วางจำหน่ายมาได้สักพักใหญ่ ๆ สำหรับ OPPO Enco M31 หูฟังไร้สายแบบคล้องคอ ที่มาพร้อมนิยาม Pure Bass on the Go โดยให้คุณภาพเสียงอันโดดเด่นและฟีเจอร์จัดเต็มแบบรอบด้าน แต่ทว่าเปิดตัวด้วยราคาน่ารัก ๆ เพียง 1,699 บาทเท่านั้น ซึ่งทาง IbelieveIT ได้ลองสัมผัสและใช้งานแบบจัดเต็มมาราว ๆ 2 อาทิตย์ วันนี้จึงขอนำเพื่อน ๆ ไปสัมผัสกับหูฟังไร้สายที่ต้องบอกเลยว่าสามารถตอบโจทย์นักฟังเพลงที่ชอบเบสอันทรงพลัง และยังคงให้คุณภาพเสียงโดยรวมที่รองรับการฟังเพลงได้หลากหลายแนวอีกด้วย
สเปคเบื้องต้น OPPO Enco M31
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน OPPO Enco M31
นอกจากคุณภาพ Hardware จะโดดเด่นแล้ว ตัวหูฟัง OPPO Enco M31 ยังรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง ที่พร้อมตอบโจทย์การฟังเพลงทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว
โดย OPPO Enco M31 รองรับ LDAC Ultra-clear lossless audio ซึ่งมีข้อดีคือตัว LDAC นั้นเป็นเทคโนโลยีการส่งสัญญาณเสียงแบบไร้สายที่มีความละเอียดสูงได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการประมวลผลใด ๆ จึงส่งผลให้สามารถลดการสูญเสียคุณภาพเสียง ซึ่งในปัจจุบันสมาร์ตโฟนของค่าย OPPO ในบางรุ่นรองรับ LDAC เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงสมาร์ตดีไวซ์รุ่นใหม่ ๆ บางรุ่นก็รองรับ LDAC ด้วยเช่นกัน จึงสามารถใช้งานร่วมกับ OPPO Enco M31 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
รองรับ Hi-Res Audio Wireless ทำให้สามารถรับฟังเพลงที่มีคุณภาพสูงในระดับ 990 Kbps หรือ 24-bit / 96 kHz ซึ่งเร็วกว่าการส่งสัญญาณเสียงแบบ Bluetooth ทั่วไปถึง 3 เท่า และ OPPO Enco M31 เป็นหูฟังคล้องคอแบบไร้สายตัวเดียวในช่วงราคาเดียวกัน ที่ได้รับการรับรอง Hi-Res Wireless อีกด้วย
Audio Effects ที่มีให้ใช้งาน 2 โหมดประกอบไปด้วย
- Bass Mode โดยโหมดนี้จะช่วยให้ย่านเสียงต่ำมีมวลเสียงที่หนักแน่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะกับเพลงจังหวะสนุก ๆ ที่เน้นเสียงเบส หรือการฟังเพลงจากไฟล์ที่ถูกบีบอัดจนสูญเสียรายละเอียดของย่านเสียงต่ำ
2. Balance Mode เป็นโหมดที่เหมาะกับการฟังเพลงทั่ว ๆ ไป โดยจะให้คาแรกเตอร์เสียงที่เน้นความสมดุลตามชื่อโหมดนั่นเอง ซึ่งในภาพรวม Balance Mode โหมด เป็นการจูนตัวหูฟังให้มีความเป็นโอเวอร์ออล เพื่อให้รองรับการตอบสนองย่านเสียงสูง กลาง ต่ำ ได้อย่างเหมาะสม
ระบบตัดเสียงรบกวนด้วยระบบ AI ที่ทางค่าย OPPO พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้การสนทนามีความราบลื่นและคมชัดในทุกสถานการณ์
แบตเตอรี่สุดอึด เมื่อชาร์จจนเต็มสามารถเล่นเสียงคุณภาพปกติได้สูงสุด 12 ชั่วโมง และเล่นเสียงความละเอียดสูง LDAC ได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
หูฟังมีแบตเตอรี่ขนาด 88 mAh สามารถสแตนด์บายได้ถึง 120 ชั่วโมง (ตามการควบคุมด้วยพลังงานแม่เหล็กอัจฉริยะ) รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อชาร์จ 10 นาที สามารถฟังเสียงความละเอียดสูงได้ 3 ชั่วโมง
รองรับฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นในระดับ IPX5 ซึ่งสามารถป้องกันเหงื่อ ฝน หรือแม้กระทั่งการล้างน้ำ โดยสามารถฟังเพลงขณะออกกาลังกาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ โดยไม่ต้องกังวลกับความเสียหายจากน้ำ
Unboxing แกะกล่อง
ตัวกล่องแพกเกจจิ้งมาโทนสีขาวสะอาดตา ด้านหน้าโชว์รูปตัวหูฟังพร้อมขับเน้นฟีเจอร์เด่นที่เป็นจุดขาย ทั้ง LDAC , และ Hi-Res Audio Wireless ส่วนด้านหลังกล่องพิมพ์บอกไฮไลท์ฟีเจอร์และสเปคมาให้อย่างครบถ้วน
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- หูฟัง OPPO Enco M31
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อและใบรับประกันสินค้า
- สายชาร์จแบบ USB – C
- จุกยางซิลิโคน 2 ขนาด / L – S (ไซส์ M ติดตั้งอยู่ในตัวหูฟัง)
รูปลักษณ์ดีไซน์/การออกแบบ
OPPO Enco M31 เป็นหูฟัง In-ear แบบคล้องคอ มีดีไซน์สวยงามทันสมัย มาพร้อมจุดเด่นด้วยน้ำหนักเบาเพียง 22 กรัม โดยตัวสายคล้องคอเป็นยางซิลิโคนที่มีความนุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ส่วนด้านในเป็นวัสดุโลหะที่ช่วยให้ตัวสายไม่บิด โค้งงอ และให้การคืนตัวที่ดี อีกทั้งยังออกแบบตามหลักสรีศาสตร์ จึงช่วยให้สวมใส่สบายไม่รู้สึกอึดอัด พร้อมรองรับการใช้งานได้ดีในทุกกิจกรรม ทั้งการใช้งานทั่วไปหรือจะสวมใส่ออกกำลังกายก็ให้ความรู้สึกคล่องตัวที่ดีมาก ๆ แถมยังรองรับฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IPX5 สามารถป้องกันน้ำที่ฉีดด้วยแรงดันต่ำอย่างน้อยเป็นเวลา 3 นาที ซึ่งในกรณีที่ฝนตกปรอย ๆ ก็ยังใช้งานได้ สามารถใส่ลุยฝนโดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าตัวหูฟังแต่อย่างใด
ตัวเฮาส์ซิ่งออกแบบในลักษณะ compact design มีขนาดกะทัดรัด สวมใส่กระชับ สอดรับกับสรีรศาสตร์ของใบหูได้ค่อนข้างดี แม้ตัวเฮาส์ซิ่งจะมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็ให้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 9.2 มม. ส่วนตัวไดอะแฟรมผลิตจากวัสดุไทเทเนียมคอมโพสิต และมี bass chamber ขนาดใหญ่ ในด้านคุณภาพเสียงจึงมีความโดดเด่นมาก ๆ และการที่มาพร้อม Hardware คุณภาพสูง ต้องบอกเลยว่าจัดเต็มไม่แพ้หูฟังในเรทเดียวกันอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ OPPO Enco M31 ยังมาพร้อมระบบแม่เหล็กในการจัดเก็บหูฟัง ซึ่งรองรับฟีเจอร์เปิด/ปิดตัวหูฟังแบบอัตโนมัติ โดยเมื่อแยกหูฟังออกจากกันจะเป็นการ Power on เปิดใช้งานหูฟัง และเมื่อประกบหูฟังเข้าหากันจะเป็น Power Off ปิดการใช้งาน ซึ่งระบบนี้จะช่วยประหยัดพลังงาน และยังทำให้รู้สึกไม่อึดอัดเมื่อสวมใส่ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน เพราะตัวหูฟังจะไม่แกว่งไปมาแบบอิสระ ในขณะเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ นั่นเอง
ด้านบนของตัวเฮาส์ซิ่งออกแบบได้สวยงาม มีเท็กเจอร์ลาย brush metal และมีช่องเสียงที่ทำงานร่วมกับ bass chamber โดยจะช่วยเพิ่มย่านเสียงต่ำหรือมวลเบสได้หนักแน่นเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับด้านในจะมีตัวอักษร R/L ระบุฝั่งซ้าย/ขวาของตัวหูฟัง และไมค์ตัดเสียงรบกวน
ตัวท่อเสียงเป็นแบบมาตรฐาน สามารถเปลี่ยนจุกยางได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์การฟังเพลงของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี
ที่ก้านของสายคล้องคอด้านซ้าย จะเป็นที่อยู่ของแผงควบคุม โดยไล่จากซ้ายไปขวา ประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม /ลดระดับเสียง / ปุ่มมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งแต่ละปุ่มจะมีการออกแบบให้มีความแตกต่างกัน ทำให้มีความสะดวกคล่องตัวในการใช้งาน เพราะแค่สัมผัสก็รับรู้ว่าปุ่มไหนทำหน้าที่อะไร โดยไม่ต้องพลิกตัวก้านขึ้นมาดูในขณะใช้งาน ส่วนด้านบนจะเป็นรูไมโครโฟนสำหรับใช้สายสนทนา
การทำงานของปุ่มมัลติฟังก์ชั่นบน OPPO Enco M31
การเชื่อมต่อบลูทูธ : กดปุ่มมัลติฟังก์ชั่น ค้าง 3 วินาที จนไฟสีเขียวกระพริบต่อเนื่อง
รับ / วางสาย / เล่นเพลง – หยุดเล่นเพลง : กดปุ่มมัลติฟังก์ชั่น 1 ครั้ง
ปฏิเสธสาย : กดปุ่มมัลติฟังก์ชั่นค้างไว้ 2 วินาที
เปิดใช้งานการสั่งงานด้วยเสียง : กดปุ่มมัลติฟังก์ชันสามครั้ง
เปิดใช้งาน Audio Effects : กดปุ่มมัลติฟังก์ชั่นสองครั้งเพื่อเข้าสู่ Bass Mode โดยโหมดนี้จะช่วยให้ย่านเสียงต่ำมีมวลเสียงที่หนักแน่นขึ้น เหมาะกับเพลงจังหวะสนุก ๆ ที่เน้นเสียงเบส และเมื่อกดปุ่มมัลติฟังก์ชั่นอีกสองครั้ง จะสลับมาเป็น Balance Mode ซึ่งเป็นโหมดที่เหมาะกับการฟังเพลงทั่ว ๆ ไป
การควบคุมผ่านปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงบน OPPO Enco M31
เล่นเพลงถัดไป : กดปุ่มเพิ่มระดับเสียง – ค้างไว้
เล่นเพลงก่อนหน้า : กดปุ่มลดระดับเสียง – ค้างไว้
สลับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อก่อนหน้านั้น (Multi-device switching) : กดปุ่มระดับเสียง + และ – พร้อมกันเป็นเวลา 3 วินาที
สำหรับด้านล่างจะมีพอร์ตชาร์จ Type – C พร้อมรองรับการชาร์จอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อชาร์จ 10 นาที สามารถฟังเพลงความละเอียดสูงได้ 3 ชั่วโมง นอกจากการชาร์จได้รวดเร็วแล้ว การที่ให้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Type – C ถือว่าเป็นข้อดีมาก ๆ เพราะสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ๆ ที่ปัจจุบันเริ่มจะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต Type – C เป็นมาตรฐานแล้วนั่นเอง
การเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนทั่ว ๆ ไป ให้กดปุ่มมัลติฟังก์ชั่นค้างไว้ 3 วินาที จนไฟสีเขียวกระพริบต่อเนื่อง จากนั้นเข้าไปที่เมนูการตั้งค่าบลูทูธบนสมาร์ตโฟน มองหาชื่อ OPPO Enco M31 และทำการเชื่อมตต่อได้เลย ส่วนถ้าเป็นสมาร์ตโฟน OPPO จะเป็นการเชื่อมต่อแบบรวดเร็ว โดยจะมีรูปตัวหูฟังแสดงขึ้นมาบนหน้าจอแสดงผล สามารถทำการเชื่อมต่อได้ในทันที
ทดสอบคุณภาพเสียง
OPPO Enco M31 ที่ทางเว็บได้มารีวิว ผ่านการเบิร์นมาได้ราว 100 ชั่วโมง จนการทำงานของตัวไดรเวอร์และคุณภาพเสียงนั้นเข้าที่เข้าทางเป็นที่เรียบร้อย จึงจับมาทดสอบใช้งานจริง โดยยังคงใช้เพลงประจำที่เคยทดสอบมาแล้วกับหูฟังและลำโพงหลาย ๆ รุ่น
และถึงแม้ว่า OPPO Enco M31 จะรองรับ LDAC และ Hi-Res Audio Wireless แต่ซาวด์ สเตจก็ไม่ได้กว้างแต่อย่างใด ในภาพรวมมิติและการแยกเครื่องชื้นดนตรี ทำผลงานได้ดีตามสนนราคาค่าตัวที่เคาะออกมานั่นเอง
