รีวิว realme 13+ 5G I 13 5G สมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูง เร็ว แรง เล่นเกมลื่นไหลด้วยเฟรมเรตสูงสุด 90Hz ในราคาสุดคุ้ม

โดย K.ibelieveit
0 ความเห็น 3.9K views

realme Number Series เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางของ realme ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี ด้วยสเปกที่จัดเต็ม ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ล่าสุด realme ได้เปิดตัว realme 13 5G และ realme 13+ 5G สองสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ตระกูล Number Series ชูจุดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพเป็นหลัก

โดย realme 13+ 5G มาพร้อมสโลแกน “Speed to Victory” หนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ท Dimensity7300 Energy ช่วยให้การเล่นเกมและการใช้งานราบรื่นด้วยประสิทธิภาพสูง ขณะที่ realme 13 5G มาพร้อมสโลแกน “Speed Ahead” ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Dimensity6300 5G ที่มีความแข็งแกร่ง ช่วยให้การเล่นเกมที่ราบรื่นและเสถียร

ซึ่งทาง MobileOcta ก็ได้เครื่องทั้ง 2 รุ่นมาอยู่ในมือเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปชมรีวิวกันเลยครับว่า realme 13+ 5G และ realme 13 5G นอกจากประสิทธิภาพที่จัดเต็มแล้ว จะมีดีไซน์ที่สวยงามแค่ไหน และมีฟีเจอร์เด่น ๆ อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

 

สเปกเบื้องต้น realme 13+ 5G

ขนาด 161.7 x 74.7 x 7.6 มม.
น้ำหนัก 185 กรัม
หน้าจอ 120Hz OLED Esports Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และอัตราส่วนจอต่อเครื่อง 92.65% โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, อัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz, ความสว่างสูงสุด 2000nits, รองรับ HDR10+, รองรับ Pro-XDR display และรองรับฟีเจอร์ Rainwater Smart Touch
หน่วยประมวลผล ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 7300 Energy (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G615 MC2
RAM 12GB รองรับเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion สำหรับเพิ่ม RAM เสมือนได้อีกสูงสุด 14GB 
หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB
microSD Card รองรับ
ระบบปฏิบัติการ realmu UI 5.0 based on Android 14
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band
Bluetooth 5.4, A2DP, LE
GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS
NFC
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
พอร์ต USB Type-C 2.0
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED
– กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 เลนส์ 5P, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.95″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
– กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
– กล้องตัวที่ 3 เลนส์เสริม (เซ็นเซอร์ตรวจจับการกระพริบ)

พร้อมโหมด Photo Mode, Video Mode, Night Mode, Professional Mode, Portrait Mode, Street Mode, Panoramic view, Slow Motion, Tilt-shift, Time-lapse, Long Exposure Photo, Doc Scanner, Movie Mode, Dual-view Video และ Google Lens

กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เลนส์ 5P, รูรับแสง f/2.4 และ FOV 82.3°

พร้อมโหมด Photo Mode, Video Mode, Portrait Mode, Night Mode, Panoramic view, Time-lapse, Dual-view Video
รองรับระบบ Dual Slot  แบบ 2 ซิม ชนิดนาโนซิม
5G + 5G Dual Mode (SA/NSA)
GSM: 850/900/1800
WCDMA: Bands 1/5/8
FDD-LTE: Bands 1/3/5/8/28A
TD-LTE: Bands 40/41(2535-2655MHz)
5G NR SA:n1/n3/n5/n8/n28B/n40/n41(2535-2655MHz)/n77/n78
5G NR NSA:n78
แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge
สี Victory Gold, Speed Green และ Dark Purple
ราคา RAM 12+256GB ราคา 11,999 บาท
RAM 12+512GB ราคา 13,999 บาท

 

 

สเปกเบื้องต้น realme 13 5G

ขนาด 165.6 x 76.1 x 7.8 มม.
น้ำหนัก 190 กรัม
หน้าจอ 120Hz FHD+ Eye Comfort Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.72 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 สัดส่วนจอต่อเครื่อง 91.4% โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, อัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ความสว่าง 580nits, อัตราส่วนคอนทราสต์: 1500:1, สีหน้าจอ: 83% NTSC และรองรับ Raindrop Smart Touch
หน่วยประมวลผล ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 6300 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2
RAM 8GB รองรับเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion สำหรับเพิ่ม RAM เสมือนได้อีกสูงสุด 8GB 
หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB
microSD Card รองรับ
ระบบปฏิบัติการ realme UI 5.0 based on Android 14
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band
Bluetooth 5.3, A2DP, LE
GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
พอร์ต USB Type-C 2.0
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลังคู่ AI Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED
– กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Samsung S5KJNS, เลนส์ 5P, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), FOV: 77.9°, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
– กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เลนส์ 3P, รูรับแสง f/2.45 และ FOV 89°

พร้อมโหมด Photo, Video, Street, Portrait, Night, Pano, Dual-View Video, Time-Lapse, Pro, Slo-Mo, Hi-res, Tilt-Shift, Text Scanner และ Movie

กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.45, เลนส์ 5P และ FOV 82.6°

พร้อมโหมด Photo, Video, Portrait, Night, Pano, Dual-View Video และ Time-Lapse
รองรับระบบ Dual Slot แบบ 2 ซิม ชนิดนาโนซิม
5G + 5G Dual Mode (SA/NSA)
GSM: 850/900/1800MHz
WCDMA: Bands 1/5/8
FDD-LTE: 1/3/5/8/28B
TD-LTE: Bands 40/41(2535-2655MHz)
5G NR: n1/n3/n5/n8/n28B/n40/n41(2535-2655MHz)/n77/n78
แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 45W Ultra Charge
สี Speed Green และ Dark Purple
ราคา 8,999 บาท

 

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

 

 

 

กล่องบรรจุภัณฑ์ของ realme 13+ 5G และ realme 13 5G เป็นกล่องกระดาษแข็งมาในโทนสีเหลืองสีประจำตัว realme ด้านหน้ากล่องมาพร้อมชื่อรุ่นขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน 

โดย realme 13+ 5G มีโลโก้ TÜVSÜD ซึ่งการันตีว่าเป็นมือถือที่เล่นเกมได้อย่างไม่มีการหน่วงเป็นรุ่นแรกของโลก และตรงกลางด้านล่างมีโลโก้ realme ขณะที่ด้านข้างกล่องทั้ง 2 ด้านก็มีขื่อรุ่นระบุไว้ด้วย

