ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน Vivo V15Pro
สำหรับนวัตกรรมอันล้ำสมัย In-Display Fingerprint Scanning หรือการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายในจอแสดงผล บน Vivo V15Pro นับเป็นรุ่นที่ 5 แล้วครับ โดยรอบนี้มีการอัพเกรดในส่วนของตัวเซ็นเซอร์ และเพิ่มชิ้นเลนส์เป็น 3 ชิ้น โดยมาพร้อมความไวในการปลดล็อดที่เร็วขึ้นซึ่งใช้เวลาเพียง 0.37 วินาทีเท่านั้น
สำหรับการทำงานของ In-Display Fingerprint Scanning จะไม่แตกต่างไปจากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติทั่ว ๆ ไป โดยตัวเซ็นเซอร์จะแสดงผลเป็นรูปไอคอนรอยนิ้วมืออยู่ที่ด้านล่างของจอแสดงผล (จะดับไปเองเมื่อเข้าสู่โหมดสแตนบาย) การปลดล็อคเพียงแค่แตะลงไปเบา ๆ ไม่ต้องออกแรงกดลงน้ำหนักมากกว่าปรกติแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อคหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ 4 รูปแบบ ซึ่งช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ในแง่ของความเร็วถือว่ามีความใกล้เคียงกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติ ส่วนเรื่องของความแม่นยำนั้นต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมาก ๆ เช่นกันครับ
การเซ็ตอัพหรือการเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปในระบบ จะใช้วิธีเดียวกับการเพิ่มลายนิ้วมือบนเซ็นเซอร์ที่มีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไปครับ ผู้ใช้งานไม่ต้องปรับตัวหรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษ อธิบายแบบง่าย ๆ เคยใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติมาอย่างไร เมื่อมาใช้งาน Vivo V15Pro ก็ใช้งานเหมือนเดิมนั่นเองครับ
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า face unlock บน Vivo V15Pro โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ Face Access ที่สามารถตรวจจับจุดต่าง ๆ บนใบหน้าได้ถึง 1,024 จุด ซึ่งส่งผลให้ให้การปลดล็อคโทรศัพท์ได้ง่ายและรวดเร็วแม่นยำ ใช้เวลาเพียง 0.55 วินาที และยังทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา
Vivo V15Pro มาพร้อมจอแสดงผล Ultra FullView Display แบบ Super AMOLED 16 ล้านสี ใช้วัสดุในการกระจายแสงคุณภาพสูง E2 และยังแสดงสีสันตรงตามมาตรฐาน P3 100% ค่า Contrast Ratio อัตราส่วนความเปรียบต่างของสี 10,000,000:1 ที่ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัด สามารถแสดงขอบเขตสีได้สมจริงแม่นยำ อีกทั้งยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.39 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 91.64% และด้วยความที่ไม่มี Notch หรือรอยบาก ทำให้เป็นจอแสดงผลแบบไร้ขอบอย่างแท้จริง ส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
Vivo V15Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 3700mAh และยังมีระบบชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 24% ถือว่าชาร์จได้ไวน่าประทับใจครับ ทั้งนี้ควรใช้สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ
Game Cube
โหมดเกม นอกจากการปรับแต่งทางด้านสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในด้านการแจ้งเตือนอีกด้วย เช่นการปฏิเสธสาย/การรับสายในแบบเบื้องหลัง / การบล็อคการแจ้งเตือน / สามารถแสดงคีย์บอร์ดในขนาดย่อส่วน เพื่อให้การเล่นเกมบน Vivo V15Pro มีความราบลื่นต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการสะดุดติดขัดมารบกวนใจในขณะเล่นเกม ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถตอบโจทย์คอเกมหรือผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมอย่างจริงจังได้เป็นอย่างดีเลยครับ
Software & Feature
Vivo V15Pro รันบนระบบปฏิบัตการ FunTouch OS 9 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie มาตั้งแต่แกะกล่อง โดยหน้าจอหลักมาพร้อมไอคอนที่มาพร้อมไอคอนแอปที่มีความโค้งมน และสีสันสดใส สามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังได้ตามใจชอบ รวมทั้งเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการ และตั้งค่า Home Screen ได้
