เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา โดย OnePlus 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่กระแสกำลังร้อนแรงและได้รับการกล่างถึงอย่างล้นหลามอยู่ ณ ขณะนี้ ส่วนหนึ่งคงต้องบอกเลยว่า OnePlus 7 Pro นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับความโดดเด่นรอบด้านจริง ๆ ทั้งสเปคจัดเต็ม ฟีเจอร์อัดแน่น และนวัตกรรมอันล้ำสมัย ด้วยชิปเซ็ตรุ่นล่าสุด และหน้าจอแสดงผลที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนและเทคโนโลยีชาร์จเร็วอันเหนือชั้น เรียกว่าครบเครื่องเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ สมกับความเป็น “ซูเปอร์ แฟลกชิป” อย่างแท้จริง
สเปคเบื้องต้น OnePlus 7 Pro
ขนาด | 162.6 x 75.9 x 8.8 มม. |
น้ำหนัก | 206 กรัม |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (1440 x 3120 pixels) อัตราส่วนการแสดงผล 19.5:9 กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass รองรับ DCI-P3, HDR10+, Refresh rate 90Hz |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm SDM855 Snapdragon 855 (7 nm) ประมวลผล Octa-core (1×2.84 GHz Kryo 485 & 3×2.42 GHz Kryo 485 & 4×1.80 GHz Kryo 485) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 640 |
RAM | 6/8/12GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128/256GB UFS 3.0 |
หน่วยความจำเสริม | ไม่รองรับ |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง: AI Triple Camera 3 เลนส์ 16 เมกะพิกเซล รูรับแสง f/2.2, Super Wide-Angle Camera เลนส์มุมกว้างพิเศษ 48 เมกะพิกเซล รูรับแสง f/1.6, 1/2″, 0.8µm, Laser/PDAF, OIS Main Camera 8 เมกะพิกเซล รูรับแสง f/2.4, (telephoto), 3x zoom, Laser/PDAF, OIS Dual-LED dual-tone flash——————————————————-กล้องหน้าป็อบอัพ สไลด์ :16 เมกะพิกเซล, รูรับแสง f/2.0 |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย (OxygenOS 9) |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 2×2 MIMO, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, 2.4G/5G บลูทูธ 5.0 support aptX & aptX HD & LDAC & AAC NFC enabled GPS GPS (L1+L5 Dual Band), GLONASS, Galileo (E1+E5a Dual Band), Beidou, SBAS, A-GPS |
รองรับระบบ | รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด (Nano-SIM)
4×4 MIMO, LTE Cat. 18, DL 5CA, UL CA, Supports up to DL Cat18 /UL Cat13 (1.2Gbps /150Mbps), depending on carrier support Bands FDD LTE: B1,2,3,4,5,7,8,12,13,17,18,19,20,25,26,28,29,32,66 |
แบตเตอรี่ | 4000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30 Fast Charging (5V/6A) |
สี/ราคาวางจำหน่าย | สีที่วางจำหน่ายในไทย Mirror Grey, Nebula Blue
ราคาเปิดตัว 6GB / 128GB ราคา 24,990 บาท (Mirror Grey) 8GB / 256GB ราคา 26,990 บาท (Mirror Grey) 12GB / 256GB ราคา 29,990 บาท (Nebula Blue) |
PACKAGING & ACCESSORIES
กล่องมาในโทนสีขาว ตัดด้วยสายรัดกล่อง OnePlus Community สีแดงดูโดดเด่นสะดุดตา ด้านหน้ามีเพียงโลโก้ OnePlus พร้อมกำกับชื่อรุ่น 7 Pro ขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังจะพิมพ์บอกในส่วนของสีและขนาดความจุของ ROM/RAM
แง้มกล่องออกมาดูกันว่ามีอะไรให้มาบ้าง
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
- Invitation Letter (เทียบเชิญในการเข้าร่วม OnePlus Community)
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- เคสซิลิโคนแบบใส
5. สายดาต้าลิงค์ ชนิด Type C + อแดปเตอร์ชาร์จ OUTPUT 5V 2A / 5V 6A รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30
สำหรับฟิลม์กันรอยมีการติดตั้งมาให้เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน
DESIGN & HARDWARE
