ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหน้าคู่ พร้อม Depth Camera
รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 ปรับแต่งที่สีผิวอัตโนมัติอย่างเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะแสงสลัวหรือแสงจ้า และเก็บได้ทุกสีสัน ด้วยอัลกอริทึมอันชาญฉลาดที่สามารถจดจำและเพิ่มเฉดสีเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับริมฝีปากของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งความสวยในสไตล์ที่เป็นคุณ เพิ่มเอฟเฟกต์ให้กับภาพเซลฟี่ รวมถึงปรับหน้าเรียว ดวงตากลมโต พร้อมสีผิวที่สว่างและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 3264 x 4624 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
ทดสอบภาพจากกล้องหน้า OPPO A93
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 15 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปคน (Portrait) และเปิดโบเก้ 60% ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเปิดโบเก้ 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100% และเปิดโบเก้ 60%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปคน ตั้งค่าเปิดโบเก้ 60% พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดสติ๊กเกอร์
ภาพถ่ายด้วยโหมดสติีกเกอร์ที่ให้เลือกมากมาย
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด AI Color Portrait
อวดภาพ Portrait ที่สวยงามและสร้างสรรค์ด้วย AI Color Portrait ที่ให้ภาพ Portrait มีสีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ทำให้สีพื้นหลังจางลงเหมือนกรอบรูป ด้วยการแสดงสีที่ระบุไว้ให้ตัดกันได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด AI Super Night Portrait
โหมด AI Super Night Portrait ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน
กล้องหลัง 4 เลนส์ ชัดสูงสุด 48MP
OPPO A93 มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
– กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ 1/2″ และระบบ PDAF
– กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/4″ รูรับแสง f/2.2
– กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/5″ รูรับแสง f/2.4
– กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/5″ รูรับแสง f/2.4
สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait พร้อมเอฟเฟค Bokeh, โหมดวิดีโอ, โหมดกลางคืน, โหมด Slo-motion, โหมด Panorama, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมดระบบสแกนข้อความ และโหมดสติ๊กเกอร์
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4000 x 3000 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K
และด้านบนมีแถบเมนูเปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, เปิดปิดโหมด HDR, เปิดปิดโหมด Dazzle Color Mode มีการติดตั้งอัลกออริทึมในระดับพิกเซลซึ่งสามารถสร้างสีสันในภาพให้สดใสและเป็นธรรมชาติมากขึ้น, เลือกฟิลเตอร์ และตั้งค่าการใช้งานกล้องต่างๆ
ทดสอบภาพจากกล้องหลัง OPPO A93
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 15 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปคน (Portrait) และเปิดโบเก้ 60% ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเปิดโบเก้ 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100% และเปิดโบเก้ 60%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปคน ตั้งค่าเปิดโบเก้ 60% พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 7 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดสติ๊กเกอร์
ภาพถ่ายด้วยโหมดสติีกเกอร์ที่ให้เลือกมากมาย
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด AI Color Portrait
โหมดถ่ายรูปบุคคลให้มีสีสันเด่น เปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีขาวดำ ซึ่งเป็นอีกลูกเล่นที่ช่วยดึงสีของภาพถ่ายบุคคลให้โดดเด่น ปรับฉากหลังให้เป็นสีดำ ฟีเจอร์นี้จะอยู่ในโหมดถ่ายรูปบุคคล เข้าไปเลือกฟิลเตอร์ Portrait Color Retention (การคงสภาพสีของรูปถ่ายบุคคล)
AI Night Flare Portrait
AI Night Flare Portrait เป็นโหมดเด่นของกล้อง OPPO A93 ที่ผสมผสานเอฟเฟกต์โบเก้และอัลกอริธึมของ HDR สำหรับแสงน้อย เพื่อเพิ่มความสว่างให้กับภาพถ่ายในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสลัว พร้อมเพิ่มเอฟเฟกต์พื้นหลังโบเก้ในตัว ทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และเพิ่มโทนสีผิวให้ดูดีอีด้วย
โหมด Ultra Wide
OPPO A93 มาพร้อมเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายภาพมุมกว้าง เก็บรายละเอียดรอบข้างได้มากขึ้น
Dazzle Color Mode
Dazzle Color Mode โหมดสีที่ใช้ AI รองรับเทคโนโลยีการจดจาฉากหลังขั้นสูง สร้างสีใหม่ที่สดใสในระดับพิกเซล
Night Mode
โหมดกลางคืน Night Mode ใน OPPO A93 ทำให้การถ่ายภาพยามค่ำคืนมีความคมชัด และสวยงาม
