รับชมพรีวิว Vivo V15 https://bit.ly/2UQeeVj กันไปแล้ว วันนี้พามาชม Full Review กันต่อครับ โดย Vivo V15 เป็นน้องเล็กในซีรีส์ V15 ที่มีฟีเจอร์และความสามารถแทบจะถอดดีเอ็นเอมาจากรุ่นพี่ V15Pro มาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมสุดล้ำด้วยกล้องหน้าสไลด์ POP Up ที่พกความละเอียดมาสูงถึง 32 ล้านพิกเซลเป็นรุ่นแรกของโลก และกล้องหลัง AI Triple Camera ที่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นต่าง ๆ มากมาย ที่พร้อมเปิดประสบการณ์ในการถ่ายภาพที่เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนฟีเจอร์จัดเต็มในราคาจับต้องได้ Vivo V15 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามครับ
สเปคเบื้องต้น VIVO V15
ขนาด | 161.97 × 75.93 × 8.54 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 189.5 กรัม |
หน้าจอ | Ultra FullView Display แบบ IPS LCD 16 ล้านสี ความละเอียด FHD+ 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว, กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 |
หน่วยประมวลผล | Octa-core 2.1GHz, ชิปเซ็ท Mediatek Helio P70 (12nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 |
RAM | 6GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
microSD Card | สูงสุด 256GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหน้าเซลฟี่แบบ POP Up ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.0 รองรับฟีเจอร์ AI Face Shaping, AI Portrait Lighting และ AR Sticker, กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 24 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.25 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Quad Pixel Sensor โดยมีขนาด 1.6 ไมครอน และรูรับแสง f/1.8 สำหรับกล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ AI Super Wide-Angle 120 องศาความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และกล้องตัวที่สามสำหรับทำ Bokeh ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับฟีเจอร์ Live Photos, Bokeh, AI Portrait Lighting, AI Face Beauty, AI Body Shaping และ AI Scene Recognition รวมถึง Super Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืน |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | 4G LTE 800/900/1800/2100/2300/2600 MHz และ 3G 850/900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging |
ราคา | 10,990 บาท |
PACKAGING & ACCESSORIES
กล่องแพคเกจของ Vivo V15 แทบไม่แตกต่างต่างไปจาก V15Pro โดยใช้โทนสีขาวเป็นหลัก สำหรับด้านหน้ากล่องมีรูปตัวเครื่อง V15 ขนาดใหญ่ พร้อมกำกับขนาดความจุ RAM และ ROM อยู่มุมขวาด้านบน ส่วนด้านหลังมีไอคอนสเปคและไฮไลท์ฟีเจอร์รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ / ใบรับประกันสินค้า
- เข็มจิ้มสำหรับเปิดถาดซิมการ์ด
- อแดปเตอร์ชาร์จ Output 5V – 2A / 9V – 2A รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast
- สายดาต้าลิงค์แบบ microUSB
- ชุดหูฟังแบบ in-ear ขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
- เคสซิลิโคนแบบใสขอบดำ
DESIGN & HARDWARE
Vivo V15 โดดเด่นด้วยดีไซน์โฉมใหม่ Spectrum Ripple Design
โดยสี Glamour red จะมีการไล่เฉดสีแดง/ดำ พร้อมประกายระยิบระยับเสมือนหมู่ดาวในยามค่ำคืน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ส่วนโทนเฉดสี Topaz Blue จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างการไล่เฉดสี ที่มีลวดลายริ้วคลื่น ผสานด้วยตารางสวยสะดุดตา และตัวเครื่องถูกออกแบบในลักษณะของ 3D ที่มีความโค้งมนสมดุล น้ำหนักเบาเพียง 189.5 กรัม ส่งผลให้จับถือได้ถนัดกระชับ สามารถสอดรับเข้ากับสรีระของฝ่ามือได้เป็นอย่างดี