OnePlus 7 Pro เลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยมด้วยกระจกโค้งแบบ 3D ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมผสานด้วยขอบเฟรมอะลูมิเนียมที่เด่นในเรื่องความแข็งแกร่งทนทานแต่มีน้ำหนักที่เบา และการที่เปลี่ยนมาใช้กล้องหน้าแบบ Pop-Up ส่งผลให้มีการใช้งานพื้นที่ของหน้าจอแสดงผลได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่าขอบจอของ OnePlus 7 Pro นั้นบางเฉียบ แทบจะไร้ขอบเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังสามารถจัดวางลำโพงสนทนาไว้ที่ขอบจอได้อย่างลงตัว
สำหรับดีไซน์ในภาพรวมของ OnePlus 7 Pro นั้นมีความเรียบหรูพร้อมแฝงไว้ด้วยความพรีเมี่ยม ตัวเครื่องมีความเพรียวบาง ด้วยความโค้งมนจากกระจกโค้งแบบไร้รอยต่อ จึงทำให้ตัวบอดี้นั้นสอดรับเข้ากับสรีระของฝ่ามือได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้การจับถือมีความกระชับ ถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดมือได้โดยง่าย แม้จะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.67 นิ้วก็ตาม
หน้าจอแสดงผลถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เป็นจุดขายหลัก โดย OnePlus 7 Pro สามารถสร้างเซอร์ไพรส์อีกครั้งด้วยการได้รับคะแนนรีวิวหน้าจอแสดงผลระดับ A+ จาก DisplayMate ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทดสอบจอภาพแสดงผลชั้นนำของโลก ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องการวิจัยเชิงลึก ผลวิเคราะห์ และทดสอบวัดค่าการแสดงผลหน้าจอบนสมาร์ทโฟนที่มีผลงานประจักษ์มาอย่างยาวนาน
หน้าจอแสดงผล OLED บน OnePlus 7 Pro ได้คะแนนรีวิวเชิงบวกอย่างท้วมท้นในทุก ๆ ผลการทดสอบจาก DisplayMate ซึ่งการที่ได้รับคะแนนสูงในระดับ A+ ต้องบอกเลยว่าเป็นคะแนนที่สูงมากบนสมาร์ทโฟนในระดับแฟลกชิปของปีนี้ อีกทั้งยังส่งผลให้ OnePlus 7 Pro ก้าวขึ้นมาเป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอแสดงผลที่ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้อีกด้วย
สำหรับจอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro เป็นจอโค้งจรดขอบแบบ 3D (edge to edge) เลือกใช้พาแนล Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (1440 x 3120 pixels) ที่ให้ความคมชัด สว่างสดใสมีมุมมองที่กว้างและสีสันสมจริง มาพร้อมอัตราส่วนการแสดงผล 19.5:9 ผสานด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass และมี Contrast ที่สูงถึง 100,000:1 นอกจากนี้ยังรองรับการ color gamut (ขอบเขตของสี) DCI-P3, HDR10+ และมีอัตรา Refresh rate สูงถึง 90Hz จึงมั่นใจได้ว่าหน้าจอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro นั้นพร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ รวมถึงยังรองรับเทรนด์ยอดนิยมด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือภายใต้จอแสดงผล (In-display Fingerprint) อีกด้วย
สำหรับลำโพงสนทนาจัดวางในเลย์เอาท์ขอบขอบจอได้อย่างลงตัว อีกทั้งลำโพงตัวนี้ยังทำหน้าที่เป็นลำโพงสเตอริโอของตัวเครื่องอีกด้วย
กล้องหลัง: AI Triple Camera 3 เลนส์ จัดเต็มทั้งฟีเจอร์และคุณสมบัติทางด้าน Hardware ชั้นเลิศ โดยความโดดเด่นของกล้องหลัง 3 เลนส์รุ่นแรกของค่าย OnePlus มีรายละเอียดดังนี้
กล้องตัวแรกเป็นเลนส์มุมมองกว้าง 117 องศา (Ultra Wide Angle) ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2
ถัดลงมาจะเป็น Main Camera เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.6 Lens Quantity แบบ 7 ชิ้นเลนส์ รองรับระบบกันสั่นคู่ OIS + EIS
สุดท้ายเป็นเลนส์ทางยาว หรือเทเลโฟโต้ ที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.4 Optical Zoom 3x รองรับระบบกันสั่น OIS สำหรับแฟลชจะเป็นแบบ Dual LED Flash
ด้านบนเป็นที่อยู่ของ ไมค์ตัดเสียงรบกวน และกล้องหน้าแบบ Pop-Up สไลด์ด้วยกลไกมอเตอร์ โดยตัวกล้องจัดวางเลย์เอาท์ค่อนมาทางซ้ายของตัวเครื่อง
กล้องหน้าใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 รองรับระบบกันสั่น EIS
