รีวิว realme C17 สมาร์ตโฟนจอ 90Hz ลื่นกว่าที่เคย พร้อมดีไซน์ Cat’s eye ในราคาเบาๆ

โดย K.ibelieveit
0 ความเห็น 3.5K views

คุณสมบัติการใช้งาน

realme C17 มาพร้อม realme UI บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 10 และ realme UI ซึ่งมีหน้าตาที่มีสีสันสดใส high-saturation ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา พร้อมพัฒนาภาพเคลื่อนไหวแอนิเมชั่นให้รวดเร็วและไหลลื่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งไอคอนได้ด้วยตนเอง

 

มาพร้อมโหมดกลางคืน หรือ Dark Mode สำหรับปรับ UI เป็นโทนสีดำ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ดูสบายตามากขึ้นด้วย ตอบโจทย์การใช้งานในเวลากลางคืนได้เป็นอย่างดี

รวมถึงยังมีโหมดถนอมสายตา ซึ่งรองรับการปรับอุณหภูมิของหน้าจอ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ

และ โหมดกำหนดสีหน้าจอ รองรับโหมดแสงหน้าจอ 2 แบบ ได้แก่ Vivid mode จะแสดงผลในช่วงสี P3 ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา สดชื่นและ Gentle mode จะแสดงผลในช่วงสี sRGB ให้ความรู้สึกสุขุม เย็นสบายตา

 

เมื่อใช้นิ้วแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะพบกับไอคอนการเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งการใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth , การหมุนหน้าจออัตโนมัติ, Dark Mode  เป็นต้น รวมถึงมี Notification Center แถบการแจ้งเตือนต่างๆ และสามารถเลือกไอคอนอื่นที่ใช้งานบ่อยๆ มาสลับเปลี่ยนได้อีกด้วย

 

สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้โดยกดค้างที่ตรงกลางของหน้าจอ

เลือกเปลี่ยนธีมและภาพพื้นหลังของเครื่องได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน โดยเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่แอป realme Theme Store

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับการใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

 

 

รวมทั้งรองรับการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ด้านหลังเครื่อง โดยนอกจากปลดล็อคหน้าจอแล้วยังสามารถตั้งค่าปลดล็อคแอป และที่เก็บข้อมูลส่วนตัวได้

 

มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

 

มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี

 

ประสิทธิภาพ

realme C17 ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 460 บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 11nm แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 1.8GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610 โดยใช้หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB แบบ LPDDR4x, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB แบบ UFS 2.1 เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB

 

ผลทดสอบประสิทธิภาพ realme C17 บนแอป AnTuTu

 

ผลทดสอบประสิทธิภาพ realme C17 บนแอป GeekBench

 

สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ

 

มัลติมีเดียและความบันเทิง

 

realme C17 มาพร้อมฟังก์ขันวิทยุ FM ซึ่งต้องเสียบชุดหูฟังก่อนจึงจะรับฟังได้ โดยฟังก์ชันดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่มีในสมาร์ตโฟน realme ตระกูล C Series มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ เลย

 

 

Music Player บน realme C17 มาพร้อมความสามารถที่ครบเครื่อง เรียกว่าไม่แตกต่างจากแอป Music Player ยอดนิยมทั่ว ๆ ไป เช่นการเล่นสุ่ม/เล่นซ้ำ การสร้างเพลย์ลิสต์ ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเป็นต้น แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน ก็คือระบบเสียง Real HD Sounds ที่ช่วยปรับปรุงให้คุณภาพเสียงนั้นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง อีควอไลเซอร์ได้ยืดหยุ่นตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์เต็มอิ่มครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน

 

 

สำหรับ Video Player บน realme C17 รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้อย่างสมูทไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น  

 

ทดสอบการเล่นเกม

 

 

ในด้านประสิทธิภาพต้องบอกว่าตัวชิปเซ็ต Snapdragon 460 นั้นทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยผลคะแนนต่าง ๆ ที่ออกมา ถือว่าเกินความคาดหมาย เพราะถึงแม้จะให้ RAM มาเพียง 4GB แต่มาพร้อมจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ทำให้การใช้งานทั่วไปมีความลื่นไหล และเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

 

 

Asphalt 9 เลือกปรับกราฟิกคุณภาพสูง สามารถเล่นได้ แต่จะหน่วง ๆ หน่อย ต้องปรับเป็นค่าเริ่มต้น ก็จะพบกับความลื่นไหล ในภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง 

 

 

ทดสอบกับเกม PUBG โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับดี” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับกลาง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ

 

ปิดท้ายกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme C11 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้ แต่อาจจะได้ได้ลื่นมากนัก โดยการเล่นบนเฟรมเรทสูงจะมีอาการสวิงขึ้นลงบ้าง แต่ถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว

Facebook Comments

Related Posts