คุณสมบัติการใช้งาน
realme 8 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 ที่ได้รับการสร้างมาอย่างดีเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สนุกมากยิ่งขึ้น โดยการออกแบบ UI คำนึงถึงความชอบและความสะดวกสบายของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใช้งานได้อย่างราบรื่นและสนุก และผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งไอคอนได้ด้วยตนเอง
มาพร้อม Dark Mode หรือโหมดกลางคืน สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ และยังทำให้เครื่องใช้พลังงานน้อยลงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย โดยเปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน
สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง
พร้อมโหมดถนอมสายตา และปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิสีเพื่อลดรังสีแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันอาการปวดตา และสามารถตั้งเวลา เปิด-ปิด อัตโนมัติ รวมถึงมีฟีเจอร์ OSIE Vision Effect ซึ่งเป็นการปรับสีสันของคอนเทนต์ให้สดใสมากยิ่งขึ้น
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultra-fast โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มเปิดปิดด้านขวาข้างเครื่อง
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับ 5G+5G DSDS (Dual 5G SIM) สามารถเชื่อมต่อ 5G ผ่านซิมการ์ดใดก็ได้เพื่อประสบการณ์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง นอกจากนี้ยังรองรับ 5G-CA (2CC 5G Carrier Aggregation) ซึ่งเป็นการนำความถี่หลายย่านมารวมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการรับสัญญาณ โดยรองรับความถี่ 5G ทั้งหมด 12 คลื่นทั่วโลก (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41, n77, n78) และยังรองรับคลื่นความถี่ 2G, 3G และ 4G ด้วย
มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา
มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี
รองรับระบบเสียง Real Sound ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง realme และ Dirac Research AB เพื่อประสบการณ์การฟังที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ที่จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพ แม้ว่า realme 8 5G จะใช้ชิปเซ็ท Dimensity 700 5G จาก MediaTek แต่ก็เป็นชิปเซ็ทที่ทรงประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพสูง รวมถึงประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับ CPU 4G ทำให้สามารถเล่นเกมได้นานขึ้น และถ้าเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G ก็จะเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
Asphalt 9 เลือกปรับกราฟิกคุณภาพสูง ด้วยชิปเซ็ต Dimensity 700 บวกกับจอรีเฟรชเรท 90Hz ทำให้สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล โดยภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
ทดสอบกับเกม PUBG Mobile โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับ HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ
ปิดท้ายกันด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย realme 8 5G สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้สบายๆ และถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว
อ่านต่อ… คลิ๊กที่นี่ >>> Pages 3