ด้านหลังกล่องจะระบุสเปกเด่น 4 อย่างด้วยกัน เริ่มจาก realme 13+ 5G มาพร้อมชิปเซ็ท Dimensity 7300 Energy 5G, หน้าจอแสดง 120Hz OLED Eye Comfort Display, ชาร์จไว 80W Ultra Charge พร้อมแบตเตอรี่ 5,000mAh และกล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony และระบบกันสั่น OIS

ส่วน realme 13 5G มาพร้อมชิปเซ็ท Dimensity 6300 5G, ชาร์จไว 45W Fast Charge พร้อมแบตเตอรี่ 5,000mAh, หน้าจอแสดงผล 120Hz AI Eye Comfort Display และกล้องหลัก 50MP OIS Camera

 

ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้

 

 

  • ตัวเครื่อง realme 135G และ realme 13 5G พร้อมติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย
  • อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge (realme 13+ 5G) และ 45W Ultra Charge (realme 13 5G)
  • สายดาต้าลิงค์แบบ USC Type-C
  • เคสพลาสติกใส
  • คู่มือการใช้งานฉบับย่อ, เอกสารความปลอดภัย และบัตรรับประกัน

อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge ที่มีมาให้ในกล่อง realme 13+ 5G

อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 45W SuperVOOC ที่มีมาให้ในกล่อง realme 13 5G

 

รูปลักษณ์ดีไซน์/การออกแบบ

realme 13+ 5G

realme 13+ 5G มาพร้อมดีไซน์ Victory Speed โดยได้แรงบันดาลใจมาจากคำสำคัญ “Victory” และ “Speed” สำหรับชัยชนะของเกมแข่งรถ แนวคิดการออกแบบนั้นเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพที่รวดเร็วสุดขีดของเกมซึ่งช่วยเสริมสร้างการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของซีรีส์ Number ด้วยพลังแห่งอนาคต

จุดเด่นของการออกแบบอยู่รวมการออกแบบ Speedy Curve ไว้ที่บริเวณด้านล่างของกล้อง เส้นขอบทองคำยืดออกจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง คล้ายกับสนามแข่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยความพลุ่งพล่าน ด้านล่างมีลวดลายเหมือนฟ้าผ่า ทำให้คุณรู้สึกถึงความเร็วและความหลงใหลในทันทีที่คุณหยิบขึ้นมา

ตัวเครื่องบางเพียง 7.6 มม. แม้จะมีประสิทธิภาพที่ทรงพลังและคุณสมบัติการระบายความร้อนที่เพียงพอ แต่เราก็ยังสามารถรักษาความหนาไว้ที่ 7.69 มม. และน้ำหนักที่ 185 กรัม ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพกับการออกแบบที่บางและเบา ช่วยให้จับถือได้ง่ายแม้ในระหว่างการเล่นเกม

รวมทั้งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการเล่นเกม ฝาหลังโค้งไมโคร 2.8D ที่มีความลึกเท่ากันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่น ไม่เพียงแต่ทำให้การมองเห็นดูลื่นไหลมากขึ้น แต่ยังทำให้ตัวเครื่องดูบางและเบาขึ้นอีกด้วย

และการออกแบบหน้าจอแบน การออกแบบกรอบกลางแบบไร้กรอบและขอบหน้าจอด้านหน้าที่แคบ มอบประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยมและความรู้สึกในการจับถือที่ลื่นไหล

realme 13+ 5G มีให้เลือก 3 สีคือ Victory Gold, Speed Green และ Dark Purple

realme 13 5G

ส่วน realme 13 5G ออกแบบจากความเร็วแห่งชัยชนะด้วยความบางเฉียบ ด้วยความหนาเพียง 7.79 มม. realme 13 5G จึงเบาเหมือนขนนกในมือ ตัวเครื่องที่บางเฉียบนี้เพิ่มเสน่ห์ทางสายตาและทำให้การจับถือสบายแม้ในช่วงการเล่นเกมที่ยาวนาน

ปรัชญาการออกแบบ “Victory Speed Design” ได้รับแรงบันดาลใจจากหน้าจอ “Victory” ที่เต็มไปด้วยอะดรีนาลีนในเกมยอดนิยมอย่าง MLBB และ Free Fire

ซึ่งแปลเป็นรูปลักษณ์ที่มีความพลิ้วไหวพร้อมกับดีไซน์ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ เรียกว่า “Speedy Curve” และพื้นผิวด้านหลังที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า “Speedy Lightning Texture” มีให้เลือกในสี Speed Green ที่สดใสและ Dark Purple ที่หรูหรา

และตัวเครื่องยังมีโครงสร้างภายในที่แข็งแกร่ง ให้ความแข็งแรงที่ยอดเยี่ยม หน้าจอกระจกนิรภัยและพื้นผิวที่ทนต่อการสึกหรอช่วยป้องกันรอยขีดข่วน โครงสร้างที่แข็งแกร่งและระบบป้องกันแบบบุนวมนั้นช่วยปกป้องส่วนประกอบภายในจากการตกและแรงกระแทก ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับ realme 13 5G ได้อย่างมั่นใจ

ด้านหน้า realme 13+ 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 120Hz OLED E-sport Display ลื่นไหลและตอบสนองได้ดีเยี่ยม ซึ่งไม่เพียงแต่ให้คุณภาพการแสดงผลที่สดใส แต่ยังมีความไวในการสัมผัสที่ราบรื่นอย่างมากการมองเห็นที่กว้างขวาง

และการแสดงผล Pro-XDR รวมกับลำโพงคู่สเตอริโอ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมให้มีความดื่มด่ำมากยิ่งขึ้น ด้วยอัตรา Touch Sampling Rate ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1200Hz แม้แต่การเคลื่อนไหวที่ละเอียดที่สุดก็สามารถจับได้อย่างแม่นยำ ซึ่งยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของคุณไปอีกระดับ

นอกจากนี้ หน้าจอนี้ยังเป็นมิตรต่อดวงตาอย่างสูง มีการปรับความสว่างที่ระดับหมื่นเพื่อการแสดงผลที่เป็นธรรมชาติและลดการกระพริบของหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีโหมดการปกป้องดวงตา AI full-link ที่ปรับกลยุทธ์การปกป้องดวงตาอย่างแม่นยำและเป็นเวลาจริง เพื่อลดความเมื่อยล้ําของดวงตา

นอกจากนี้ยังรองรับอัตราการรีเฟรช 6 ระดับ ได้แก่ 45Hz, 48Hz, 50Hz, 60Hz, 90Hz และ 120Hz หมายความว่าจอแสดงผลสามารถประหยัดพลังงานได้โดยจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน

ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่หน้าจอนิ่ง ต่อเนื่อง โดยที่หน้าจอหยุดอยู่กับที่โดยไม่มีการสัมผัสเป็นเวลา 3 วินาที อัตราการแสดงผลจะลดลงเหลือ 45Hz เพื่อให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

ส่วนด้านหน้าของ realme 13 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 120Hz Eye Comfort Display มอบภาพที่ราบรื่นอย่างเหลือเชื่อการเบลอของการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุดและหน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้รวดเร็วเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ความละเอียด FHD+ มอบรายละเอียดในเกมโปรดของผู้ใช้ ขณะที่เทคโนโลยี Eye Comfort ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาในระหว่างการเล่นเกมที่ยาวนาน

รวมทั้งรองรับอัตราการรีเฟรช 120Hz โดยรองรับอัตราการรีเฟรชที่ปรับได้ 2 ระดับ ได้แก่ มาตรฐาน 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ และสูง 120Hz สำหรับภาพเคลื่อนไหว และการทำงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

realme 13+ 5G realme 13 5G

 

ตรงกลางด้านบนของ realme 13+ 5G และ realme 13+ 5G เจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล AI Selfie Camera

พลิกมาด้านหลังเครื่อง realme 13+ 5G ดีไซน์ขอบโค้งมน โดยตรงกลางด้านบนมีโมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในติดตั้งกล้องเลนส์ 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED และตรงกลางด้านล่างมีโลโก้ realme

ส่วนด้านหลังเครื่อง realme 13 5G ตรงกลางด้านบนมีโมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในติดตั้งกล้องเลนส์คู่ AI Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED และข้อความ 50 OIS CAMERA และตรงกลางด้านล่างมีโลโก้ realme

โดยกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ของ realme 13+ 5G ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 เลนส์ 5P, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.95″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์เสริม (เซ็นเซอร์ตรวจจับการกระพริบ)

ขณะที่กล้องหลังคู่ AI Dual Camera ของ realme 13 5G ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Samsung S5KJNS, เลนส์ 5P, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), FOV 77.9°, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เลนส์ 3P, รูรับแสง f/2.45 และ FOV 89°

 


realme 13+ 5G
 realme 13 5G

ด้านซ้ายข้างเครื่อง realme 13+ 5G และ realme 13+ 5G ออกแบบเรียบๆ ไม่มีปุ่มกดใดๆ

 

realme 13+ 5G realme 13 5G

 

ด้านขวาข้างเครื่อง realme 13+ 5G และ realme 13 5G มีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดเครื่อง

โดยปุ่มเปิด/ปิดเครื่องของ realme 13+ 5G เป็นปุ่มนูนขึ้นมา ส่วนของ realme 13 5G เป็นปุ่มแบนเรียบที่ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้บนปุ่มนี้ด้วย

ด้านบนเครื่อง realme 13+ 5G มีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียง, ช่องลำโพงเสียง และช่องหูฟัง 3.5 มม.

ขณะที่ realme 13 5G มีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียง ช่องลำโพงเสียง และช่องใส่ซิมการ์ด/microSD Card

realme 13+ 5G                                                                                           realme 13 5G

 

โดยช่องใส่ SIM Card ของ realme 13+ 5G และ realme 13 5G จะเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ Hybrid Slot โดยช่องแรกเป็นช่องใส่ SIM 1 และช่องสองเป็นช่องใส่ SIM 2 หรือ microSD Card

ซึ่งต้องเลือกว่า จะใส่ซิมทั้ง 2 ช่อง (2 ซิม) หรือ จะใส่ซิม 1 ช่อง และ อีก 1 ช่อง ใส่ microSD card ( 1 ซิม + 1 เมมโมรี่) และรองรับซิมการ์ดแบบ nanoSIM Card

realme 13+ 5G                                                                                                 realme 13 5G

 

ด้านท้ายเครื่อง realme 13+ 5G มีช่องใส่ซิมการ์ด/microSD Card, ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง

 

นอกจากนี้ realme 13+ 5G ยังมีตัวเครื่องที่ทนทานเป็นพิเศษ รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP65 โดยระดับกันฝุ่นคือ 6 ซึ่งสามารถป้องกันฝุ่นจากการเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์ และระดับกันน้ำคือ 5 ซึ่งสามารถป้องกันน้ำที่พุ่งเข้ํามาจากทุกทิศทางได้

พร้อมโครงสร้างภายในความแข็งแรงสูง ประกอบด้วยการสร้างจากอลูมิเนียมหล่อที่มีความแข็งแรง, โครงโลหะชิ้นเดียว, กระจกเทมเปอร์, ผิวที่ทนต่อการสึกหรอและการกัดกร่อน

รวมถึงโครงสร้างการป้องกันด้วยการรองรับ การเสริมความแข็งแรงทางโครงสร้าง 3 ประการ:

1.การรองรับแผงวงจร: การใช้วัสดุหรือเลเยอร์ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนเพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทกทํางกายภาพ

2.การกระจายส่วนประกอบหลัก: การใช้วิธีหรือระบบในการจัดตำแหน่งส่วนประกอบหลักเพื่อป้องกันการได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจหมายถึงการใช้วัสดุพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนประกอบหลักได้รับการปกป้องอย่างดี

3.การปิดผนึกอย่างสมบูรณ์: การปิดจุดเชื่อมต่อทั้งหมดให้แน่นหนาเพื่อป้องกันการเข้ามาของฝุ่น, ความชื้น หรือสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทาน การเสริมความแข็งแรงเหล่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าสมาร์ตโฟนจะยังคงใช้งานได้และเชื่อถือได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

ส่วน realme 13 5G รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP64 จึงกันฝุ่นและกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความว่ามันได้รับการป้องกันอย่างเต็มที่จากการเข้าของฝุ่นและสามารถทนต่อการกระเซ็นของน้ำจากทุกทิศทาง ทำให้ยังคงใช้งานได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

ตัวเครื่องมีโครงสร้างภายในที่แข็งแกร่ง ให้ความแข็งแรงที่ยอดเยี่ยม หน้าจอกระจกนิรภัยและพื้นผิวที่ทนต่อการสึกหรอช่วยป้องกันรอยขีดข่วน โครงสร้างที่แข็งแกร่งและระบบป้องกันแบบบุนวมนั้นช่วยปกป้องส่วนประกอบภายในจากการตกและแรงกระแทก ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับ realme 13 5G ได้อย่างมั่นใจ

realme นำเสนอฟังก์ชันป้องกันการโจรกรรมเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม โดยมีฟีเจอร์สัญญาณเตือนและการป้องกันเพื่อตอบสนองต่อความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการขโมยสมาร์ตโฟน สัญญาณเตือนจะถูกกระตุ้นเมื่อมีการถอดการชาร์จหรือหูฟังออก หรือเมื่อลบซิมการ์ด โดยฟังก์ชันป้องกันการโจรกรรมต้องใส่รหัสผ่านสำหรับการปิดเครื่องและการป้องกัน ทำให้โจรไม่สามารถปิดเครื่องหรือเข้าถึงข้อมูลได้

