รีวิว realme 5 Pro สมาร์ทโฟน 4 เลนส์ สเปคแรง ราคาเป็นมิตร !!

โดย J.wasan
0 ความเห็น 2.7K views

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟน ๆ ค่าย realme ที่ใจจดจ่อรอการมาถึงของสมาร์ทโฟน 4 เลนส์ สเปคแรงรุ่นแรกของทางค่าย โดยวันนี้ realme 5 Series ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเป็นที่เรียบร้อย แถมยังสร้างกระแสฮือฮาในโลกโซเชี่ยลด้วยความเป็นที่สุดอีกด้วย ทั้งในแง่ของดีไซน์ใหม่ที่งาดหยดย้อย รวมถึงสเปคและฟีเจอร์ที่อัดแน่นแต่เคาะราคาออกมาจนต้องร้องว้าว! ซึ่งทาง IbelieveIT ได้รับเครื่องมาเป็นที่เรียบร้อย ขอเชิญสัมผัสรับชมรีวิว realme 5 Pro สมาร์ทโฟนครบเครื่องสุดคุ้มที่สุดของชั่วโมงนี้กันได้เลยครับ

สเปคเบื้องต้น  realme 5 PRO

ขนาด 157 x 74.2 x 8.9 มม.
น้ำหนัก 184 กรัม
หน้าจอ Mini Drop FullScreen  แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล ขนาด 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 และมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 90.6% และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3+
หน่วยประมวลผล Octa Core ความเร็ว 2.3GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 712 SoC, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 616
RAM 8GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB
microSD Card สูงสุด 256GB
กล้องถ่ายภาพ กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว AI Quad Camera ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.8, กล้องตัวที่สองเลนส์ Ultra-Wide 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่สามเลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่สี่เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร โดยรองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟีเจอร์ Chrome Boost, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Super Nightscape, โหมดผิวสวย AI Beauty และฟังก์ชั่น AI Scene Recognition

———————————————————————————–

กล้องหน้าเซลฟี่  AI ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 รูรับแสง f/2.0 รองรับเทคโนโลยี AI Beauty

ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Color OS 6
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB Type-C, USB On-The-Go
รองรับระบบ 4G LTE 850/900/1800/2100/2300/2500/2600 MHz และ 3G 850/900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย)
แบตเตอรี่ 4,035 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ VOOC 3.0 (5V/4A) 20W
ราคา X,XXX บาท

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวกล่องแพ็กเกจจิ้งมาในขนาดกะทัดรัด ด้านหน้าโชว์ดีไซน์อันโดดเด่นของตัวเครื่อง realme 5 Pro ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมกำกับฟีเจอร์หลักอันเป็นจุดขาย ไม่ว่าจะเป็นระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge 3.0 และกล้องหลัง 4 เลนส์รุ่นแรกของทางค่ายที่พกความละเอียดมาแบบจัดเต็มถึง 48 ล้านพิกเซล ส่วนด้านหลังกล่องจะระบุในส่วนของสเปค ROM/RAM และเครือข่ายที่รองรับ

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย

  1. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า

2. อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด

3. เคสซิลิโคนชนิดใส (สีชา)

4. สาย USB Type C + อแดปเตอร์ชารจ์ Output 5V-2A / 5V-4A รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวรุ่นใหม่ล่าสุด VOOC Flash Charge 3.0 ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นกว่าเวอร์ชันก่อนถึง 20%

 

รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ

หน้าจอ Mini Drop FullScreen  ที่มี Notch ในรูปทรงหยดน้ำที่เล็กลง ส่งผลให้มีพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น โดยหน้าจอแสดงผลมาพร้อมความละเอียด FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล ขนาด 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 มีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 90.6% และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3+ ตัวเครื่องมีความโค้งมนและเพรียวบาง มีน้ำหนักเพียง 184 กรัม แถมยังออกแบบได้สอดคล้องกับ Ergonomics จึงทำให้การจับถือมีความกระชับ สอดรับเข้ากับสรีระของฝามือได้เป็นอย่างดี

realme 5 Pro ฉายความเหนือชั้นด้วยดีไซน์ New Crystal Design ตัวฝาหลังโดดเด่นมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครด้วย Diamond cut ในสไตล์ Holographic diamond ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการแกะสลักฝาหลังในขนาดไมครอนลากยาวในรูปแบบ 3D diamond cutting ที่พร้อมถ่ายทอดความงามออกมาได้อย่างหรูหรา เสมือนประกายของเพชรยามที่แสงตกกระทบนั่นเอง