สำหรับย่านเสียงต่ำ ทดสอบด้วยเพลง Boom Boom Pow ของ The Black Eyed Peas สัมผัสได้ถึงมวลเบสที่มีพลัง โดยเป็นเบสที่ลงได้ค่อนข้างลึก มีอิมแพคที่ดี เก็บตัวกระชับ เหมาะกับการฟังเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานได้อย่างลงตัว แต่ถ้าเปิดโหมด Bass Mode แล้ว ในความรู้สึกส่วนตัว เสียงเบสจะกระแทกกระทั้นจนล้นไปสักนิด ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบไปกลบดีเทลของย่านเสียงอื่นด้วยเช่นกัน ถ้าให้แนะนำก็คงต้องบอกว่าควรเลือกใช้ Balance Mode แล้วปรับอีควอไลเซอร์ช่วยจะทำให้เกิดความสมดุลที่ดีกว่า
เมื่อลองทดสอบย่านเสียงกลางด้วยเพลง Ready for the Times to get better เวอร์ชั่น Crystal Gayle (Hi-Res Audio) เสียงนักร้องให้ความหวานอิ่ม หัวโน๊ตคมชัด สามารถถ่ายทอดเนื้อเสียงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ถ้าเพลงไหนที่เน้นในส่วนของ Voice เราจะสัมผัสได้ถึงพลังเสียงของนักร้อง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีพลัง อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดได้อย่างชัดเจนครบถ้วน แม้กระทั้งเสียงดึงอากาศก่อนที่จะเปลี่ยนท่อนร้องของตัวนักร้องก็ยังให้ดีเทลที่แจ่มชัดมาก ๆ
ส่วนย่านเสียงสูง ทดสอบด้วยเพลง Sweet Talks in The Dream (Hi-Res Audio) ที่ขับร้องโดย Tong Li ในเพลงนี้จะมีทั้งเครื่องสาย และเสียงนักร้องที่มีปลายเสียงสูง พบว่าปลายเสียงนั้นมีความพริ้ว ใสกระจ่าง พร้อมควบคุมโทนได้ค่อนข้างดี ทำให้ไม่แหลมบาดระคายหู สามารถฟังนาน ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกล้าหูแต่อย่างใด
สรุปในภาพรวม ตัวคุณภาพไดร์เวอร์และ bass chamber ของ OPPO Enco M31 ให้คุณภาพเสียงที่กลมกล่อมมาก ๆ สามารถตอบโจทย์คอเพลงได้ทุกแนว โดยเฉพาะเสียงเบสถือว่าเด่นมาก ๆ และไม่ต้องเปรียบเทียบกับหูฟังในระดับเดียวกัน เพราะ OPPO Enco M31 สามารถกระทบไหล่หูฟังรุ่นที่มีราคาสูงกว่าบางรุ่นได้แบบสบาย ๆ เลยทีเดียว
ไม่ได้เด่นเฉพาะการฟังเพลงเพียงอย่างเดียว OPPO Enco M31 ยังตอบโจทย์ด้านการรับชมวีดีโอได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยการทดสอบครั้งนี้ เป็นการรับชม American Sniper บน Netflix ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล Best Sound Editing จาก Academy Award ว่าเป็นภาพยนต์ที่มีการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม ทำให้สามารถทดสอบคุณภาพหูฟังได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของการถ่ายทอดเอฟเฟกต์ การแยกทิศทางเสียง ความคมชัดของเสียงพูด และดนตรีประกอบในภาพยนตร์ ซึ่ง OPPO Enco M31 ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะด้วยจุดเด่นในด้าน Hardware ชั้นเยี่ยม จึงมีความโดดเด่นในเรื่องของเสียงกลางและพลังเบส เมื่อรวมกับตัวเทคโนโลยี Bluetooth® 5.0 จึงส่งผลให้การรับชมภาพยนตร์ผ่านทางหูฟัง OPPO Enco M31 นั้นเติมเต็มครบทุกอรรถรส และไม่พบอาการดีเลย์อีกด้วย (ทดสอบร่วมกับดีไวซ์ที่รองรับ Bluetooth® 5.0)