สำหรับหน้าจอแสดงผล ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์หลัก ด้วยหน้าจอแสดงผล Ultra FullView Display ขนาดใหญ่เต็มตาถึง ไร้ติ่งหรือรอยบาก ส่งผลให้เป็นจอแสดงผลแบบไร้ขอบที่แท้จริง โดยมีขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง 2.5D มีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องสูงถึง 90.95% ผสานความแข็งแกร่งด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้วยการฝังเซ็นเซอร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์แสงจับระยะห่างไว้ในจอแสดงผลอีกด้วย
สี Glamour red ที่ได้มารีวิวในครั้งนี้ จะมีการไล่เฉดสีแดง/ดำ พร้อมประกายระยิบระยับเสมือนหมู่ดาวในยามค่ำคืน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ในภาพรวมการออกแบบดีไซน์มีความโดดเด่น และสัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมจาก Vivo V15
มาพร้อมจุดขายเหมือนรุ่นพี่ V15Pro ด้วยกล้องหน้าเซลฟี่แบบ Pop Up (เลื่อนอัตโนมัติ เมื่อเข้าฟังก์ชั่นกล้อง) ทำงานด้วยระบบ Electric Motor ที่มีสปริงช่วยผ่อนแรงเลื่อนขึ้น-ลงด้วยความเบาในระยะเวลา 0.46 วินาที มีการทดสอบเลื่อนขึ้นลงมากกว่า 300,000 ครั้ง และ 1,000 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้ ยังสามารถปรับตั้งค่าเสียงเมื่อกล้องเลื่อนขึ้น-ลงได้ 3 เสียง
ด้านหลังเครื่องโดยมุมซ้ายด้านบนมีเลนส์กล้องดิจิทัล 3 ตัว AI Triple Camera ความละเอียด 24+8+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED ในแนวตั้ง ขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนและใช้ในการบันทึกเสียง, ถัดไปเป็นช่องเลื่อนสไลด์ของกล้องหน้าเซลฟี่แบบ POP Up
ด้านล่างจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ไมค์สนทนา, พอร์ต Micro USB และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดและปิดเครื่อง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดและหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card ถัดลงมาคือปุ่มผู้ช่วยอัจฉริยะ “vivo Jovi” ซึ่งสามารถเรียกด้วยการกดปุ่ม Smart button สองครั้ง หรือเรียก Google Assistant ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
ตัวถาดซิมการ์ดเป็นแบบ Triple slot รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม และสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 256GB
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน VIVO V15
Vivo V15 มาพร้อมจอแสดงผล Ultra FullView Display แบบ IPS LCD 16 ล้านสี ที่ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัด สามารถแสดงขอบเขตสีได้สมจริงแม่นยำ อีกทั้งยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 90.95% และด้วยความที่ไม่มี Notch หรือรอยบาก ทำให้เป็นจอแสดงผลแบบไร้ขอบอย่างแท้จริง ส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
Vivo V15 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุใจถึง 4,000mAh และยังมีระบบชาร์จไวด้วยเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที สามารถชาร์จได้ถึง 24% ถือว่าชาร์จได้ไวน่าประทับใจครับ ทั้งนี้ควรใช้สาย Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ
โหมดเกม นอกจากการปรับแต่งทางด้านสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในด้านการแจ้งเตือนอีกด้วย เช่นการปฏิเสธสาย/การรับสายในแบบเบื้องหลัง / การบล็อคการแจ้งเตือน / สามารถแสดงคีย์บอร์ดในขนาดย่อส่วน เพื่อให้การเล่นเกมบน Vivo V15 มีความราบลื่นต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการสะดุดติดขัดมารบกวนใจในขณะเล่นเกม ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถตอบโจทย์คอเกมหรือผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมอย่างจริงจังได้เป็นอย่างดีเลยครับ
SOFTWARE & FEATURE