สำหรับระบบกลไกมอเตอร์ของกล้องหน้า ผ่านการวิจัยและทดสอบในเรื่องความแข็งแรงทนทานมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทาง OnePlus เคลมด้านความทนทานในการใช้งานกว่า 300,000 ครั้ง ดังนั้นผู้ใช้งานจึงมั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานกล้องหน้า Pop-Up ได้อย่างยาวนานต่อเนื่อง ไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องความแข็งแรงทนทานของกลไกมอเตอร์กล้องหน้าแต่อย่างใด
และนอกจากนี้ ตัวกล้องหน้ายังมาพร้อมฟีเจอร์ในการปกป้องอุบัติเหตุจากการใช้งานอีกด้วย โดยเมื่อตัวเครื่องตกจากที่สูง กล้องหน้าจะสไลด์ปิดตัวเองลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยปกป้องและสร้างความอุ่นใจในการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมในทุกสถานการณ์
ด้านล่างประกอบไปด้วยช่องถาดซิมการ์ด เส้นสัญญาณเสาอากาศ พอร์ต Type-C ไมค์สนทนาและลำโพงสเตอริโอของตัวเครื่อง
OnePlus 7 Pro รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Nano Sim) แต่ไม่รองรับรับหน่วยความจำภายนอก
ด้านขวามือของตัวเครื่อง มีปุ่ม Alert Slider หรือปุ่มที่ใช้ในการปรับโหมดเสียง โดยรองรับทั้งโหมดปรกติ (สั่นและเสียง, โหมดเงียบ(สั่นอย่างเดียว), โหมดห้ามรบกวน ถัดลงมาจะเป็นปุ่มพาวเวอร์ ที่นอกจากใช้ในการเปิด/ปิดเครื่อง ยังมาพร้อมฟีเจอร์ในการจับภาพหน้าจอ หรือเปิดใช้งาน google assistant ได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับเส้นสัญญาณเสาอากาศจะคาดอยู่ที่มุมบน/ล่างของตัวเครื่อง
ด้านซ้ายมือเป็นที่อยู่ของปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง สำหรับเส้นสัญญาณเสาอากาศจะแตกต่างจากฝั่งขวามือเล็กน้อย โดยมีเส้นสัญญาณเสาอากาศอยู่ด้วยกัน 3 เส้น
ไฮไลท์ฟีเจอร์เด่นบน OnePlus 7 Pro
Display A+
OnePlus 7 Pro รองรับมาตรฐานการแสดงผลแบบ HDR 10+ ที่จะช่วยเติมเต็มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ความคมชัด ความสว่างสดใส รวมถึงความแม่นยำสมจริงของสีสัน ไม่ว่าจะเป็นการสตีมมิ่งคอนเทนต์ออนไลน์ความละเอียดสูง หรือการรับชมรายการทีวี, ภาพยนตร์, สารคดี และคอนเทนต์อื่น ๆ อีกมากมายที่พร้อมรองรับ HDR 10+ ในอนาคตอันใกล้นี้
ด้วยอัตรา refresh rate ที่สูงถึง 90 Hz ของ OnePlus 7 Pro จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการตอบสนองในการสั่งการได้อย่างรวดเร็วฉับไว รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงผลหรือกราฟิกให้มีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ทำให้ขณะเล่นเกมไม่มีอาการสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจ และรวมไปถึงการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บนสมาร์ทโฟน ที่จะมอบความไหลลื่นและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วฉับไวมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับอัตรา refresh rate ได้ 2 รูปแบบ คือที่ 90 Hz และ 60 Hz รวมถึงความละเอียดของหน้าจอแสดงผล ซึ่งการปรับค่าตรงนี้จะส่งผลในเรื่องการประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากจะเป็นจอที่ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ จอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro ยังมาพร้อมความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้งาน จากการใช้งานในระยะยาวนานต่อเนื่อง โดยหน้าจอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro ได้รับการรับรองว่าเป็นหน้าจอที่มีความปลอดภัยสำหรับดวงตา จากสถาบัน VDE Testing and Certification Institute ตรงนี้การันตีได้ว่าจอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro นั้น ทั้งยอดเยี่ยมและมีความปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว
ซึ่ง OnePlus 7 Pro มาพร้อมความสามารถในการกรองแสงสีฟ้า ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา โดยคุณสมบัติดังกล่าวนอกจากป้องกันแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาแล้วนั้น ยังได้รับการอัพเกรดให้สามารถปรับอุณหภูมิ และความสว่างได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มความสบายตาจากการจ้องมองหน้าจอบนสมาร์ทโฟนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
สรุป จอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro นั้นยอดเยี่ยม สมกับความเป็นเบอร์หนึ่งที่ได้รับการการันตีจาก DisplayMate และยังมาพร้อมความปลอดภัยและฟีเจอร์จัดเต็มทั้ง refresh rate 90 Hz, HDR10 + ที่ช่วยเติมเต็มในด้านความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการรับชมวีดีโอ, การสตรีมคอนเทนต์อออนไลน์ความละเอียดสูง, รวมถึงการเล่นเกมที่จะมอบประสบการณ์อันเหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้นสำหรับคอเกมตัวจริง และนักกีฬา eSports
Security system
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า Face unlock บน OnePlus 7 Pro สามารถปลดล็อคได้รวดเร็วแม่นยำ โดยใช้เวลาเพียง 0.65 วินาที และยังทำงานได้ดีแม้ในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้โดยไม่มีปัญหา
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในจอแสดงผลของ OnePlus 7 Pro ได้รับการอัพเกรดขึ้นจาก OnePlus 6T โดยมีขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น และสามารถปลดล็อคได้ไวถึง 0.21 วินาที ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม 38% เรียกว่าแตะนิ้วปุ๊บ ปลดล็อคปั๊บทันที โดยไม่มีอาการแลคให้เห็น
สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้งานสแกนลายนิ้วมือภายใต้จอแสดงผล (In-display Fingerprint) มาก่อน ขออธิบายหลักการทำงาานแบบคร่าว ๆ ดังนี้
การทำงานของ In-Display Fingerprint Scanning จะไม่แตกต่างไปจากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติทั่ว ๆ ไป โดยตัวเซ็นเซอร์จะแสดงผลเป็นรูปไอคอนรอยนิ้วมืออยู่ที่ด้านล่างของจอแสดงผล (จะดับไปเองเมื่อเข้าสู่โหมดสแตนบาย) การปลดล็อคเพียงแค่แตะลงไปเบา ๆ ไม่ต้องออกแรงกดลงน้ำหนักมากกว่าปรกติแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมี Effect ในขณะปลดล็อคหน้าจอที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ 4 รูปแบบ ซึ่งช่วยเสริมให้ขณะใช้งานดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ในแง่ของความเร็วถือว่ามีความใกล้เคียงกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติ ส่วนเรื่องของความแม่นยำนั้นต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมาก ๆ เช่นกันครับ
การเซ็ตอัพหรือการเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปในระบบ จะใช้วิธีเดียวกับการเพิ่มลายนิ้วมือบนเซ็นเซอร์ที่มีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป ผู้ใช้งานไม่ต้องปรับตัวหรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษ อธิบายแบบง่าย ๆ เคยใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปรกติมาอย่างไร เมื่อมาใช้งาน OnePlus 7 Pro ก็ใช้งานเหมือนเดิมนั่นเอง
Gaming Mode & Fnatic
Gaming Mode
โหมดเกม นอกจากการปรับแต่งทางด้านสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในด้านการแจ้งเตือนอีกด้วย เช่นการปฏิเสธสาย/การรับสายผ่านลำโพง /การบล็อคการแจ้งเตือน เพื่อให้การเล่นเกมบน OnePlus 7 Pro มีความราบลื่นต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการสะดุดติดขัดมารบกวนใจในขณะเล่นเกม ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถตอบโจทย์คอเกมหรือผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมอย่างจริงจังได้เป็นอย่างดี
ส่วนในเรื่องความร้อนก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะ OnePlus 7 Pro มาพร้อมระบบ 10-layer liquid cooling เป็นการระบายความร้อนด้วยของเหลวงที่ได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้
