกัน ทำให้เมื่อเราถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน ๆ ตัวกล้องก็จะใส่ AR Stickers ให้เพื่อนที่อยู่ในเฟรมของเราด้วย
กล้องหลัง Triple camera ขับเคลื่อนด้วย AI อันชาญฉลาด
คุณภาพกล้องหลังของ Vivo V15Pro อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมากครับ ทั้งความคมชัดและความแม่นยำของไวท์ บาลานซ์ โดยรูปนี้จะใช้โหมด Auto เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับโหมด Portrait Bokeh mode ที่ด้านล่าง
เมื่อเปิดโหมด Portrait Bokeh mode จะเห็นได้ว่าการละลายฉากหลังดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถเก็บดีเทล รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นปรอยผม หรือพวกเส้นขอบของเสื้อผ้าได้ค่อนข้างดีอีกด้วยครับ
Auto mode & Portrait mode
Auto mode & Portrait mode
สำหรับกล้องหลังของ Vivo V15Pro ก็มี AI Face Beauty มาให้ใช้งานไม่ต่างไปจากกล้องหน้าเลยครับ รวมไปถึงฟีเจอร์ Face Shaping ด้วย เรียกว่ากล้องหน้าทำได้อย่างไร กล้องหลังก็ทำได้ไม่แตกต่างกัน
และในโหมด AI Face Beauty สามารถเปิดใช้ Portrait mode ทำให้ภาพภาพที่ออกมานอกจากความสวยงามของ Face Beauty แล้ว ยังได้เรื่องของมิติของการละลายฉากหลังจากโหมด Portrait อีกทางหนึ่งด้วย
ฟีเจอร์ AI Portrait Framing จะช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลได้สวยงามและสะดวกง่ายดายขึ้น โดยฟีเจอร์นี้ จะตรวจจับภาพใบหน้าบุคคลที่อยู่ในเฟรม พร้อมแนะนำการหันกล้องไปในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งก็คือการจัดองค์ประกอบของภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดนั่นเอง ตรงนี้ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพบุคคลได้ดีมาก แม้เราจะถ่ายรูปไมเก่งก็ตาม
ตัวอย่างภาพที่ใช้งานฟีเจอร์ AI Portrait Framing
AI Blacklight HDR ประโยชน์ของโหมดนี้ก็คือ เมื่อเราถ่ายเซลฟี่หรือถ่ายรูปด้วยกล้องหลังในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างมาก ๆ หรือเมื่อย้อนแสง ถ้าเปิด HDR จะช่วยในเรื่องการเกลี่ยสภาพแสงโดยรวมและดีเทลของภาพให้มีความสมดุล อีกทั้งยังช่วยให้ใบหน้าของเราไม่ดำเนื่องจากการถ่ายย้อนแสงอีกด้วย
ตัวอย่างภาพบนจะเห็นว่าท้องฟ้าและฉากหลังนั้นสว่างจ้าจนเกินไป ส่วนภาพด้านล่างเมื่อเปิด HDR แล้วจะมีการเกลี่ยแสงที่สมดุล อีกทั้งสามารถดึงรายละเอียดกลับมาทั้งใบไม้และท้องฟ้าที่ด้านหลัง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโหมดที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันของเรา
Auto
เปิดใช้งาน AI Super Wide-Angle Camera มุมมองกว้างพิเศษ
เปิดใช้งาน AI Super Wide-Angle Camera มุมมองกว้างพิเศษ
โหมด Auto
AI Super Night Mode
โหมด Auto
AI Super Night Mode
โหมด Auto (12 ล้านพิกเซล)
โหมด Auto เปิดใช้งานที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล
โหมด Auto (12 ล้านพิกเซล)
โหมด Auto เปิดใช้งานที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล
สามารถคลิ๊กหรือดาวน์โหลดเพื่อเปรียบเทียบขนาดไฟล์และความละเอียดของไฟล์รูปภาพมาตรฐาน 12 ล้านและ 48 ล้านพิกเซล
มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้งานมากมาย ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายรูปของเรามีสีสันและดูน่าสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น
สรุปกล้อง Vivo V15Pro