Vivo V15Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด โดย Jovi Smart Scene จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการอัปเดตสภาพอากาศพร้อมการแจ้งเตือนการเดินทาง, การออกกำลังกายที่มีการเก็บสถิติครบถ้วน การแจ้งเตือนสิ่งที่ต้องทำ และการแจ้งเตือนในกีฬาที่เราชื่นชอบ เช่นแมตช์การแข่งขันในสัปดาห์นี้เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ผู้ช่วยที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอย่าง Google Lens ที่ช่วยเชื่อมโยงความสามารถในด้านการค้นหาร่วมกับกล้องถ่ายรูปได้อย่างลงตัว เช่น เรายกกล้องไปที่วัตถุ อย่างเช่น เมาส์ หรือตึกอาคารต่าง ๆ ตัว Google Lens สามารถที่จะระบุรายละเอียดของตัวเมาส์ หรือสถานที่ออกมาทำให้เราได้รับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ส่วนอีกหนึ่งผู้ช่วยก็คือ Google Assistant ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเราผ่านคำสั่งเสียง ซึ่งรองรับการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการเล่นเพลงหรือวีดีโอ การโทร/การส่งข้อความ การนำทาง ช้อปปิ้งหรือกระทั้งการจองตั๋วเครื่องบินก็ยังทำได้เช่นกัน ถือว่า Vivo V15Pro มาพร้อมผู้ช่วยที่ทำให้ชีวิตเราความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง
ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ Vivo V15Pro มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อมๆ กัน ถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็ก เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ยกตัวอย่าง โหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง
ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมากๆ ครับ
ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน ในภาพรวมต้องบอกว่า Vivo V15Pro นั้นมีแบตที่อึดอย่างน่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปไม่ได้เน้นเล่นเกม สามารถใช้งามได้ครบ 1 วันแบบสบาย ๆ
ตรงนี้นอกจากแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาสูงถึง 3,700mAh แล้ว ต้องบอกว่า Vivo V15Pro ปรับแต่ง Firmware มาได้ดีมาก ทำให้การจัดสรรพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Benchmarks & Performance
Vivo V15Pro ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ตรุ่นใหม่ “Qualcomm Snapdragon 675 AIE” บนสถาปัตยกรรม 11 นาโนเมตร ที่เร็ว แรง และฉลาดขึ้น อีกทั้งยังจัดเสรรพลังงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เมื่อดูที่ผลคะแนน Benchmarks จะเห็นว่าแรงขึ้นจาก Snapdragon 660 แบบสัมผัสได้จริง
เมื่อดูในส่วนของผลคะแนน Benchmarks ถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้แบบสบาย ๆ แถมยังมีจุดเด่นตรงที่มาพร้อม RAM ถึง 6GB แบบ DDR4 อีกด้วย รวมไปถึงเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetomete, Accelerometer ส่วนภาครับสัญญาณ GPS ก็มีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ
Multimedia & Entertain
Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo V15Pro นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะไม่ใส่ FM มาให้ใช้งาน แต่ Vivo ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบฟังวิทยุ โดยมีวิทยุ FM แบบทศนิยมหนึ่งจุดมาให้ใช้งาน ในภาคสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้ครับ ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลัง
VDO Player บน Vivo V15Pro รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ลองทดสอบเกมฮิต ๆ ในช่วงนี้ดูบ้าง
Asphalt 9 มาพร้อมกราฟฟิกสวยงาม แน่นอนว่าต้องการทรัพยากรทางด้าน Hardware ที่แรงอยู่ไม่น้อย ซึ่ง Vivo V15Pro นั้นเล่นเกมนี้ได้ลื่นไหลใช้ได้เลยครับ และไม่พบเจอการสะดุดหรือหน่วงจนผิดปรกติแต่อย่างใด งานนี้ต้องยกความดีให้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Snapdragon 675 และฟีเจอร์ Dual Turbo ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
PUBG สามารถเล่นในระดับความละเอียดระดับสูงได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วงสะดุดติดขัดให้หัวร้อนแต่อย่างใด ส่วน ROV ลากเฟรมเรทสูง ๆ แบบยาว ๆ ในทุกฉากไม่มีตก ไม่ว่าจะช่วงเดินเล่นชิล ๆ หรือยกพวกตะลุมบอนหมู่
สรุป Vivo V15Pro จัดเป็นสมาร์ทโฟน Mid-Range อีกหนึ่งรุ่นในตลาด ที่สามารถตอบโจทย์คอเกมได้เป็นอย่างดีเลยครับ