แม้ในสภาพแวดล้อมที่เปียกเทคโนโลยี Rainwater Smart Touch ของ realme 13 5G สามารถแยกแยะระหว่างหยดน้ำและการสัมผัสของนิ้วมือได้อย่างแม่นยำ ทำให้การใช้งานราบรื่นด้วยอัตราความแม่นยำในการสัมผัสที่เกิน 96% และอัตราการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือที่เปียกเกิน 95%

ประสิทธิภาพ

realme 13+ 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ท MediaTek 7300 Energy ซึ่งมอบประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงราคา โปรเซสเซอร์นี้ประกอบด้วยคอร์ A78 จำนวน 4 ตัว ที่ความเร็ว 2.5GHz

โดยทำคะแนน AnTuTu ได้มากกว่า 750,000 คะแนนอย่างน่าทึ่งด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ 4nm ชิปนี้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขึ้น 30% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าช่วยให้ประสิทธิภาพที่ทรงพลังพร้อมการใช้พลังงานต่ำทำให้การเล่นเกมที่มีเฟรมเรตสูงเป็นไปอย่างเสถียรและราบรื่น

RAM Dynamic สูงสุด 26GB เทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) ที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม รองรับการขยายสูงสุด 12GB + 14GB ช่วยให้เปิดแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วและสามารถเก็บแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่ในพื้นหลังได้สูงสุดถึง 32 แอปพลิเคชัน

GT Mode ครั้งแรกใน Number Series ที่มาพร้อมกับโหมด GT โดยเมื่อเปิดใช้งาน โหมด GT จะเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้การเล่นเกมที่ 90FPS เป็นไปอย่างราบรื่นและมอบประสบการณ์การเล่นเกมระดับ Esport

เล่นเกมที่ 90FPS ประสบการณ์การเล่นเกมที่ก้าวล้้าไปอีกขั้น

นี่คือสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในช่วงราคาที่รองรับโหมด 90fps สำหรับเกมหลัก 6 เกมได้แก่ PUBG, BGMI, FreeFire, MLBB, HOK(120FPS) และ COD เราได้ทำงานร่วมกับนักพัฒนาเกมอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมระดับเรือธงในช่วงราคากลางทำให้ผู้คนจำนวนมากสามารถเพลิดเพลินกับความลื่นไหลในการเล่นเกมได้

การเล่นเกมที่มีเฟรมเรตเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ด้วยโหมด GT คุณสามารถปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุดและเพิ่มเฟรมเรตให้เต็มที่ โดยรักษาเฟรมเรตที่ 90 fps สำหรับ MLBB และ FreeFire ได้ตลอด 7 ชั่วโมง ผู้เล่นสามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นที่ 90 fps ซึ่งเหนือกว่าการเล่นเกมที่ 60 fps ที่พบในโมเดลที่คล้ายกัน

ใบรับรองการเล่นเกมมือถือที่ไม่มีการหน่วงจาก TÜV SÜD ด้วยประสิทธิภาพการเล่นเกมที่มีเฟรมเรตสูงและราบรื่นอย่างสม่ำเสมอ realme 13+ 5G จึงได้รับการรับรองจาก TÜV SÜD ว่าเป็นมือถือที่เล่นเกมได้อย่างไม่มีการหน่วงเป็นรุ่นแรกของโลก โดยได้รับการจัดอันดับระดับ S สำหรับความราบรื่นในการเล่นเกม E-Sport ตามมาตรฐานการทดสอบของ TÜV SÜD

ประสบการณ์การเล่นเกมที่มีเฟรมเรตสูง

realme 13+ 5G มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่แข็งแกร่ง สามารถท้าทายอุปกรณ์ระดับเรือธงได้การเล่นเกมในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหากทดสอบในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 35°C realme 13+ 5G ยังสามารถรักษาเฟรมเรตที่เสถียรในเกมเช่น MLBB และ FreeFire ได้ หลังจากเล่นเกมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

คุณสมบัติการเล่นเกมของ GT สู่ประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือระดับ

การปรับแต่งพลังงานของ Geek คุณสามารถปรับความถี่ของ CPU และ GPU ได้ตลอดเวลา เพื่อให้สมาร์ตโฟนทรงพลังที่สุด

การเข้าถึง: เข้าสู่เกม -แถบด้านข้าง -กํารตั้งค่าประสิทธิภาพ

ฟิลเตอร์เกม ฟิลเตอร์เกมสามารถเพิ่มคอนทราสต์และความอิ่มตัวของสี, ปรับความคมชัดของรายละเอียด, และมอบเอฟเฟกต์ภาพที่คมชัดและชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นศัตรูที่ซ่อนอยู่ในพงหญ้าหรือซ่อนตัวลึกแค่ไหน ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างการเล่นเกม

การเข้าถึง: เข้าสู่เกม -แถบด้านข้าง -เครื่องมือ

โหมดโฟกัสเกม บล็อกการแจ้งเตือนทั้งหมดเพื่อช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การเล่นเกมของคุณอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังรองรับการแจ้งเตือนแบบ Bullet Notification ซึ่งจะแสดงการแจ้งเตือนลอยอยู่ที่ด้านบนของหน้าจอในรูปแบบกระสุน เพื่อให้เกิดการรบกวนที่น้อยที่สุด

การเข้าถึง: เข้าสู่เกม -แถบด้านข้าง -เครื่องมือ

หน่วยความจำเฉพาะสำหรับการเล่นเกม เราจัดสรรพื้นที่ใน RAM สำหรับการเล่นเกม เพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาสถานะของเกมที่ทำงานอยู่ในพื้นหลัง รองรับการรันเกมได้ถึง 7 เกมในพื้นหลัง นอกจากนี้ การอัปเดตเกมจะดำเนินการโดยอัตโนมัติในพื้นหลัง เพื่อลดเวลาการรอคอยการอัปเดต

การเริ่มต้นเกมอย่างรวดเร็วเมื่อกลับมาที่เกมจากแอปพลิเคชันอื่น เกมจะโหลดและเริ่มต้นภายในไม่กี่วินาที ทำให้คุณเข้าถึงเกมได้เร็วขึ้นอีกหนึ่งขั้น

ตัวเปลี่ยนเสียง คุณสามารถเลือกเอฟเฟกต์การเปลี่ยนเสียงของตัวละครต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นเกม