นอกจากนี้ตัวฝาหลังยังมีการเคลือบสีในชั้นเลเยอร์แบบนาโนถึง 133 ครั้ง จึงทำสีสันของตัวเครื่องมีความสดใส แถมยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Splash resistant ดีไซน์พิเศษที่ปกป้องเครื่องภายในสู่ภายนอกจากละอองน้ำ

สำหรับ realme 5 Pro  มีสองสีให้เลือกใช้งานได้แก่ สี Sparkling Blue และ Crystal Green

กล้องหน้าและเซ็นเซอร์วัดแสงจัดวางอยู่ภายในรอยบากรูปทรงหยดน้ำ สำหรับลำโพงสนทนาออกแบบให้อยู่ในพื้นที่ขอบจอได้อย่างลงตัว จึงทำให้หน้าจอแสดงผลมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกทา่งหนึ่งด้วยนั่นเอง

สำหรับกล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์คุณภาพสูงจ Sony IMX471 มีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beauty

AI Quad Camera กล้องหลัง 4 เลนส์รุ่นแรกของทางค่าย realme ที่มาพร้อมกับ Hardware อันยอดเยี่ยมด้วยเซ็นเซอร์ Sony IMX586 ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลังอันชาญฉลาดจาก AI สำหรับรายละเอียดของกล้องหลัง 4 เลนส์จะมีดังนี้

เลนส์ตัวแรกเป็น Ultra-Wide มุมกว้างพิเศษถึง 119 องศา บนความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4″ ขนาดพิกเซลไซส์ 1.12µm

เลนส์ตัวที่ 2 Main Lens กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล  เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.8 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2″, ขนาดพิกเซลไซส์ 0.8µm, รองรับระบบโฟกัส PDAF

เลนส์ตัวที่ 3 Lens Portrait ที่ช่วยในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอและสร้างโบเก้ให้กับภาพ โดยมาพร้อมความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/5″, ขนาดพิกเซลไซส์ 1.75µm

เลนส์ตัวสุดท้ายเป็น Macro Lens ที่ถ่ายระยะใกล้สุดได้ถึง 4 ซม. ให้ความละเอียดมาที่ 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/5″, ขนาดพิกเซลไซส์ 1.75µm

นอกจากจะโดดเด่นด้วย Haedware ชั้นยอดแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพที่อัดแน่น อาทิเช่น ฟีเจอร์โหมดความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล, Chrome Boost, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Super Nightscape, โหมดผิวสวย AI Beauty และฟังก์ชั่น AI Scene Recognition เป็นต้น

 

จากนี้ไปสำรวจรอบ ๆ ตัวเครื่องกันต่อ

ด้านบนจะมีเพียงไมค์ตัดเสียงรบกวน และเป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึกเสียงอีกด้วย

ส่วนด้านล่างจะมีช่องหูฟัง 3.5 มม., ไมค์สนทนา, พอร์ตชาร์จ Type-C  และลำโพงหลักของตัวเครื่อง

ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของปุ่มพาวเวอร์ ซึ่งตัวปุ่มพาวเวอร์ จัดวางตำแหน่งได้ค่อนข้างดี เพราะไม่อยู่สูงหรือต่ำเกินไป ทำให้ใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว

ฝั่งซ้ายด้านบนจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ด ถัดลงมาคือปุ่ม ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ตัวถาดซิมของ realme 5 Pro เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม พร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกชนิด MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 256GB

 

ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน realme 5 Pro

ในด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบน realme 5 Pro นั้นจัดมาให้ทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า โดยทั้ง 2 ระบบทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็วและมีความแม่นยำอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ

และนอกจากใช้ในการปลดล็อคหน้าจอแสดงผลแล้ว ยังสามารถใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทดสอบใช้งานจริง ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า Face unlock บน realme 5 Pro สามารถปลดล็อคได้รวดเร็วแม่นยำ โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที  และยังทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา

realme 5 Pro มาพร้อมจอแสดงผล Mini Drop FullScreen  ที่ให้สีสันสว่างสดใส มีความคมชัด สามารถแสดงขอบเขตสีได้สมจริงแม่นยำ มี Respond การตอบสนองที่อยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ และมี Software ที่ช่วยปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาถึง 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9  โดยมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 90.6% และมาพร้อม Notch หรือรอยบากในรูปทรงหยดน้ำ ผสานกับขอบจอที่บางเฉียบ จึงส่งผลให้การรับชมคอนเทนต์อย่าง YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น

 

ตอบโจทย์คอเกมสายฮาร์ดคอร์ด้วย HyperBoost 2.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ FrameBoost และ TouchBoost แบบใหม่ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมอย่างเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ โดย TouchBoost  จะช่วยเพิ่มการตอบสนองหน้าจอสัมผัสได้ดีขึ้น ส่งผลต่อเกมที่เน้นกราฟิกได้มากขึ้นถึง 21.6% ส่วน FrameBoost จะช่วยลดปัญหาเฟรมเรทตก โดยสามารถวิเคราะห์สถานการณ์แบบ real-time และจัดการเฟรทเรทให้อยู่ในค่าที่ดีที่สุด ซึ่งลดอาการแลคหรือกระตุกได้ถึง 44.1%

 

Game Assistant ในขณะเล่นเกม กล่องข้อความจะแจ้งเตือนแบบโปร่งแสง เพื่อทำให้ไม่พลาดในช่วงสำคัญ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานทางลัด เช่นการปิดกั้นการแจ้งเตือน การจับภาพหน้าจอ และการบันทึกหน้าจอเป็นต้น

สำหรับ Game Space  “การเร่งความเร็วเกม” ที่ช่วย optimization ให้เล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยจัดการด้านจัดการด้านเครือข่าย เช่นการปฏิเสทสาย จัดการด้านการแจ้งเตือน ล็อคความสว่างเป็นต้น ทำให้การเล่นเกมบน realme 5 Pro นั้นเป็นไปอย่างสมูทลื่นไหล ไม่มีอาการสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจในขณะเล่นเกม

เทคโนโลยีชาร์จเร็วรุ่นใหม่ล่าสุด VOOC 3.0 เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำแต่รองรับกำลังไฟฟ้าสูง ได้รับมาตรฐานและการันตีในด้านความปลอดภัย โดนผ่านการรับรองความปลอดภัยจากสถาบัน TÜV SÜD สำหรับ VOOC 3.0 โดยอัพเกรดด้วยการใช้อัลกอริธึม VFC แบบใหม่ ลดเวลาการชาร์จแบบ trickle-charging ทำให้ฟีเจอร์ชาร์จเร็วเวอร์ชั่นใหม่ VOOC Flash Charge 3.0 นั้นดีกว่าเดิมถึง 20% อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI freezer ที่ช่วยประหยัดพลังงานโดยการปิดแอพพลิเคชั่นที่ไม่มีการใช้งาน และ Screen power saving ปรับลดแสงหน้าจอลง ช่วยให้แบตเตอรีทนขึ้น 10% อีกทั้งยังสามารถชาร์จและใช้งานไปพร้อม ๆ กันได้อย่างปลอดภัย ด้วยระบบป้องกันรัดกุมถึง 5 ชั้น

 

ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์

realme 5 Pro เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0 เวอร์ชั่นล่าสุด โดยตัว User Interface มาในสไตล์โมเดิร์น พร้อมเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสะดวกคล่องตัว

ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งในส่วนของเลย์เอาท์หน้าจอหลัก ทั้งรูปแบบคอลัมน์ และหน้า Apps Drawer ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล รวมถึงการปรับแต่งภาพพื้นหลัง และรูปแบบธีมที่สวยงาม ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากแอปพลิเคชัน ร้านขายธีม หรือ Theme Store ที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วภายในเครื่อง

ฟีเจอร์ด้าน Network และการโทรของ realme 5 Pro มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ฟีเจอร์อื่น ๆ ในด้านการโทรที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นฟีเจอร์บล็อคสาย บล็อคข้อความ ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกสายขณะโทรได้โดยตรง ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติมแต่อย่างใด

จอแสดงผลของ realme 5 Pro มาพร้อมคุณภาพที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งการแสดงผลเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยถนอมปกป้องดวงตา จึงทำให้มีความปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว

ในโหมด Quick gestures หรือโหมดตัวช่วยเพิ่มความสะดวก เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของหลาย ๆ แบรนด์ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียง, วาดบนหน้าเจอเพื่อเปิดแอปฯ / ควบคุมการคอนโทรล Music Player, การจับภาพหน้าจอด้วย 3 นิ้ว, การรับสายอัตโนมัติเมื่อนำโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเป็นต้น

สำหรับปุ่มนำทาง Navigation สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ แต่สามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%

ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เป็นการแสดงผลแบบเต็มหน้าจออย่างแท้จริงนั่นเอง

Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด เช่นการจับภาพ / บันทึกหน้าจอ, การเข้าถึงไฟล์, กล้อง, ข้อความและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบด้านข้างของหน้าจอแสดงผล โดยรองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้งและแนวนอน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ต้องการเข้ามาเข้ามาอยู่ในแถบ Smart Slider ได้อีกด้วย

แบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน ได้ง่าย ๆ แค่ลากสาวนิ้วจากล่างขึ้นด้านบนของจอแสดงผล และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว

ในด้านความปลอย realme 5 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างคลอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัว การเข้าถึงแอปพลิเคชั่น พื้นที่สำหรับเด็ก และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด

Phone Manager เป็นเครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการลบไฟล์ขยะและไฟล์แคชของระบบ, การจัดการด้านความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว, การสแกนไวรัส และการปกป้องด้านการชำระเงินเป็นต้น ซึ่งแอปฯนี้จะช่วยให้การทำงานของตัวเครื่องเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ มีความรวดเร็วและความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน ในภาพรวมต้องบอกว่า realme 5 Pro นั้นมีแบตที่อึดอย่างน่าประทับใจ หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ  สามารถใช้งานได้ครบ 1 วันแบบสบาย ๆ

ตรงนี้นอกจากแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาสูงถึง 4,035mAh แล้ว ต้องบอกว่าเทคโนโลยี AI Cooling ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานหน้าจอ และช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตเตอรี่ จึงทำให้การจัดสรรพลังงานบน realme 5 Pro เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

ประสิทธิภาพ

realme 5 Pro เปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Snapdragon 712 AIE บนสถาปัตยกรรม 10nm ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ และมีประสิทธิภาพทีดีขึ้นกว่าเดิมถึง 35% รวมถึง GPU ที่รองรับ Vulkan®1 ทำให้การจัดสรรด้านพลังงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยเช่นกัน และเมื่อผสานเข้ากับ RAM ความจุสูงถึง 8GB แบบ  LPDDR4X  พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก AI Engine consisting จาก Qualcomm® Kryo™ 360 CPU ทำให้ในภาพรวมเรื่องความแรง ความลื่นไหลนั้นหายห่วง  สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปหรือเล่มเกมที่ต้องการประมวลผลหนัก ๆ ก็ตาม

สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ให้มาอย่างครบถ้วนตามที่สมาร์ทโฟนระดับ Mid-range ควรจะมี ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ

 

มัลติมีเดียและความบันเทิง

realme ยังเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังชื่นชอบการรับฟังวิทยุ FM จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ รุ่นยังคงมาพร้อมกับ FM ซึ่งบน realme 5 Pro เป็น FM แบบทศนิยมหนึ่งจุด ทีมีภาครับสัญญาณถือว่าคมชัดใช้ได้เลย ส่วนฟีเจอร์อาจจะไม่ได้เยอะมาก โดยจะเน้นไปที่การใช้งานที่เรียบง่ายเป็นหลัก

Music Player บน realme 5 Pro มาพร้อมความสามารถที่ครบเครื่อง เรียกว่าไม่แตกต่างจากแอป Music Player ยอดนิยมทั่ว ๆ ไป เช่นการเล่นสุ่ม/เล่นซ้ำ การสร้างเพลย์ลิสต์ ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเป็นต้น แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน ก็คือในด้านกำลังขับและเทคโนโลยี Real HD Sound ที่ช่วยปรับปรุงให้คุณภาพเสียงนั้นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง อีควอไลเซอร์ได้ยืดหยุ่นตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี  จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์ไม่ว่าจะผ่านลำโพงหรือผ่านหูฟังแบบมีสายและไร้สายนั้นเต็มอิ่มครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน

สำหรับ Video Player บน realme 5Pro รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K ได้อย่างสมูทไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น

 

ทดสอบการเล่นเกม

Asphalt 9 เลือกปรับกราฟิคคุณภาพสูง ก็ยังเล่นได้ไหลลื่น ไม่มีอาการแลคให้หงุดหงิดใจ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับชิปเซ็ตและ RAM ที่จัดเต็มถึง 8GB

ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา เมื่อลองเล่นที่บนเฟรมเรทสูง  ก็ยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่สมูทลื่นไหล แถมเฟรมเรทไม่ตกอีกด้วย โดยสามารถรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 58- 60fps แบบต่อเนื่อง

สำหรับ PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง หากต้องการเล่นบนความละเอียดคมชัดระดับ HD พร้อมความลื่นไหล ซึ่งไม่มีปัญหากับ realme 5 Pro แต่อย่างใด เพราะสเปคนั้นจัดเต็มอยู่แล้ว เมื่อบวกกับ HyperBoost 2.0 ที่เป็นโหมดการเล่นเกมอันโดดเด่น จึงส่งผลให้ realme 5 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองในการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในงบประมาณที่ทุกคนเอื้อมถึง

 

ทดสอบกล้องหน้า/หลัง

User Interface หรือหน้าเมนูกล้องออกแบบเน้นที่ความเรียบง่ายสะอาดตา การเข้าถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยประกอบไปด้วย การเปิด/ปิดไฟแฟลช, HDR Mode, โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide-Angle),  Dazzle Color Mode, ฟีลเตอร์, และการตั้งค่าหลักของกล้อง

ส่วนกล้องหน้าจะมีไฮไลท์ที่ AI Beauty แบบล่าสุด รองรับ AI Effect การแต่งภาพ 8 แบบ สามารถจดจำใบหน้าของบุคคลได้ถึง 296 จุด ซึ่งสามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ พร้อมจำแนก เพศ อายุ และสีผิว เพื่อให้ภาพออกมาเหมาะสมเข้ากับบุคคลและเพศของผู้ใช้งาน

ทดสอบกล้องหน้า

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โดยยังไม่เปิดใช้งาน AI Beauty ภาพที่ได้ให้ความคมชัดที่ดี และสกินโทนก็ก็ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตาแต่อย่างใด

เมื่อลองเปิดใช้งาน AI Beauty ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างของใบหน้าและสกินโทนที่ปรับแต่งให้มีความกระจ่างใสในแบบเป็นธรรมชาติ และเข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้อย่างลงตัว

มาพร้อมกับ  AI Effect การแต่งภาพ 8 แบบ ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการเซลฟี่ให้ยืดหยุ่นและตรงกับความต้องการของเราได้มากที่สุด เช่นปรับผิวนวลกระจ่างใส, ปรับโครงสร้างใบหน้า, ปรับให้ดวงตากลมโต, จมูกเรียวโด่ง, คางเรียว โครงสร้างใบหน้าแบบ 3 มิติ เป็นต้น

โดยในรูปนี้ใช้เอฟเฟกต์ ปรับแต่งใบหน้าให้กระจ่างใส และให้ดวงตากลมโตขึ้นมาอีกนิด ซึ่งจะได้โทนภาพที่ดูสวยและตรงใจขึ้นมาอีกนิด

 

โหมด portrait ที่ละลายฉากหลังได้สวยละมุนมีความเป็นธรรมชาติ และยังสามารถเก็บดีเทลของตัวขอบไว้ได้ค่อนข้างดีอีกด้วย

และในโหมด portrait ยังสามารถใช้งาน AI Effect ได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถปรับแต่งการเซลฟี่ของเราได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งจะได้ภาพที่มีการละลายฉากหลังผสานเข้ากับเอฟเฟกต์บิวตี้ได้อย่างลงตัว

ในโหมด portrait จะมีฟีเจอร์ Artistic Portrait สามารถเลือกใช้ฟิลเตอร์ 5 รูปแบบ เพื่อปรับแต่งให้โบเก้และสกินโทนของภาพออกมาดูสวยงามและมีเสน่ห์ เช่นโทนภาพแนวเรโท หรือพาสเทลเป็นต้น

AI HDR (ค่าเริ่มต้นจะเปิด AI HDR เป็น Auto ไว้ให้แล้ว)

ประโยชน์ของโหมดนี้ก็คือ เมื่อเราถ่ายเซลฟี่ในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างมาก ๆ หรือเมื่อย้อนแสง รวมถึงในที่แสงน้อย ถ้าเปิด HDR จะช่วยในเรื่องการเกลี่ยสภาพแสงโดยรวมและดึงดีเทลของภาพให้กลับมามีความสมดุล

ตัวอย่างภาพบนท้องฟ้าจะสว่างจ้าและรายละเอียดของพื้นหลังบางส่วนหายไป ภาพด้านล่างเมื่อเปิด HDR แล้วจะมีการเกลี่ยแสงที่สมดุล อีกทั้งยังสามารถดึงรายละเอียดของแบ็คกราวด์กลับมาได้อย่างครบถ้วน

 

ทดสอบกล้องหลัง AI Quad Camera

กล้องหลังของ realme 5 Pro ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กล้องหน้า โดยมีความโดดเด่นทั้งเรื่องความคมชัน สกินโทนที่เป็นธรรมชาติพร้อมทั้งไวท์บาลานซ์ที่ค่อนข้างแม่นยำ

มีบิวตี้โหมดมาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้า โยยสามารถเลือกปรับระดับความสวยงามได้ตั้งแต่ 0-100 โดยรูปนี้เปิดใช้งานบิวตี้ที่ระดับ 50

รูปนี้เปิดใช้งานบิวตี้ที่ระดับ 100

 

ลองเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อให้ได้โทนภาพที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยตัวฟิลเตอร์ของกล้องหลังมีให้ใช้งานถึง 10 รูปแบบเลยทีเดียว

 

portrait ต้องบอกว่าน่าประทับใจมาก ทั้งการละลายฉากหลังและโบเก้ของภาพ ส่าวนหนึ่งต้องยกความดีให้กับตัว Hardware ซึ้งกล้องหลัง 4 เลนส์บน realme 5 Pro จะมี 1 เลนส์ที่ทำหน้าที่เป็น deep sensor ที่ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอและการสร้างโบเก้ของภาพนั่นเอง

มีฟีเจอร์ Artistic Portrait มาให้ใช้งานเหมือนกล้องหน้าปุกประการ

ภาพมุมกว้าง (Wide-Angle) 

Normal Mode ที่ระยะปรกติ 1x

Ultra-Wide (มุมกว้างพิเศษ)

Normal Mode ที่ระยะปรกติ 1x

Ultra-Wide (มุมกว้างพิเศษ)

เปิดใช้งาน Ultra-Wide ที่มีมุมมองกว้างเป็นพิเศษถึง 119 องศา ทำให้สามารถถ่ายวิวทิวทัศน์ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ต้องถอยไกล รวมถึงสามารถเก็บภาพหมู่คณะผองเพื่อนได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นอีกต่อไป

Chroma Boost

เป็นโหมดที่ AI engines ระบุฉากเฉพาะ จากนั้นจะใช้อัลกอริธึมของ color-mapping ในระดับพิกเซล ในการคืนค่าสีและความสว่าง เพื่อให้ได้ภาพดูเป็นธรรมชาติ มีสีสันที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติกว่าการใช้ Filter หรือ Vivid mode

Chroma Boost Off

Chroma Boost On

โดยโหมด Chroma Boost จะมีประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้ง หรือในที่แสงน้อย สามารถเพิ่มเลเยอร์ของสีให้ภาพแม้ถ่ายในแสงไฟสลัว พร้อมปรับรายละเอียดให้ภาพแม้ในส่วนที่ไม่มีแสง, เพิ่มแสงให้การถ่ายภาพธรรมชาติ อาเช่นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก และคงความธรรมชาติไว้

 

Night scape   

Auto Mode

Night scape

Auto Mode

Night scape

สำหรับ Night scape หรือโหมดกลางคืนบน realme 5 Pro จะใช้ความสามารถจาก AI HDR เพื่อทำการลด Noise ลดการสั่นไหว และเพิ่มประสิทธิภาพแบบ low-high และช่วงไดมิกที่กว้างขึ้น เมื่อบวกกับค่ารูรับแสงที่กว้าง f/1.8 จึงทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความสว่างคมชัด โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ได้อีกด้วย