โหมด Fnatic
เป็นโหมดเสริมที่ต่อยอดจาก Gaming Mode อีกที โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง OnePlus และทีม Fnatic esports เพื่อรีดศักยภาพในการเล่นเกมบน OnePlus 7 Pro ในแบบขั้นสุด โดยจะทำการบล็อคการแจ้งเตือนทั้งหมด พร้อมจำกัดการทำงานของแอพพื้นหลังและตัดการเชื่อมต่อซิมการ์ดที่สอง (ในกรณีที่มีการติดตั้งไว้) รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในส่วนของ CPU, GPU และการจัดการ RAM เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดบน OnePlus 7 Pro โดยไม่มีสิ่งใดมากีดขวางหรือรบกวนในขณะเล่นเกม
Battery life and Warp Charge 30
ในด้านการจัดสรรพลังงานบน OnePlus 7 Pro ก็ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้ด้านอื่น ๆ เช่นกัน โดยจุดเด่นแรกคือมีแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4000 mAh พร้อมขับเคลื่อนด้วย Software อันชาญฉลาด ส่งผลให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานต่อเนื่องตลอดวัน (ในการใช้งานทั่ว ๆ ไป)
ในส่วนของระบบชาร์จไว Warp Charge 30 นั้นชาร์จได้เร็วขึ้นจาก OnePlus 6T ถึง 34% โดยใช้ระยะเวลาในการชาร์จจาก 0% ถึง 60% ในเวลาเพียง 30 นาที แถมยังเหนือกว่าคู่แข่งตรงที่มีระบบรักษาความปลอดภัยและระบบระบายความร้อนอันยอดเยี่ยม ทำให้สามารถชาร์จแบตในขณะที่เล่
SOFTWARE & FEATURE
OnePlus 7 Pro เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย OxygenOS 9.5 เวอร์ชั่นล่าสุด โดยตัว User Interface มาในสไตล์ Pure Android พร้อมเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสะดวกคล่องตัว
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งในส่วนของเลย์เอาท์หน้าจอหลัก ทั้งรูปแบบคอลัมน์ รูปแบบ/ขนาดไอค่อน และหน้า Apps Drawer ได้ตรงกับสไตล์การใช้งานส่วนบุคคล
หน้าจอแสดงผลโดดเด่นด้วยคุณสมบัติทางด้าน Hardware ส่วนในฝั่งของ Software ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลได้อย่างยืดหยุ่น ทั้ง Calibration ที่เลือกรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูป ได้แก่ สดใส/ธรรมชาติ และขั้นสูงที่มีโหมดการปรับตั้งค่าสีได้อย่างละเอียด ประกอบไปด้วย AMOLED Wide Gamut, sRGB, Display P3 และเลือกโทนหรืออุณหภูมิของสีได้ตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ยังสามารถปรับอัตราการ refresh rate และความละเอียดหน้าจอแสดงผล เพื่อช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับ OnePlus 7 Pro มีโหมดถนอมสายตามาให้ใช้งาน ทั้ง Reading mode และ Night mode, ที่จะช่วยกรองแสงฟ้าพร้อมปกป้องถนอมสายตาของผู้ใช้งาน
สำหรับ Video enhancer หรือตัวเสริมวีดีโอจะเป็นโหมดที่ช่วยให้การแสดงสีสันของวีดีโอมีความสว่างสดใสและมีสีสันที่ดูสวยสมจริงยิ่งขึ้น
สุดท้าย Ambient display จะเป็นการแสดงผลในหน้าจอสแตนบาย ซึ่งสามารถแสดงได้ทั้งนาฬิกา ปฏิทิน ระดับแบตเตอรี่และสถานะการแจ้งเตือนของ New notification เช่น ข้อความ SMS, Line, Facebook เป็นต้น
ไม่ได้มีดีแค่จอ แต่ระบบเสียงก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด่น ด้วยระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมแอมป์ในตัวที่ช่วยขับเคลื่อนให้ลำโพงสเตอริโอของ OnePlus 7 Pro สามารถส่งมอบประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ได้เต็มอรรถรส
นอกจากนี้ยังเพิ่มการสั่นสะเทือนแบบ Haptic ที่ทรงพลัง และมีความหลากหลาย ทำให้ OnePlus 7 Pro รองรับการตอบสนองการสั่นสะเทือนหลากหลายระดับ พร้อมปกป้องการดีเลย์เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สมจริงยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับปุ่มนำทาง Navigation สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ แต่สามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เป็นการแสดงผลแบบเต็มหน้าจออย่างแท้จริงนั่นเอง