การเข้าถึง: เข้าสู่เกม -แถบด้านข้าง -เครื่องมือ

ระบบระบายความร้อนด้วยไอระเหยจากสแตนเลสสตีล ประสิทธิภาพการระบายความร้อนระดับ E-Sport

realme 13+ 5G มาพร้อมกับพื้นที่ระบายความร้อนแบบไอระเหยขนาด 6050mm² ซึ่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 37% ใช้เทคโนโลยีและวัสดุการระบายความร้อนเดียวกับ GT6 มอบสภาพการระบายความร้อนระดับ E-sport เทียบได้กับโมเดลเรือธงให้การระบายความร้อนอย่างเพียงพอสำหรับพลังงานระดับ Next-gen

เมื่อเปรียบเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยท่อกราไฟต์ที่พบในผลิตภัณฑ์ที่มีราคาใกล้เคียงกัน realme 13+ 5G มาพร้อมกับโครงสร้างและเทคโนโลยีการระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาก โดยสามารถลดอุณหภูมิในพื้นที่หลักลงได้ถึง 19°C

ระบบการระบายความร้อนด้วยการควบแน่นแบบหมุนเวียนผ่านเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยไอระเหยมีการนำความร้อนที่ดีกว่ากราไฟต์ถึงสองเท่า หลังจากการเล่นเกมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง อุณหภูมิของพื้นที่หลักจะต่ำกว่าคู่แข่งถึง 3°C และความเสถียรจะสูงกว่าถึง 50%

จอ 120Hz OLED E-sport Display ลื่นไหลและตอบสนองได้ดีเยี่ยม

realme 13+ 5G มาพร้อมจอ 120Hz OLED E-sport Display ซึ่งไม่เพียงแต่ให้คุณภาพการแสดงผลที่สดใส แต่ยังมีความไวในการสัมผัสที่ราบรื่นอย่างมาก การมองเห็นที่กว้างขวางและการแสดงผล Pro-XDR รวมกับลำโพงคู่สเตอริโอ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมให้มีความดื่มด่ำมากยิ่งขึ้น ด้วยอัตรา Touch Sampling Rate ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1200Hz แม้แต่การเคลื่อนไหวที่ละเอียดที่สุดก็สามารถจับได้อย่างแม่นยำ ซึ่งยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของคุณไปอีกระดับ

นอกจากนี้ หน้าจอนี้ยังเป็นมิตรต่อดวงตาอย่างสูง มีการปรับความสว่างที่ระดับหมื่นเพื่อการแสดงผลที่เป็นธรรมชาติและลดการกระพริบของหน้าจอ นอกจํากนี้ยังมีโหมดการปกป้องดวงตา AI full-link ที่ปรับกลยุทธ์การปกป้องดวงตาอย่างแม่นยำและเป็นเวลาจริง เพื่อลดความเมื่อยล้าของดวงตา

Free Call โทรออกได้อย่างราบรื่นแม้ไร้สัญญาณ

ในหลายสถานการณ์ที่สัญญาณเครือข่ายไม่ดีหรือไม่มีสัญญาณ เช่น ที่จอดรถใต้ดิน, ป่าเขาที่ห่างไกล, หรือคอนเสิร์ตที่แน่นขนัด คุณยังสามารถโทรออกได้อย่างราบรื่นด้วย realme 13+ 5G ซึ่งรับรองว่าคุณจะไม่สูญเสียการเชื่อมต่อแม้ในกรณีฉุกเฉิน

วิธีการใช้ฟีเจอร์การโทรฟรี

การเปิดใช้งาน:

ไปที่ การตั้งค่า-เครือข่ายมือถือ-การโทรฟรี-เปิดใช้งานโดยลงชื่อเข้าใช้บัญชี realme (ต้องมีการเชื่อมต่อเครือข่าย) การใช้งาน:

1.เลือกจากรายการอุปกรณ์ใกล้เคียง

2.โทรหาคนในรายชื่อของคุณ

3.โทรหาคนแปลกหน้าโดยเลือก ‘สามารถโทรได้โดย ALL

’รุ่นที่รองรับ:

  • realme 13+ 5G (ซีรีส์ 13 Pro จะได้รับการอัปเดต OTA ภายในปลายเดือนสิงหาคม)
  • รุ่น OPPO ตั้งแต่ Reno12 ขึ้นไป
  • รุ่น ONEPLUS ที่จะเปิดตัวในอนาคต

 

เพลิดเพลินกับฟีเจอร์ AI เข้าใจคุณได้ดียิ่งขึ้น

AI Clear Voice อิงจากเทคโนโลยีการรู้จำเสียงขั้นสูงของ AI เราสามารถแยกเสียงมนุษย์ออกมาและขยายให้ชัดเจนระหว่างการโทร ซึ่งทำให้คุณสามารถได้ยินเสียงของคนที่อยู่ปลายสํายได้อย่างชัดเจน แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน

AI Smart Loop ฟีเจอร์นี้สามารถระบุเนื้อหาที่ผู้ใช้เลือกและลากบนหน้าจอ ทำให้การแชร์ไปยังแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามทำได้อย่างรวดเร็วและช่วยให้การโต้ตอบเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและขั้นตอนในกระบวนการ

การเข้าถึง: ไปที่ การตั้งค่า-ฟีเจอร์พิเศษ-AI Assistant-AI Smart Loop

วิธีการใช้ AI Smart Loop

นี่คือตัวอย่าง: เมื่อคุณต้องการแชร์ภาพที่สวยงามจาก Instagram ให้เพื่อนใน LINE

ในสมาร์ตโฟนทั่วไป คุณจะต้องกดค้างที่ภาพ รอให้ตัวเลือกปรากฏขึ้น บันทึกภาพ ออกจาก Instagram เปิด LINE ค้นหาการสนทนาของเพื่อน และส่งภาพ—ทั้งหมดนี้ใช้ถึง 7 ขั้นตอน

ด้วย AI Smart Loop คุณเพียงแค่กดค้างและลากภาพ เทคโนโลยี AI จะรับรู้ว่าคุณใช้ LINE บ่อยครั้งและจัดลำดับความสำคัญในวงล้อพื้นที่ จากนั้นเลือก LINE ส่งภาพให้เพื่อน และทำให้เสร็จในเพียง 3ขั้นตอน

หมายเหตุ:

•Instagram และ Facebook ไม่รองรับการลํากในส่วนความคิดเห็น

 

•การรู้จำข้อความ AI รองรับเฉพาะภาษาจีนและอังกฤษในขณะนี้ และมีแผนที่จะเพิ่มภาษาอื่น ๆ ในอนาคต