ส่วนการนำมาใช้งานร่วมกับการเล่นเกม ทดสอบร่วมกับเกม ROV, PUBG, Asphalt 9 แทบจะไม่พบอาการดีเลย์ให้เห็น (ทดสอบร่วมกับดีไวซ์ที่รองรับ Bluetooth® 5.0 ) ซึ่งเอาเข้าจริงการดีเลย์น่าจะเกิดจากตัวเซิฟเวอร์และความเร็วของเครือข่ายมากกว่า ส่วนการถ่ายทอดเสียง เอฟเฟกต์ต่าง ๆ นั้นให้ความสมจริง แยกมิติซ้ายขวาได้ค่อนข้างดี ในภาพรวมการถ่ายทอดเสียงต่าง ๆ ภายในเกมมีความคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาภายในเกม เสียงลม หรือเสียงจากการเดิน การยิงปืนเป็นต้น สรุป OPPO Enco M31 สามารถตอบโจทย์คอเกมได้เป็นอย่างดีครับ
ทดสอบการใช้งาน Bluetooth headset
OPPO Enco M31 มาพร้อมไมโครโฟนในตัว สามารถใช้แฮนด์ฟรีในแบบสเตอริโอ และมีจุดเด่นด้วยระบบตัดเสียงรบกวนด้วยระบบ AI ที่ทางค่าย OPPO พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยให้การสนทนามีความราบลื่นและคมชัดในทุกสถานการณ์ โดยตัวอัลกอริทึมลดเสียงรบกวนด้วย AI จะทำการแยกเสียงสนทนาของผู้ใช้งานให้มีความชัดเจนเพิ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมวิเคราะห์สภาพเสียงรอบข้างเพื่อทำการลดเสียงรบกวนให้ลดน้อยลง ส่งผลให้การสนทนามีความคมชัด ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริง ผมลองเปิดพัดลมแล้วเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ปลายสายก็ยังได้ยินสนทนาอย่างชัดเจนและแทบจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนจากพัดลมเลย ก็ถือว่าระบบตัดเสียงรบกวนของ OPPO Enco M31 ทำผลงานได้ดีมาก และสิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือไม่มีอาการดีเลย์ให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับเทคโนโลยี Bluetooth® 5.0 บนตัวหูฟัง OPPO Enco M31 นั่นเอง (ทดสอบร่วมกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ Bluetooth® 5.0)
สรุป OPPO Enco M31
ตามที่เกริ่นไปในตอนต้นของรีวิวว่า OPPO Enco M31 นั้นมาพร้อมคุณสมบัติทางด้าน Hardware ที่ดีเยี่ยม ทั้งไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 9.2 มม., ตัวไดอะแฟรมไทเทเนียมคอมโพสิต และมี bass chamber ขนาดใหญ่ ทั้งหมดทั้งปวงจึงส่งผลให้คุณภาพเสียงที่ถ่ายทอดผ่านหูฟัง OPPO Enco M31 มีความโดดเด่น จนทำผลงานได้ดีเกินราคาค่าตัวไปพอสมควร
ในด้านคาแรคเตอร์เสียงของหูฟัง OPPO Enco M31 ก็ตามนิยาม Pure Bass on the Go เลยครับ นี่คือหูฟังที่พร้อมตอบโจทย์การฟังเพลงแนวสนุก ๆ เบสตึ๊บ ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาอีควอไลเซอร์แต่อย่างใด และแน่นอนว่าไม่ได้มีดีเฉพาะเสียงเบสเพียงอย่างเดียว โดยในย่านเสียงสูงและเสียงกลางที่ถ่ายทอดผ่านไดอะแฟรมไทเทเนียมก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ก็ถือว่าจัดเต็มมาก ๆ ทั้งการรองรับ LDAC และ Hi-Res Audio Wireless, รองรับฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IPX5 มาพร้อมพอร์ตชาร์จ Type – C รองรับชาร์ตเร็ว และแบตสุดอึดถึง 12 ชั่วโมง เมื่อมองในภาพรวมต้องบอกว่าเหนือกว่ารุ่นพี่ Enco Q1 แถมยังกระทบไหล่หูฟังรุ่นที่มีราคาสูงกว่าบางรุ่นได้อีกด้วย เอาเป็นว่าถ้าชอบหูฟังแนวเบสหนัก ๆ ฟีเจอร์ครบ ๆ OPPO Enco M31 ตอบโจทย์ตรงใจอย่างแน่นอนครับ
OPPO Enco M31 วางจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางออนไลน์ ในราคา 1,699 บาท ( Lazada, Shopee, JD Central, Thisshop และ https://onlineoppo.com/ )
โดยสีเขียวและสีชมพู จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็