Vivo V15 รันบนระบบปฏิบัตการ FunTouch OS 9 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie มาตั้งแต่แกะกล่อง โดยหน้าจอหลักมาพร้อมไอคอนที่มาพร้อมไอคอนแอปที่มีความโค้งมน และสีสันสดใส สามารถปรับเปลี่ยนธีม หรือภาพพื้นหลังได้ตามใจชอบ รวมทั้งเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการ และตั้งค่า Home Screen ได้
Vivo V15 มาพร้อมฟีเจอร์ Jovi AI Engine ผู้ช่วยอันชาญฉลาด โดย Jovi Smart Scene จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวันยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการอัปเดตสภาพอากาศพร้อมการแจ้งเตือนการเดินทาง, การออกกำลังกายที่มีการเก็บสถิติครบถ้วน การแจ้งเตือนสิ่งที่ต้องทำ และการแจ้งเตือนในกีฬาที่เราชื่นชอบ เช่นแมตช์การแข่งขันในสัปดาห์นี้เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ผู้ช่วยที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอย่าง Google Lens ที่ช่วยเชื่อมโยงความสามารถในด้านการค้นหาร่วมกับกล้องถ่ายรูปได้อย่างลงตัว เช่น เรายกกล้องไปที่วัตถุ อย่างเช่น เมาส์ หรือตึกอาคารต่าง ๆ ตัว Google Lens สามารถที่จะระบุรายละเอียดของตัวเมาส์ หรือสถานที่ออกมาทำให้เราได้รับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ส่วนอีกหนึ่งผู้ช่วยก็คือ Google Assistant ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเราผ่านคำสั่งเสียง ซึ่งรองรับการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการเล่นเพลงหรือวีดีโอ การโทร/การส่งข้อความ การนำทาง ช้อปปิ้งหรือกระทั้งการจองตั๋วเครื่องบินก็ยังทำได้เช่นกัน ถือว่า Vivo V15 มาพร้อมผู้ช่วยที่ทำให้ชีวิตเราความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง
ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ Vivo V15 มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด
สำหรับปุ่มนำทาง สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ และสามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เหลือพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รูปแบบการสั่งการแบบไหน เช่นการลากจากขอบด้านล่างจากตำแหน่งตรงกลาง เพื่อกลับไปที่หน้าโฮม ซึ่งก็เหมือนการกดที่ปุ่มโฮมนั่นเอง
โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของ Vivo ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น ปลดล็อคด้วยการโบกมือผ่านหน้าจอ การแจ้งเตือน การรับสายหรือเปลี่ยนเป็นโหมดแฮนด์ฟรีอัตโนมัติ ฯลฯ
โหมดใช้งานมือเดียวและการจับภาพหน้าจอที่มีความหลากหลาย สำหรับการจับภาพหน้าจอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษของ Vivo โดยสามารถจับภาพหน้าจอได้ยืดหยุ่นมาก ๆ ทั้งการลาก 3 นิ้วขึ้นไปจากหน้าจอแสดงผล
รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ หรือรูปแบบอิสระ อีกทั้งยังบันทึกหน้าจอในรูปแบบของวีดีโอได้อีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อมๆ กัน ถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
โหมดมอเตอร์ไซค์และโหมดสำหรับเด็ก เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก Vivo ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ยกตัวอย่าง โหมดเด็กเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทุกวันนี้ ที่เด็กเล็กบางกลุ่มสุ่มเสียงที่จะมีสมาธิสั้น อารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมก้าวร้าวจากการติดเกม ติดโทรศัพท์, Tablet ของผู้ปกครองนั่นเอง
ส่วนโหมดมอเตอร์ไซค์ตรงนี้แม้จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลักที่จะเลือกปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งการสวมใส่หมวกกันน็อค การปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์ในเชิงบวกที่น่าชื่นชมมากๆ ครับ
i Manager ผู้ช่วยในการบริหารจัดการโทรศัพท์ของเราให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ เช่นการลบไฟล์ขยะเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน, การสแกนไวรัส, ระบบระบายความร้อน หรือการปกป้องการชำระเงินเป็นต้น
ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน ในภาพรวมต้องบอกว่า Vivo V15 นั้นมีแบตที่อึดอย่างน่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปไม่ได้เน้นเล่นเกม สามารถใช้งามได้ครบ 1 วันแบบสบาย ๆ
ตรงนี้นอกจากแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาสูงถึง 4,000mAh แล้ว ต้องบอกว่า Vivo V15 ปรับแต่ง Firmware มาได้ดีมาก ทำให้การจัดสรรพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
BENCHMARKS & PERFORMANCE
Vivo V15 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ตรุ่นใหม่ “Mediatek Helio P70” บนสถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ที่เร็ว แรง และฉลาดขึ้น อีกทั้งยังจัดเสรรพลังงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
เมื่อดูในส่วนของผลคะแนน Benchmarks ถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้แบบสบาย ๆ แถมยังมีจุดเด่นตรงที่มาพร้อม RAM ถึง 6GB แบบ DDR4 อีกด้วย รวมไปถึงเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetomete, Accelerometer ส่วนภาครับสัญญาณ GPS ก็มีความแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ
MULTIMEDIA & ENTERTAIN
ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะไม่ใส่ FM มาให้ใช้งาน แต่ Vivo ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบฟังวิทยุ โดยมีวิทยุ FM แบบทศนิยมหนึ่งจุดมาให้ใช้งาน ในภาคสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้ครับ ส่วนฟีเจอร์ก็ให้มาอย่างครบถ้วน เช่นการบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ภายหลัง
VDO Player บน Vivo V15 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียด 4K ได้อย่างไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
Music Player มาพร้อมจุดเด่นด้าน Software ด้วยฟีเจอร์ DeepField เอฟเฟ็กต์เสียงที่พัฒนาโดย Vivo ทำให้เสียงที่ได้มีความนุ่มลึก คมชัดใสเคลียร์ รองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา อีกทั้งยังปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ได้ยืดหยุ่นและตรงใจผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง Vivo V15 นั้นไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
ลองทดสอบเกมฮิต ๆ ในช่วงนี้ดูบ้าง
Asphalt 9 มาพร้อมกราฟฟิกสวยงาม แน่นอนว่าต้องการทรัพยากรทางด้าน Hardware ที่แรงอยู่ไม่น้อย ซึ่ง Vivo V15 นั้นเล่นเกมนี้ได้ลื่นไหลใช้ได้เลยครับ และไม่พบเจอการสะดุดหรือหน่วงจนผิดปรกติแต่อย่างใด งานนี้ต้องยกความดีให้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Mediatek Helio P70 และฟีเจอร์ GAME CUBE ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
PUBG แม้จะไม่สามารถเล่นในระดับความละเอียดระดับสูงได้ แต่ในภาพรวมไม่มีอาการหน่วงสะดุดติดขัดให้หัวร้อนแต่อย่างใด ส่วน ROV ลากเฟรมเรทสูง ๆ แบบยาว ๆ ไม่ว่าจะช่วงเดินเล่นชิล ๆ หรือยกพวกตะลุมบอนหมู่
สรุป Vivo V15 จัดเป็นสมาร์ทโฟน Mid-Range อีกหนึ่งรุ่นในตลาด ที่สามารถตอบโจทย์คอเกมได้เป็นอย่างดีเลยครับ
CAMERA & SAMPLE
Vivo V15 มาพร้อมกล้องหลังแบบ Triple camera เหมือนรุ่นพี่ V15Pro แต่ความละเอียดจะแตกต่างกันเล็กน้อย โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 24 พิกเซล กล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเป็นเลนส์ Ultrawide ใช้ในการถ่ายภาพมุมกว้าง และปิดท้ายด้วยกล้องตัวที่สาม ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เป็น depth sensor ที่ช่วยในเรื่องการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอและโบเก้ของภาพ สำหรับเมนูอินเตอร์เฟซของกล้องถูกออกแบบให้มีความเรียบง่าย สามารถเข้าถึงโหมดการถ่ายและฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI นั่นเอง ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายรูปเป็นเรื่องง่ายแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี แม้จะไม่มีความรู้ ความชำนาญในด้านการถ่ายรูปมาก่อนก็ตาม เช่นฟีเจอร์ AI Scene Recognition ที่สามารถตรวจจับวัตถุหรือสภาพแวดล้อมที่อยู่หลังกล้องให้แบบอัตโนมัติ จากนั้นจะทำการแยกประเภทพร้อมปรับตั้งค่าการถ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ เช่นเราส่องกล้องไปที่อาหาร ก็จะมีไอค่อนรูปอาหารแสดงขึ้นมาในมุมล่างซ้ายของจอแสดงผล จากนั้นตัว AI ก็จะทำการประมวลผลพร้อมปรับแต่งให้ภาพที่ถ่ายออกมาแล้วมีความสมบูรณ์ที่สุด
กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียดจัดเต็ม 32 ล้านพิกเซล แน่นอนว่าจุดขายยังคงเป็น AI Face Beauty ที่สามารถใช้ความฉลาดจาก AI มาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความสนุกและได้ผลลัพธ์อันน่าประทับใจ แถมยังมีโหมด 3D Face Shaping ที่สามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, ริมฝีปากอิ่ม, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโหมด AI Body Shaping ที่หลาย ๆ คนต้องชื่นชอบ เพราะสามารถปรับแต่งรูปร่างของเราให้ดูเพรียวบางสมส่วน เช่น ปรับให้ สะโพก แขน ขา หรือเอวดูเล็กลง หรือก็กระทั้งวปรับให้ตัวสูงขึ้นก็ยังได้
ฟีเจอร์ AI Portrait Framing จะช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลได้สวยงามและสะดวกง่ายดายขึ้น โดยฟีเจอร์นี้ จะตรวจจับภาพใบหน้าบุคคลที่อยู่ในเฟรม พร้อมแนะนำการหันกล้องไปในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งก็คือการจัดองค์ประกอบของภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดนั่นเอง ตรงนี้ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพบุคคลได้ดีมาก แม้เราจะถ่ายรูปไมเก่งก็ตาม
ส่วน ฟีเจอร์ Portrait light effects จะเป็นการเติมเอฟเฟ็กต์แสง ซึ่งมีให้ใช้งาน 6 รูป ได้แก่ Natural light, Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow light, และ Monochrome background
ในส่วนของตัวแอปอัลบั้มบน Vivo V15 ก็มีความฉลาดล้ำด้วย AI ที่ช่วยแยกพร้อมระบุประเภทภาพถ่ายให้โดยอัตโนมัติ โดยแยกเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ แกลลอรีรูปภาพ, อัลบั้ม, การระบุภาพ AI เพื่อการค้นหาในภายหลังได้อย่างสะดวกง่ายขึ้น
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto ที่ยังไม่ปรับแต่งใด ๆ ภาพที่ออกมามีสกินโทนและสีสันที่ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา ส่วนเรื่องความคมชัดนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
ภาพซ้ายลองเปิดใช้งาน AI Face Beauty ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ ส่วนภาพขวาเป็นการเปิดใช้ฟีเจอร์ Portrait light effects
ทดสอบในการถ่าย Out-door ไปแล้ว ลองมาดูแบบ In-door สภาพแสงภายในอาคารกันบ้าง ซึ่ง Vivo V15 นั้นไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะถึงแม้จะเป็นในที่แสงน้อยหรือมีความหลากหลาย แต่ก็ยังให้ที่คมชัดและจัดการไวท์บาลานซ์ได้อย่างน่าประทับใจ
ไฟแฟลชของกล้องหน้าจะเป็นแบบ Flash on screen หรือใช้แสงจากหน้าจอแสดงผลเป็นไฟแฟลชนั่นเอง ซึ่งไฟแฟลชจากกล้องหน้านั้นช่วยให้การเซลฟี่ในเวลากลางคืนและในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น จากภาพตัวอย่างด้านซ้ายใบหน้าของนางแบบจะมีเงาที่ตกกระทบ เมื่อเปิดแฟลชแล้วจะลบเงาและช่วยให้ภาพดูมีมิติขึ้นอีกด้วย
AI Blacklight HDR ประโยชน์ของโหมดนี้ก็คือ เมื่อเราถ่ายเซลฟี่หรือถ่ายรูปด้วยกล้องหลังในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างมาก ๆ หรือเมื่อย้อนแสง ถ้าเปิด HDR จะช่วยในเรื่องการเกลี่ยสภาพแสงโดยรวมและดีเทลของภาพให้มีความสมดุล อีกทั้งยังช่วยให้ใบหน้าของเราไม่ดำเนื่องจากการถ่ายย้อนแสงอีกด้วย
ตัวอย่างภาพซ้ายมือจะเห็นว่าท้องฟ้าและฉากหลังนั้นสว่างจ้าจนเกินไป ส่วนภาพขวาเมื่อเปิด HDR แล้วจะมีการเกลี่ยแสงที่สมดุล อีกทั้งสามารถดึงรายละเอียดกลับมาทั้งใบไม้และท้องฟ้าที่ด้านหลัง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโหมดที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันของเรา
AR Stickers การใส่อีโมจิหรือสติ๊กเกอร์ 3D น่ารัก ๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งลงไปในรูปถ่ายของเรา โดยรองรับการทำงานทั้งกล้องหน้าและหลัง สามารถบันทึกเป็นไฟล์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทั้งนี้โหมด AR Selfie สามารถที่จะดีเทคตรวจจับภาพใบหน้าได้มากกว่า 1 ใบหน้าพร้อมกัน ทำให้เมื่อเราถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน ๆ ตัวกล้องก็จะใส่ AR Stickers ให้เพื่อนที่อยู่ในเฟรมของเราด้วย
ทดสอบกล้องหลังกันต่อ ด้วยโหมด Auto และโหมด Portrait ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ น่าประทับใจไม่แพ้กล้องหน้าเลยครับ
กล้องหลังมีโหมด AI Face Beauty มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า แถมยังทำงานร่วมกับโหมด Portrait ได้อีกด้วย
Portrait light effects
ฟีเจอร์ Portrait light effects จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเซลฟี่ และการถ่าย Portrait ด้วยกล้องหลัง ซึ่งจะให้ฟิลลิ่งที่แปลกใหม่โดยไม่ต้องพึงพาอุปกรณ์เสริม โดยอัลกอริทึม AI ของ V15 จะปรับภาพใบหน้าสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ และปรับแสงที่ใบหน้า ให้ภาพออกมามีความโดดเด่น ซึ่งเราสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ได้ทั้งแบบ Natural light, Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow light, และ Monochrome background
Natural light
Studio Light
Stereo Light
Loop Light
Rainbow light
Monochrome background
AI Body Shaping
AI Body Shaping ที่หลาย ๆ คนต้องชื่นชอบ เพราะสามารถปรับแต่งรูปร่างของเราให้ดูเพรียวบางสมส่วน เช่น ปรับให้ สะโพก แขน ขา หรือเอวดูเล็กลงได้เป็นต้น
จากภาพตัวอย่าง ภาพด้านบนใช้โหมด Auto ในการถ่าย ส่วนภาพด้านล่างเปิดใช้งาน AI Body Shaping ซึ่งถ้าสังเกตให้ดี ๆ จะเห็นว่าขาของนางแบบเรามีความเพรียวบางลงเล็กน้อย
เปิดใช้งาน AI Body Shaping โดยเลือกปรับตั้งค่าให้นางแบบเราสูงขึ้น โดยปรับไปที่ระดับสูงสุด ซึ่งเราจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน โดยภาพนางแบบด้านขวามือของเรานั้นตัวสูงขึ้น และมีช่วงขาที่เพียวบางลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เรายังสามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับทุกอย่างในภาพรวม หรือเลือกปรับแต่งเฉพาะจุดก็ย่อมได้เช่นกันครับ
AI Body Shaping ถือว่าเป็นโหมดที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง เรียกว่าสวยใส เพอร์เฟกต์ทุกช็อตทั้งใบหน้าและรูปร่างอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งจุดขายของซีรีส์ V15 ก็คือกล้องที่มาพร้อม AI Super Wide-Angle Camera ที่มีมุมมองกว้างเป็นพิเศษ สามารถเก็บภาพวิวทิวทัศน์ หรือหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป
โหมด Auto
AI Super Wide-Angle Camera มุมมองกว้างพิเศษ
โหมด Auto
AI Super Wide-Angle Camera มุมมองกว้างพิเศษ
จากนี้ไปดูภาพรวม ๆ จากกล้องหลังของ Vivo V15 กันต่อได้เลยครับ
สรุป Vivo V15
Vivo V15 แทบจะถอดแบบจุดเด่นของรุ่นพี่ V15Pro มาอย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องของฟีเจอร์อันอัดแน่น และดีไซน์ที่มีความสวยงามพร้อมแฝงไปด้วยพรีเมี่ยม รวมไปถึงนวัตกรรมสุดล้ำ กล้องหน้าสไลด์ POP Up ที่พกความละเอียดมาสูงถึง 32 ล้านพิกเซลเป็นรุ่นแรกของโลก และกล้องหลัง AI Triple Camera ซึ่งทำผลงานได้ดีไม่แพ้รุ่นพี่เลยครับ ถ้าให้นิยาม Vivo V15 ก็คงต้องบอกว่าเป็น “สมาร์ทโฟนดีไซน์สวย กล้องเด่นจัดเต็ม มีความไฮเทค ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้” สำหรับเพื่อน ๆ ที่มองหาสมาร์ทโฟนครบครัน ครบเครื่อง ในราคาหมื่นต้น Vivo V15 สามารถตอบโจทย์ได้อย่าางแน่นอน