ในโหมด Quick gestures หรือโหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของหลาย ๆ แบรนด์ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียง, วาดบนหน้าเจอเพื่อเปิดแอปฯ / ควบคุมการคอนโทรล Music Player, การจับภาพหน้าจอด้วย 3 นิ้ว, การรับสายอัตโนมัติเมื่อนำโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเป็นต้น
ฟีเจอร์ Boot RAM จะช่วยในการจัดสรรหน่วยความจำให้ทำงานได้เต็มอย่างประสิทธิภาพ เช่นบางแอปฯ หรือเกมมีความต้องการใช้งานหน่วยความจำเยอะเป็นพิเศษ ฟีเจอร์นี้ก็จะเป็นตัวกลางในจัดการแบ่งสันปันส่วนหน่วยความจำไปยังแอปนั้น ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานหรือเล่นเกมมีความเสถียรและสมูทลื่นไหลเพิ่มมากยิ่งขึ้น
และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคาท์ในเครื่องเดียว
Zen Mode
Zen Mode เป็นโหมดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจาก OnePlus ไปยังลูกค้าหรือผู้ใช้งานอย่างแท้จริง หากจะบอกว่านี่เป็นโหมดที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมก้มหน้าก็คงไม่เกินเลยไป โดย Zen Mode จะทำให้เราเชื่อมต่อกันคนรอบข้างโดยการวางโทรศัพท์ และหยุกพักใช้งานเป็นเวลา 20 นาที โดยในช่วง 20 นาทีนี้ การแจ้งเตือนต่าง ๆ จะถูกปิดเสียงชั่วคราว แต่ยังสามมารถรับสายและโทรฉุกเฉินได้ตามปรกติ ส่วนแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ก็จะถูกบล็อคยกเว้นแอปกล้องเท่านั้นที่ยังสามารถใช้งานได้
Zen Mode คือพักการใช้งานโทรศัพท์แล้วใส่ใจกับกิจกรรมร่วมของคนรอบตัวให้มากขึ้น ต้องบอกเลยว่าเป็นโหมดที่น่าประทับใจมาก ๆ ครับ
BENCHMARKS & PERFORMANCE
OnePlus 7 Pro เปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 855 ซึ่งมีประสิทธิภาพทีดีขึ้นกว่าเดิมถึง 30% รวมถึง GPU และการจัดสรรพลังก็ทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน ส่วนเรื่องความแรงนั้นหายห่วง ด้วยสเปคจัดเต็มระดับเรือธง สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปหรือเล่มเกมที่ต้องการประมวลผลหนัก ๆ ก็ตาม
และอีกสิ่งหนึ่งที่ OnePlus 7 Pro นั้นเหนือกว่าสมาร์ทโฟนแฟลกชิปในระดับเดียวกันก็คือการที่มาพร้อมกับ ROM หรือหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 เป็นรุ่นแรกของโลก ซึ่งช่วยในเรื่องการเขียน/อ่านข้อมูลได้เร็วขึ้น ทำให้การเปิดแอปฯ, เล่นเกม หรือบันทึกภาพจากกล้องจะมีความเร็วที่เหนือกว่า UFS 2.0 ถึง 2 เท่า และเมื่อผสานกับ RAM 12GB ก็จะยิ่งช่วยในเรื่องความเร็วในภาพรวมขึ้นไปอีกระดับ เชื่อว่าผู้ที่ได้สัมผัสกับ OnePlus 7 Pro จะทึ่งในเรื่องของประสิทธิภาพความเร็วแรงบน OnePlus 7 Pro กันอย่างแน่นอน
สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ให้มาครบถ้วนตามที่สมาร์ทโฟนระแฟลกชิปควรจะมี ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ด้วย GPS แบบแบนด์คู่ L1+L5 ทำให้รับสัญญาณในมุมอับได้ดีขึ้น รวมถึงความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
MULTIMEDIA & ENTERTAIN
Music Player และ Video Player จะเป็นเบสิคแอป (Google Music) ที่ติดมากับเครื่อง ทำให้ภาพรวมจึงไม่มีฟีเจอร์หรือลูกเล่นอะไรมากนัก แต่ทั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะสามารถดาวน์โหลด Third party apps ที่มีอยู่มากมายบนบนสโตร์มาใช้งานทดแทนได้
ในการใช้งานจริง OnePlus 7 Pro จะเด่นในเรื่องคุณภาพจาก Hardware อันยอดเยี่ยม ทั้งจอที่ใหญ่เต็มตา ให้คุณภาพระดับ A+ พร้อมระบบเสียงจากลำโพงคู่สเตอริโอ และยังมาพร้อมฟีเจอร์ Dolby Atmos รวมถึงกำลังขับจากแอมป์ในตัว จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์ไม่ว่าจะผ่านลำโพงหรือผ่านหูฟังแบบมีสายและไร้สายนั้นเต็มอิ่มครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน
มาลองทดสอบเกมฮิต ๆ ในช่วงนี้กันดูบ้าง