 

Normal Mode ที่ระยะปรกติ 1x

2x Optical Zoom

5x Hybrid Zoom

นอกจากนี้ realme 5 Pro ยังรองรับการซูมแบบ Digital Zoom ได้ถึง 10x

 

Ultra macro

หนึ่งในไฮไลท์ของกล้องหลัง 4 เลนส์ บน realme 5 Pro ก็คือเลนส์มาโคร ที่สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน

 

เก็บความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล

รูปนี้ทดสอบด้วยการ Crop 100% ที่ 2000×1500 พิกเซล ตัวภาพก็ยังสามารถนำมาใช้งานได้ แต่หากเป็นกล้องที่มีความละเอียดต่ำ ก็จะสูญเสียรายละเอียดในภาพรวมออกไป ไม่สามารถนำมาใช้งานได้เหมือนในภาพตัวอย่างนี้

และอีกหนึ่งประโยชน์ของกล้องที่มีความละเอียดสูง ก็คือสามารถต่อยอดนำภาพไปใช้งานได้ยืดหยุ่น เช่นนำไปอัดขยายได้ภาพที่มีขนาดใหญ่และยังคงความคมชัดไว้ได้นั่นเอง

 

สรุป

“realme 5 Pro เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของทางค่าย realme ที่มาพร้อมเลนส์ 4 ตัวและมีสเปคที่ดีที่สุด ในเรทราคาระดับเดียวกัน”

หลังจากได้ลองสัมผัส realme 5 Pro สิ่งแรกที่ประทับใจมาก ๆ คือดีไซน์ที่สวยล้ำสมัย ด้วยการออกแบบ New Crystal Design มีเอกลักษณ์พิเศษด้วยเอฟเฟ็กต์แสง Holographic ที่เป็นประกายหรูหราเหมือนเพชร และโดดเด่นด้วยกล้องหลัง 4 เลนส์ที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนกล้องหน้าก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยฟีเจอร์ AI Beauty แบบล่าสุด ที่รองรับ AI Effect การแต่งภาพ 8 แบบ สามารถจดจำใบหน้าของบุคคลได้ถึง 296 จุด ซึ่งสามารถเรียนรู้และปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ

เมื่อรวมกับชิปเซ็ต Snapdragon 712 AIE บนสถาปัตยกรรม 10nm ผสานกับ RAM 8GB แบบ LPDDR4X และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.1 พร้อมขับเคลื่อนด้วย AI อันชาญฉลาด และแบตเตอรี่สุดอึดที่มาพร้อมระบบชาร์จไว VOOC 3.0 จึงทำให้สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือเน้นด้านความบันเทิงอย่างการรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูง ๆ รวมถึงการเล่นเกม ซึ่ง realme 5 Pro นั้นตอบโจทย์อย่างแน่นอน และเชื่อว่าด้วยประสิทธิภาพที่อัดแน่น ในราคาที่จับต้องได้ realme 5 Pro จะเป็นตัวเลือกลำดับแรก ของคนที่มองหาสมาร์ทโฟนครบครันครบเครื่องในราคาที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ

 

กำหนดการวางจำหน่าย และโปรโมชัน realme 5 / 5 Pro

realme 5 Pro 

รุ่น 8GB+128GB ราคา 8,999 บาท

รุ่น 4GB+128GB ราคา 7,999 บาท

เริ่มเปิดให้จอง Pre-Order วันที่ 3-13 กันยายน 2562

First Sale 14 กันยายน 2562

สำหรับคนที่พรีออเดอร์ realme 5 Pro จะได้รับ VIP Card รับประกันจอแตก 1 ปี และหูฟัง realme มูลค่า 899 บาท

 

realme 5

รุ่น 4GB+128GB ราคา 5,999 บาท

รุ่น 3GB+128GB ราคา 4,599 บาท

Flash Sale: วันที่ 19 กันยายน 2562 เฉพาะที่ Lazada จะเหลือราคาเพียง 4,299 บาท ในรุ่น 3GB + 64GB

First Sale: วันที่ 21 กันยายน 2562

 

 

Facebook Comments

Related Posts