 

•เนื่องจํากแอป Grab ไม่มีอินเตอร์เฟซข้อความที่เปิดเผย จึงไม่รองรับการลากข้อความไปยัง Grab

 

•Google ไม่มีความสามารถในการประมวลผลข้อความ ดังนั้นการลากข้อความไปยัง Google อาจล้มเหลวเนื่องจากข้อจำกัดของแอป

 

•เบราว์เซอร์ Chrome ไม่รองรับการเปลี่ยนเส้นทางลิงก์ URL หรือการค้นหาผ่านการลาก

ส่วน realme 13 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Dimensity6300 5G เครื่องจักรแห่งประสิทธิภาพที่สร้างความประทับใจด้วยคะแนน AnTuTu สูงถึง 460,000 ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่าง vivo Y58 ถึง 10%

ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมนี้ขับเคลื่อนโดยคอร์ CPU A76 ที่ทรงพลังซึ่งทำงานที่ความถี่สูงสุดถึง 2.4GHz ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งถึง 10% ทำให้ตอบสนองได้รวดเร็วและทำงานหลายแอปได้อย่างง่ายดาย

และด้วยการผลิตบนกระบวนการ 6 นาโนเมตรที่ล้ำสมัย จึงสร้างความสมดุลที่น่าทึ่งระหว่างพลังงานและประสิทธิภาพ มอบความเร็วอย่างยิ่งทั้งในการเล่นเกม, การดูคอนเทนต์ และการทำงานทั่วไป ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ด้วย

realme 13 5G มาพร้อมกับ RAM แบบไดนามิกสูงสุด 26GB (12GB RAM จริง + 14GB RAM เสมือน) และหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 256GB พร้อมกับเทคโนโลยี Dedicated Gaming Memory ที่พบในซีรีส์เรือธง

โดย realme 13 5G มอบประสบการณ์ที่ราบรื่นเป็น2 เท่า ปรับแต่งประสิทธิภาพให้เหมาะสมทั้งสำหรับการใช้งานประจำวันและเกมที่ต้องการสูง ซึ่งหมายความว่าการเปิดเกมจะรวดเร็วขึ้น การอัปเดตพื้นหลังจะราบรื่นยิ่งขึ้น และการเล่นเกมจะราบรื่นกว่าคู่แข่ง

 

 

 

 



ประสิทธิภาพการเล่นเกมสูงสุดด้วยโหมด GT เป็นครั้งแรกที่ realme ได้นำโหมด GT อันทรงคุณค่ามาสู่ Number Series โหมดพิเศษนี้จะเปิดใช้งานชุดการปรับแต่งต่าง ๆ รวมถึงการปรับพลังงานแบบ geek, การเริ่มต้นที่รวดเร็ว, การติดตาม Wi-Fi, ตัวกรองเกม, การเปลี่ยนเสียง และโหมดมุ่งเน้นเกมที่มีการแจ้งเตือนแบบกระสุน คุณสมบัติเหล่านี้รวมกับพลังการประมวลผลของชิปเซ็ต Dimensity 6300 5G จะยกระดับความสามารถในการเล่นเกมของ realme 13 5G ให้อยู่ในระดับ E-sports



การเล่นเกมที่ 60fps อย่างเสถียร โหมด GT ของ realme 13 5G ร่วมกับการปรับแต่งของชิปเซ็ต Dimensity 6300 5G มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ 60fps ที่ไม่มีใครเทียบได้ ให้ภาพที่ราบรื่นขึ้น, การตอบสนองที่ดีขึ้น และความได้เปรียบในการแข่งขันในเกมที่รวดเร็วอย่าง MLBB และ Free Fire ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นเกม 60fps อย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ประสบการณ์การเล่นเกมที่เย็นขึ้นด้วย Stainless Steel Vapor Cooling System

การเล่นเกมที่เข้มข้นทำให้สมาร์ตโฟนต้องทำงานถึงขีดสุด แต่ไม่ใช่กับ realme 13 5G ด้วยพื้นที่ระบายความร้อนด้วยไอน้ำสแตนเลสที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ขนาด 2249 ตร.มม. realme 13 5G ตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับการกระจายความร้อน ห้องระบายความร้อนด้วยไอน้ำสแตนเลส ร่วมกับเทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบหมุนเวียนสองทิศทาง ทำให้ความร้อนถูกถ่ายเทออกจากหน่วยประมวลผลและส่วนประกอบสำคัญอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การระบายความร้อนที่เป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ห้องระบายความร้อนด้วยไอน้ำสแตนเลสของ realme 13 5G ซึ่งมีความนำความร้อนสูงกว่ากราไฟต์ทั่วไปถึงสองเท่า ช่วยลดอุณหภูมิของคอร์ CPU ลงอย่างมาก ซึ่งทำให้การใช้งานสบายมากขึ้นและอัตราเฟรมที่เสถียร แม้ในระหว่างการเล่นเกมที่ยาวนาน ในการทดสอบจริง realme 13 5G สามารถรักษาอุณหภูมิได้ต่ำกว่าคู่แข่ง 2-3°C หลังจากการเล่นเกมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง

ดื่มด่ำด้วยภาพจากหน้าจอ 120Hz Eye Comfort Display

realme 13 5G มาพร้อมหน้าจอ 120Hz Eye Comfort Display มอบภาพที่ราบรื่นอย่างเหลือเชื่อการเบลอของการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุดและหน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้รวดเร็วเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ความละเอียด FHD+ มอบรายละเอียดในเกมโปรดของผู้ใช้ ขณะที่เทคโนโลยี Eye Comfort ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาในระหว่างการเล่นเกมที่ยาวนาน

พร้อมรับประกันว่าทุกรายละเอียดจะได้ยินอย่างชัดเจนด้วยลำโพงสเตอริโอคู่ การแยกเสียงสเตอริโอสร้างฉากเสียงที่กว้างขึ้น ช่วยให้ผู้เล่นสามารถระบุที่ตั้งของศัตรูได้อย่างแม่นยำในเกมการแข่งขันอย่าง PUBG และ Call of Duty

ด้วยไจโรสโคปที่ไวต่อการตอบสนอง 6 แกน ยกระดับการเล็งและการควบคุมไปอีกขั้น เทคโนโลยีนี้ช่วยในการติดตามการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ โดยแปลงการเคลื่อนไหวของมือเป็นการกระทำในเกมด้วยความแม่นยำที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่ว่าจะเป็นการยิงระยะไกลหรือการนำทางในท่าทางที่ซับซ้อน ไจโรสโคป HyperSense ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

และความล่าช้าและการเชื่อมต่อจะหมดไป realme 13 5G แก้ไขปัญหานี้ด้วยระบบ Antenna Array Matrix ที่เป็นนวัตกรรม การจัดเรียงเสา ได้รับการออกแบบมาอย่างมีกลยุทธ์เพื่อให้สัญญาณมีความเสถียรและแรง แม้ในขณะที่ผู้ใช้ถือโทรศัพท์ในแนวนอนส าหรับการเล่นเกม

แบตเตอรี่

realme 13+ 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 5000mAh สามารถรองรับการเล่นเกม FreeFire ได้ถึง 9 ชั่วโมง เพื่อให้คุณเพลิดเพลินกับความสนุกของเกมได้อย่างเต็มที่ พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge ที่เร็วที่สุดในกลุ่มชาร์จเพียง 1 นาที สามารถเล่นเกม Free Fire ได้ 21 นาที ชาร์จ 5 นาที เล่นเกม Free Fire ได้ 1 ชั่วโมง

ในโหมดประหยัดพลังงาน (Low power mode) ความเร็วในการชาร์จจะเร็วขึ้น ที่อุณหภูมิห้อง 25°C สามารถชาร์จจาก 1% ถึง 50% ได้ภายใน 18 นาที และชาร์จเต็มได้ใน 46 นาที และแบตเตอรี่ของ realme 13+ 5G ยังมีความทนทาน นานเกือบ 3 ปีหลังจากการชาร์จและการปล่อยประจุครบ 1000 รอบ ความจุที่มีประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะไม่ต่ำกว่ํา 80%

ส่วน realme 13 5G ก็มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 5000mAh รองรับการเล่น Free Fire ต่อเนื่องได้นานถึง 7 ชั่วโมง ทำให้สามารถเล่นเกมได้ยาวนาน รองรับการชาร์จเร็ว 45W Ultra Charge ผู้ใช้สามารถกลับมาเล่นเกมได้อย่างรวดเร็ว การชาร์จเพียง 5 นาทีให้พลังงานเพียงพอสำหรับการเล่น Free Fire เป็นเวลา 30 นาที ขณะที่การชาร์จเต็มหนึ่งครั้งสามารถรองรับการเล่นเกมที่เข้มข้นตลอดทั้งวัน

และแบตเตอรี่ของ realme 13 5G ยังออกแบบมาเพื่อรักษาความจุที่มีประสิทธิภาพอย่างน้อย 80% แม้หลังจากผ่านการชาร์จและการปล่อยพลังงานครบ 1,600 รอบ ซึ่งรับประกันได้ถึง 4 ปีของประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้

ด้านการถ่ายภาพ

realme 13+ 5G

50MP Sony LYT-600 OIS Camera

realme 13+ 5G มาพร้อมกล้อง 50MP Sony LYT-600 OIS ขนาดเซ็นเซอร์ 1 / 1.95”, รูรับแสง f / 1.8, รองรับ OIS (ระบบกันสั่นแบบออพติคัล), 2x ISZ (Image Sensor Zoom), รองรับวิดีโอ 4K

เทคโนโลยี Light Fusion Engine เราได้ศึกษางานของช่างภาพระดับมืออาชีพอย่ํางลึกซึ้ง และนำเทคนิคของแสงและเงาที่พวกเขาใช้มาปรับใช้ในการถ่ายภาพด้วยมือถือ อัลกอริธึม AI ของเราจะประมวลผลข้อมูลภาพดิบโดยตรงในโดเมน RAW เพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพโดยไม่สูญเสียรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นภาพกลางคืนหรือภาพ HDR ทุกภาพมีความละเอียดและเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม

การถ่ายภาพที่คมชัดเทคโนโลยี OIS (Optical Image Stabilization) ทำให้ realme 13+ 5G สามารถจับภาพช่วงเวลาที่สวยงามได้อย่างง่ายดาย เรายังได้รวมเทคโนโลยี HDR เข้ากับอัลกอริธึมการถ่ายภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าภาพมีความคมชัด

สำหรับกล้องหลังของ realme 13+ 5G มีด้วยกัน 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 เลนส์ 5P, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.95″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์เสริม (เซ็นเซอร์ตรวจจับการกระพริบ)

ส่วนอินเทอร์เฟซกล้องด้านบนมีแถบเมนูเปิด/ปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, Google Lens, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย, ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ, เปิด/ปิดโหมด HDR อัตโนมัติ, เลือกช่วงเวลาการถ่าย และตั้งค่าการใช้งานกล้องต่าง ๆ

สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมดวิดีโอ, โหมดท้องถนน, โหมดกลางคืน, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมด Panorama, โหมดความละเอียดสูง, โหมดภาพยนตร์, โหมด Slo-motion, โหมด Time-Lapse, โหมดวิดีโอมุมมองคู่, โหมดระบบสแกนข้อความ, โหมดภาพบุคคลหมู่, โหมด TILT-SHIFT และโหมด Google Len

โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 50MP 6144 x 9072 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4k@30fps

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมปรับเลือกฟิลเตอร์ต่างๆ ที่มีให้เลือกมากถึง 16 แบบ

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait พร้อมปรับเลือกฟิลเตอร์ต่างๆ ที่มีให้เลือกมากถึง 16 แบบ

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Street Photography

ทดสอบกล้องหลังในโหมดความละเอียดสูง 50MP

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง realme 13+ 5G

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กล้องหน้า 16MP Selfie Camera

realme 13+ 5G ติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังใต้หน้าจอ In-Display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมรูรับแสง f/2.4, FOV 82.3° และเลนส์ 5P

โดยมีหน้าตา User Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนใช้งานได้ทันที ได้แก่ เปิด/ปิดไฟแฟลช, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย, การตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติ, ตั้งค่าเปิด/ปิดโหมด HDR, เลือกช่วงเวลาการถ่าย และการตั้งค่าอื่นๆ รองรับการถ่ายถาพปกติ, Portrait, วิดีโอ, กลางคืน และพาโนรามา

โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียด 3456×5104 พิกเซล ส่วนวิดีโอรองรับการถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด FHD 1080p@30fps

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto พร้อมปรับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือก 16 แบบ

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Portrait

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Portrait พร้อมปรับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือก 16 แบบ

 

realme 13 5G

กล้อง 50MP OIS Camera

realme 13 5G มาพร้อมกล้องหลังคู่ AI Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung S5KJNS, เลนส์ 5P, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), FOV: 77.9°, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เลนส์ 3P, รูรับแสง f/2.45 และ FOV 89°

อินเทอร์เฟซโหมดถ่ายภาพของ realme 13 5G ด้านบนมีแถบเมนูเปิด/ปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, Google Lens, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย, ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ, เปิด/ปิดโหมด HDR อัตโนมัติ, เลือกช่วงเวลากสนถ่ายภาพ และตั้งค่าการใช้งานกล้องต่าง ๆ

สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมดวิดีโอ, โหมดท้องถนน, โหมดกลางคืน, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมด Panorama, โหมดความละเอียดสูง, โหมดภาพยนตร์, โหมด Slo-motion, โหมด Time-Lapse, โหมดวิดีโอมุมมองคู่, โหมดระบบสแกนข้อความ และโหมด TILT-SHIFT

โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 50MP 6144 x 9040 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 2K@30fps

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto พร้อมปรับเลือกฟิลเตอร์ต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากถึง 14 แบบ

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait พร้อมปรับเลือกฟิลเตอร์ต่างๆ ที่มีให้เลือกมากถึง 11 แบบ

ทดสอบกล้องหลังในโหมด Street Photography

ทดสอบกล้องหลังในโหมดความละเอียดสูง 50MP

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง realme 13 5G

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กล้องหน้า 16MP Selfie Camera

realme 13 5G ติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่แบบฝังใต้หน้าจอ In-Display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมรูรับแสง f/2.45, FOV 82.6° และเลนส์ 5P

โดยมีหน้าตา User Interface ที่สามารถใช้งานง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนใช้งานได้ทันที ได้แก่ เปิด/ปิดไฟแฟลช, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย, การตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติ, ตั้งค่าเปิด/ปิดโหมด HDR, เลือกช่วงเวลาถ่ายภาพ และการตั้งค่าอื่นๆ รองรับการถ่ายถาพปกติ, Portrait, วิดีโอ, กลางคืน และพาโนรามา

โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียด 3456×5104 พิกเซล ส่วนวิดีโอรองรับการถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด FHD 1080p@30fps

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto พร้อมปรับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือก 11 แบบ

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Portrait

ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Portrait พร้อมปรับฟิลเตอร์ที่มีให้เลือก 11 แบบ

บทสรุป

realme 13+ 5G และ realme 13 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Number Series ที่มาพร้อมสโลแกน Speed to Victory เน้นเรื่องการเล่นเกมเป็นหลัก ด้วยประสิทธิภาพแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ทที่มีประสิทธิภาพสูงที่ช่วยให้การเล่นเกมและการใช้งานราบรื่น บวกกับจอ OLED E-sport 120Hz ที่ให้ภาพคมชัดไหลลื่น พร้อมฟีเจอร์ GT Gaming ที่ช่วยให้เล่นเกมฮิตด้วยเฟรมเรต 90fps

รวมถึงการอัปเกรด ULTRA COOL ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบใหม่ล่าสุด โดยให้พื้นที่ระบายความร้อนให้มากที่สุดในเซกเมนต์และใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 37% ทำให้เครื่องเย็นลงเร็วขึ้นเมื่อทำงานหนัก จึงใช้งานสมาร์ตโฟนที่เร็วแรงเต็มสปีดได้อย่างต่อเนื่อง บอกลาอาการ “เกมเมอร์หัวร้อน” จากปัญหาเครื่องหน่วงเครื่องแฮงก์ไปอย่างง่ายดาย

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสมาร์ตโฟนระดับกลางทั่วไป คือ ระบบชาร์จช้าไม่ทันใจการใช้งานในปัจจุบัน realme จึงอัปเกรดระบบ ULTRA FAST

โดย realme 13+ 5G มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์ต 80W Ultra Charge ชาร์จเพียง 1 นาทีก็สามารถเล่นเกมแอกชันมันส์ ๆ ที่กินทรัพยากรเครื่องแบบโหด ๆ ได้นานถึง 21 นาที หรือเมื่อเสียบชาร์จ 5 นาที ก็สนุกกับเกมได้ครบชั่วโมง

ส่วน realme 13 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 45W Fast Charge โดยทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมแบตเตอรี่ยักษ์ความจุ 5,000mAh ตามมาตรฐาน Number Series อีกด้วย

 


และสุดท้าย ULTRA POWER ใช้ซีพียูตัวท็อปของเซกเมนต์ โดย realme 13+ 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 7300 Energy ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตรที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ช่วยให้การเล่นเกมและการใช้งานราบรื่นด้วยประสิทธิภาพสูง

และ realme 13 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 6300 5G อันทรงพลัง ผสานการทำงานของ GT Mode ที่นำมาจากรุ่นเรือธง และเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) ที่เพิ่ม RAM ได้สูงสุดถึง 26GB คุณจึงใช้งานแอปพลิเคชันและเล่นเกมกราฟิกสูงได้อย่างลื่น ๆ ไร้ปัญหาจอกระตุกหรือภาพหน่วง พร้อมลุยกับทุกเกม เพลิดเพลินกับทุกคอนเทนต์ ได้อย่างราบรื่นสบายตา

 

 

ราคาและการจำหน่าย

·       realme 13+ 5G นำเสนอสเปกความจุ 512/12GB ในราคา 13,999 บาท และ 256/12GB ในราคา 11,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Victory Gold และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง

o   ช่องทางโอเปอเรเตอร์ True และ Dtac ในรุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 6,699 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาท และช่องทาง AIS รุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 7,799 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาท รับฟรี realme Buds T01, realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 10,497 บาท

o   ช่องทางตัวแทนจำหน่าย Banana, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice รับฟรี realme Buds T01, realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 10,497 บาท

o   ช่องทางอีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop รับฟรีคูปองส่วนลด 1,000 บาท, realme Buds T01, realme Gift Box พร้อมประกันจอแตก 1 ปี และ PUBG VIP Item Code Card (พิเศษ! ในช่วงพรีออเดอร์สำหรับความจุ 12+512GB Exclusive เฉพาะ Shopee เท่านั้น)

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

·       realme 13 5G นำเสนอสเปกความจุ 256/12GB ในราคา 8,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Speed Green และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง

 

o   ช่องทางโอเปอเรเตอร์ True และ Dtac ในราคาเริ่มต้นเพียง 5,499 บาท และ AIS ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,049 บาท พร้อมรับฟรี realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 7,898 บาทในทุกช่องทาง

 

o   ช่องทางตัวแทนจำหน่าย Banana, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice พร้อมรับฟรี realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 7,898 บาทในทุกช่องทาง

 

o   ช่องทางอีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop รับฟรีคูปองส่วนลด 1,000 บาท, realme Buds T01, realme Gift Box พร้อมประกันจอแตก 1 ปี และ PUBG VIP Item Code Card 

 

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

Facebook Comments

Related Posts