ROV เกมแนว MOBA สุดฮิต สามารถลากเฟรมเรทสูง ๆ แบบยาว ๆ ไม่ว่าจะช่วงเดินเล่นชิล ๆ หรือยกพวกตะลุมบอนหมู่ก็ไม่มีอาการแลค อาการกระตุกให้เห็น ส่วน Asphalt 9 นั้นลื่นหัวแตกกันเลยทีเดียว
สำหรับ PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง หากต้องการเล่นบนความละเอียดคมชัดระดับ HD พร้อมความลื่นไหล ซึ่งไม่มีปัญหากับ OnePlus 7 Pro แต่อย่างใด เพราะสเปคนั้นจัดเต็มอยู่แล้ว เมื่อบวกกับจอคุณภาพสูงที่มี Refresh rate 90Hz และ Fnatic โหมดการเล่นเกมที่โดดเด่น ส่งผลให้ OnePlus 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองในการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปรวมถึงนักกีฬา eSports ด้วยเช่นกัน
CAMERA & SAMPLE
กล้องหน้าป็อบอัพ สไลด์ ใช้เซ็นเซอร์จากค่าย Sony ในรุ่น IMX471 มาพร้อมระบบลดการสั่นไหว EIS ให้ความละเอียดมาที 16 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 สำหรับการเข้าสู่กล้องสามารถทำได้ 2 วิธี เมื่ออยู่ในโหมดกล้อง แตะที่ปุ่มลูกศรหมุนที่ข้างปุ่มชัตเตอร์ และวิธีเคาะ 2 ครั้งบนหน้าจอ
สำหรับกล้องหน้าในโหมด PHOTO และ PORTRAIT จะสามารถเปิดใช้งานโหมดบิวตี้ได้ 3 ระดับ
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto โดยไม่ปรับแต่งใด ๆ ภาพที่ได้ให้ความคมชัดที่น่าประทับ และมีไวท์บาลานซ์แม่นยำ รวมถึงสกินโทนก็ดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตาแต่อย่างใด
ลองเปิดใช้งาน “บิวตี้ โหมด” โดยไล่ระดับจาก 1 – 3 (เรียงจากซ้ายไปขวา) ภาพที่ได้ดูสวยงามขึ้นแบบสัมผัสได้ ทั้งความเนียน ความกระจ่างใสในแบบที่ดูเป็นธรรมชาติ
กล้องหน้าในโหมด AUTO
กล้องหน้าโหมด PORTRAIT
จะเห็นได้ว่าการละลายฉากหลังนั้นดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถเก็บดีเทล พวกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นปรอยผม หรือพวกเส้นขอบของเสื้อผ้าได้ค่อนข้างดีอีกด้วย
กล้องหน้าโหมด PORTRAIT สามารถเปิดใช้งาน บิวตี้ ได้ 3 ระดับเช่นเดียวกับโหมด PHOTO ตรงนี้ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความน่าตื่นตาตื่นใจ และได้ผลลัพธ์ที่ดูน่าสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
กล้องหลัง Triple Camera 3 เลนส์ รุ่นแรกของทางค่าย OnePlus
UI กล้องออกแบบให้มีความเรียบง่าย โดยเน้นไปที่ความสะดวกในการเรียกใช้งาน สำหรับโหมดการถ่ายจะประกอบไปด้วย Video, Photo, Portrait, Nightscape, Pro, Time-lapse, Slow motion และ Panorama
จุดเด่นของกล้องหลัง Triple Camera ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.6 มีระบบลดการสั่นไหว OIS และ EIS เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/2″ และพิกเซลไซส์ที่ใหญ่ถึง 1.6 ไมครอน ใช้โครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์ ตามด้วยเลนส์มุมกว้าง ultra-wide angle 117 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2 และสุดท้ายเลนส์เทเลโฟโต้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 78 มม. พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 ขนาดพิกเซล 1 ไมครอน พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว และรองรับการซูมแบบ Optical Zoom ได้ที่ 3x
โหมด Normal (1x)
เปิดใช้งาน ultra-wide angle (0.6x) ที่ให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษ
3x Optical Zoom โดยไม่สูญเสียความคมชัด
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้
โหมด Auto
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้
อีกหนึ่งไฮไลท์คือโหมด Nightscape ที่ช่วยให้การถ่ายในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืนได้ดีขึ้น โดยตัวอัลกอลิทึ่มจะปรับความสว่าง พร้อมลดนอยส์และเพิ่มดีเทลรายละเอียดให้กับภาพถ่าย ทำให้ภาพที่ถ่ายจากโหมด Nightscape มีความสว่าง คมชัด โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องเข้ามาช่วยแต่อย่างใด