ทดสอบภาพจากกล้องหลัง OPPO A93
ประสิทธิภาพ
OPPO A93 ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Helio P95, หน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR GM9446, RAM 8GB แบบ LPDDR4x และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 128GB แบบ UFS 2.1 เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 512GB ซึ่งช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานสมาร์ตโฟนได้อย่างลื่นไหลได้ทุกวันโดยไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่เก็บข้อมูลจะเต็ม
นอกจากนี้ยังมี Anti-Lag อัลกอริทึม ที่จะตรวจจับและล้างข้อมูลที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในหน่วยความจำ ทำให้ลดโอกาสการค้างและสะดุดในระหว่างใช้งาน นอกจากนี้ยังทำให้การอ่านและเขียนข้อมูลในระบบไฟล์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า ใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV และ PUBG Mobile ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ โดยเกม ROV ตั้งค่าเลือกเฟรมเรทสูงสุด (ROV) ผลปรากฎว่าเล่นได้อย่างลื่นไหล เฟรมเรทนิ่งๆ ที่ 60-62fps
ขณะที่เกม PUBG Mobile ตั้งค่าปรับความคมชัดระดับ HD และเลือกเฟรมเรทสูง ผลปรากฎว่าสามารถเล่นได้ลื่น ไม่มีสะดุด
และด้วยเทคโนโลยี HyperEngine ในชิปเซ็ต MediaTek Helio P95 ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ และประสบการณ์การเล่นเกมที่รวดเร็วและลื่นไหลกว่าที่เคย จะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่มีสะดุด พร้อมเต็มอิ่มกับสีภาพที่สดใสยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop Up ต่างๆ ขณะที่กำลังเล่นเกม และล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้
โดยใน Game Space ยังมี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO A93 ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO A93 ผ่านแอป GeekBench
แบตเตอรี่
OPPO A93 ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W (9V2A) ทำให้ใช้งานได้ยาวนานและชาร์จไวกว่าที่เคย โดยชาร์จ 5 นาที สนทนาได้นาน 2 ชั่วโมง เล่น Instragram หรือดู YouTube ได้นานต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง
รวมทั้งมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน พร้อมระบบการป้องกันการใช้พลังงานอัจฉริยะ และ AI Night Charging เพิ่มประสิทธิภาพพร้อมยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เท่าที่ลองทดสอบใช้งานทั่วไป เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้เกือบ 1 วันเต็มๆ
บทสรุป
OPPO A93 ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในตระกูล A Series ที่มาพร้อมสโลแกน “สนุกทุกโมเมนต์” โดดเด่นทั้งดีไซน์และฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ มากมาย ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่บางเบาพิเศษ โดยบางเพียง 7.48 มม. และเบาเพียง 164 กรัม เมื่อได้ลองถือจับใช้งานดูบอกได้เลยว่าจับได้ถนัดมือมากๆ ใครที่ชอบเล่นเกมเป็นเวลานานๆ ไม่เมื่อยมือแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีดีไซน์ขอบตัวเครื่องแบบเทคนิคไฮกลอสและฝาหลังแบบ Shiny Matte ที่เล่นกับการหักเหของแสงทำให้เกิดการสะท้อนของสีที่สวยงาม โดยเฉพาะสี Metallic White ที่มีประกายสีชมพูอ่อนๆ เมื่อมองในมุมที่แตกต่างกัน และหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ที่ให้ประสบการณ์การรับชมที่สมจริงยิ่งขึ้นและสว่างชัดเจนแม้อยู่ในที่กลางแจ้ง
ส่วนการถ่ายภาพมาพร้อม 6 กล้อง AI Portrait ประกอบด้วย 4 กล้องหลัง ความละเอียด 48MP พร้อมเลนส์มุมกว้างพิเศษ และกล้องหน้าคู่ที่เล็กลงกว่าเดิมด้วย Mini Dual Punch-Holes ความละเอียด 16MP+2MP รวมถึงมาพร้อมเทคโนโลยี AI Portrait ถึง 6 โหมด ให้คุณสนุกในทุกโมเมนต์การถ่ายภาพ ให้ภาพพอร์ตเทรตที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ปิดท้ายด้วยประสิทธิภาพ OPPO A93 ใช้ขุมพลังชิปเซ็ท Helio P95 บวกกับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB ไม่ว่าจะใช้งาน หรือเล่นเกมก็ใช้ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด และใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับการชาร์จเร็ว 18W พร้อม AI Night Charging ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
ทั้งนี้ OPPO A93 มี 2 สีให้เลือก คือ สีขาว Metallic White และ สีดำ Matte Black ราคา 8,999 บาท สำหรับผู้พรีออเดอร์รับฟรี! ของสมนาคุณ OPPO Pillow Blanket และ E-VIP Card มูลค่ารวม 3,899 บาท เมื่อพรีออเดอร์ ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2563
หรือ สามารถพรีออเดอร์ได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,489 บาท เมื่อพรีออเดอร์พร้อมแพ็คเกจที่กำหนดกับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2563