รีวิว realme 9 สมาร์ตโฟนกล้อง 108MP เซนเซอร์ Samsung HM6, ชิป Snapdragon 680 และจอ Super AMOLED 90Hz

โดย K.ibelieveit
0 ความเห็น 5K views

คุณสมบัติการใช้งาน

realme 9 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0 นำเสนอรูปลักษณ์ใหม่ที่สดใสด้วยการออกแบบ Fluid Space และ Sketchpad AOD คุณสมบัติใหม่ที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ และการปรับปรุงทั่วทั้งระบบเพื่อทำให้สมาร์ตโฟน realme ของคุณเร็วขึ้นและลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิม

ใน realme UI 3.0 รองรับการปรับแต่งธีมสีแบบสากล เพื่อให้ผู้ใช้เลือกโทนสีที่โดนใจได้ตามใจ รวมถึงการอัปเกรด AOD ( Always-On Display) เพื่อให้ผู้ใช้นำภาพโปรดมาทำเป็นภาพหน้าจอได้อย่างง่ายดาย หรือเลือก AOD ดีไซน์ realmeow (เรียวเหมียว) มัสคอตสุดน่ารักของแบรนด์ ให้คุณแสดงตัวตนที่โดดเด่นได้ไม่เหมือนใครอีกด้วย

มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน

 

สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง

พร้อมโหมดสีหน้าจอที่เลือกปรับได้ทั้งเจิดจ้า เป็นธรรมชาติ และโหมดโปรที่เลือกได้ทั้งภาพยนตร์ และสดใส รวมถึงมีโหมดถนอมสายตา และปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ และเลือกการแสดงผลหน้าจอเพื่อซ่อนกล้องหน้า และสแดงผบแบบเต็มหน้าจอได้

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultra-fast โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ In-display Fingerprint

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับ 4G LTE แบบ Dual SIM Dual Standby

มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), การสแกนไวรัส, การอนุญาตสำหรับความเป็นส่วนตัว, การจัดการแอป, แบตเตอรี่ และปิดกั้นและกรองสายหรือข้อความที่ต้องการระงับ ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี

รองรับระบบเสียง Real Sound ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง realme และ Dirac Research AB ผ่านลำโพงสเตอริโอคู่แบบสเตอริโอ พร้อมรองรับ Hi-Res Audio เพื่อประสบการณ์การฟังที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ที่จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น

ประสิทธิภาพ

ทดสอบการเล่นเกม

ในด้านประสิทธิภาพ realme 9 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 680 จาก Qualcomm กับเทคโนโลยีการผลิตขนาด 6 นาโนเมตรที่ทรงพลัง ใช้พลังงานต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ Snapdragon 662 รุ่นล่าสุดแล้ว Snapdragon 680 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 25% สามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้ราบรื่นกว่า ทั้งการเปิดใช้งาน การดาวน์โหลดเร็วขึ้น

รวมทั้งประสิทธิภาพของ GPU เพิ่มขึ้น 10% อีกทั้งอัตราเฟรมเรทที่สูงขึ้นด้วยเรียกได้ว่าจะช่วยมอบประสบการณ์การเล่นเกมให้ไหลลื่นยิ่งขึ้น

ทดสอบกับ Asphalt 9 เกมแข่งรถสุดฮิต เลือกปรับกราฟิกคุณภาพสูง ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 680 บวกกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 610 อันทรงพลัง และจอรีเฟรชเรท 90Hz ทำให้สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล โดยภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

ขณะที่ PUBG Mobile เกมแบทเทิลรอยัล โดยปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับสมดุล” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับกลาง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ

ปิดท้ายกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme 9 4G สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว

ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป AnTuTu

ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอป GeekBench 5

อ่านต่อ… คลิ๊กที่นี่ >>> Pages 3

Facebook Comments

Related Posts