เป็นพัฒนาการครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนซีรีย์ V ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมกล้องหน้า Pop-up และมาพร้อมความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซลเป็นรุ่นแรกของโลกอีกด้วย ส่วนกล้องหลัง Triple camera ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้างที่ตอบโจทย์การถ่ายรูปวิว หรือหมู่คณะได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่อัดแน่น พร้อมการขับเคลื่อนด้วย AI อันชาญฉลาด ส่งผลให้การถ่ายรูปบน Vivo V15Pro สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดี แม้จะไม่ได้มีความรู้ทางด้านการถ่ายภาพมาก่อนก็ตาม
ในแง่ของคุณภาพจากกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ต้องบอกว่าน่าประทับใจมาก ๆ ด้วยความฉลาดจาก AI สามารถถ่ายทอดสกินโทนของบุคคลออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ภาพที่ดูคมชัด ใสเคลียร์ และมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุกและให้ผลลัพธ์ที่น่าน่าตื่นตาตื่นใจ เช่น Portrait light effects, AI Face Beauty, 3D Face Shaping เป็นต้น เชื่อว่าผู้ใช้งานที่ได้ลองใช้ฟีเจอร์เหล่านี้จะประทับใจอย่างมิรู้ลืมเลยครับ
สำหรับกล้องหลัง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของทางค่าย Vivo ด้วยการเปิดตัวกล้องหลัง 3 เลนส์เป็นรุ่นแรกของซีรีส์ V ที่มาพร้อมความโดดตั้งแต่ระดับ Hardware ด้วย Quad Pixel Sensor พร้อมระบบ AI รุ่นใหม่ อีกทั้ง Vivo ยังได้พัฒนาประสิทธิภาพของโหมดถ่ายภาพต่าง ๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้ง AI Body Shaping, AI Portrait Lighting ซึ่งในภาพรวมคุณภาพจากกล้องหลัง 3 เลนส์บน Vivo V15Pro นั้นเด่นในเรื่องความคมชัด และไวท์บาลานซ์ที่แม่นยำ สามารถถ่ายทอดสีสันออกมาได้สมจริงเป็นธรรมชาติ ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับ Mid-Range ที่มีกล้องดีมาก ๆ อีกรุ่นหนึ่งในตลาด ณ ตอนนี้
สรุป Vivo V15Pro
ข้อดี
1. เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ กล้องหน้าป็อปอัพ สไลด์อัตโนมัติ ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซลเป็นรุ่นแรกของโลก
2. สเปคแรงในราคาสุดคุ้ม มาพร้อมชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Snapdragon 675 AIE ที่เร็ว แรง ฉลาดขึ้นกว่าเดิม และจัดสรรพลังงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
3. ฟีเจอร์ Dual Turbo ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ไหลลื่น ตอบโจทย์คอเกมได้อย่างลงตัว
4. เทคโนโลโลยี In-Display Fingerprint Scanning สแกนนิ้วในจอแสดงผล รุ่นที่ 5 มีการอัพเกรดทางด้าน Hardware สามารถปลดล็อดได้เร็วขึ้น ซึ่งใช้เวลาเพียง 0.37 วินาทีเท่านั้น
5. ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า Face unlock บน Vivo V15Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Face Access ทำให้ปลดล็อคได้รวดเร็วแม่นยำด้วย แม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืด
6. หน้าจอแสดงผล Ultra FullView Display แบบ Super AMOLED 16 ล้านสี สวยงามคมชัด ไร้รอยบาก อีกทั้งยังมีขอบจอบางเฉียบ ส่งผลให้มีอัตราแสดงผลสูงถึง 91.64% ทำให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง Youtube หรือ Netflix และเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
7. กล้องหน้าหลัง/ ขับเคลื่อนด้วย AI อันชาญฉลาด จัดเต็มด้วยฟีเจอร์เด่น ๆ มากมาย ช่วยให้การถ่ายรูปสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ดี แม้จะไม่ได้มีความสามารถด้านการถ่ายภาพมาก่อนก็ตาม
8. การจัดสรรพลังงานทำได้ค่อนข้างดี การใช้งานทั่ว ๆ ไป สามารถใช้งานได้ครบวัน และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว (Dual-Engine Fast Charging)
9. การเชื่อมต่อให้มาอย่างครบถ้วน รวมไปถึงรองรับ Full Netcom 4.0 และ Dual VoLTE
10. รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดไปพร้อม ๆ กับการใส่หน่วยความจำภายนอก MicroSD Card
สิ่งที่ต้องพิจารณา
- ไม่มี NFC
- พอร์ตชาร์จยังเป็น Micro USB