และอีกสิ่งที่น่าประทับใจก็คือโหมด Nightscape ของ OnePlus 7 Pro จะแตกต่างจากค่ายอื่น ๆ ตรงที่มีความรวดเร็วในการถ่ายที่ดีมาก เพราะไม่ต้องถือกล้องค้างไว้นาน ๆ นั่นเอง
โหมด Auto
เปิดใช้งาน Nightscape
โหมด Auto
เปิดใช้งาน Nightscape
เปรียบเทียบ iPhone XS vs OnePlus 7 Pro ในที่แสงน้อย (เปิดใช้งาน Nightscape)
HDR On
ซ้าย HDR On ขวา HDR Off
โหมด HDR จะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติ แต่เราสามารถเลือกเปิด/ปิดใช้งาน HDR ด้วยตัวเองได้ในการตั้งค่าของตัวกล้อง สำหรับโหมด HDR บน OnePlus 7 Pro สามารถเกลี่ยแสงและดึงดีเทลกลับมาได้ค่อนข้างดี แต่โทนภาพจะติดอันเดอร์ไปสักเล็กน้อย
จากนี้ไปดูภาพรวม ๆ จากกล้อง OnePlus 7 Pro กันต่อครับ
ทดสอบการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 4K 60fps
สรุปกล้อง OnePlus 7 Pro
เป็นพัฒนาการครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนแฟลกชิปจากค่าย OnePlus ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 3 ของโลก หลังจากได้คะแนนรีวิวไปอย่างท้วมท้นถึง 111 คะแนนจาก DxOMark ซึ่งความโดดเด่นในภาพรวมไม่ใช่แค่ผลคะแนนเพียงอย่างเดียว แต่ OnePlus 7 Pro ยังมาพร้อมนวัตกรรมและ Hardware ชั้นเยี่ยมอีกด้วย เช่น กล้องหน้า Pop-up สไลด์ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กล้องหลัง Triple camera ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้างที่ตอบโจทย์การถ่ายรูปวิว หรือหมู่คณะได้เป็นอย่างดี และมีไฮไลท์เด่นด้วยโหมด Portrait ที่ละลายฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ รวมถึง Nightscape ที่ถ่ายภาพกลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้ดี โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง แถมยังเหนือกว่าคู่แข่งตรงในเรื่องของความเร็ว เพราะไม่ต้องถือกล้องค้างไว้นาน ๆ นั่นเอง สรุปส่งท้าย กล้องหน้า/หลังของ OnePlus 7 Pro ทำผลงานได้น่าประทับใจมากครับ
สรุป OnePlus 7 Pro
ที่ผ่านมาเราอาจจะคุ้นเคย OnePlus ในนิยามของ Flagship Killer หรือนักฆ่าเรือธงที่มีจุดขายในเรื่องความคุ้มค่าของสเปคต่อราคา แต่รอบนี้ OnePlus มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษ์แบรนด์ครั้งใหญ่ ด้วยการชูจุดขายในเรื่องความพรีเมี่ยมและเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม ซึ่ง OnePlus 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่มาพร้อมกับนิยาม “ซูเปอร์ แฟลกชิป” ที่นำเสนอความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลที่ดีที่สุดในโลกจากการการันตีของ DisplayMate ตามด้วยกล้องหน้าป็อบ อัพสไลด์ และกล้องหลัง Triple Camera 3 เลนส์รุ่นแรกของทางค่าย ที่เลือกใช้ Hardware ชั้นเยี่ยมผสานด้วยฟีเจอร์อันทรงพลัง
เมื่อรวมกับหลาย ๆ จุดเด่นที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก ทั้งชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 855 และหน่วยความจำ UFS 3.0 รุ่นแรกของโลก, ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ, ฟีเจอร์ชาร์จเร็ว Warp Charge 30 และ 10-layer liquid cooling ที่ช่วยระบายความร้อนได้อย่างเหนือชั้น แถมยังเด่นด้วย Softwarer ที่ตอบโจทย์การใช้งานและการเล่นเกมได้อย่างเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ส่งผลให้ OnePlus 7 Pro ก้าวขึ้นมาเป็น ซูเปอร์ แฟลกชิป ได้เต็มภาคภูมิ ซึ่งเมื่อมองในภาพรวมแล้ว ต้องบอกเลยว่า OnePlus 7 Pro นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องครบครัน เด่นรอบด้าน พร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งานในยุคนี้ได้สมบูรณ์ลงตัว ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน เครื่องแรง สเปคจัดเต็ม เด่นด้านบันเทิงและตอบโจทย์การเล่นเกมในระดับมืออาชีพ OnePlus 7 Pro เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามครับ