Infinix เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรามาสักพักใหญ่ ๆ แล้วครับ ซึ่งกระแสตอบรับถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยจุดขายที่เน้นเรื่องคุณภาพมาตรฐาน แต่ให้ความคุ้มค่าต่อราคาสูงกว่าคู่แข่ง และที่สำคัญ เรื่องการรับประกันกันก็มีครบทั้ง 4 ภาค ทำให้ผู้ใช้งานทั่วประเทศอุ่นใจกันอย่างแน่นอน และในช่วงส่งท้ายปีอย่างนี้ หลายคนน่าจะมีแพลนที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ หรือว่าซื้อเป็นของขวัญก็ดี หากว่ากำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ครบครัน ครบเครื่อง ในราคาจับต้องได้ Infinix S5 คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ
สเปกเบื้องต้น Infinix S5
ขนาด | 164 x 76 x 7.9 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 178 กรัม |
หน้าจอ | IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล ขนาด 6.6 นิ้ว ในสัดส่วน 20:9 และมีอัตราส่วนจอต่อเครื่องที่ 90.5% |
หน่วยประมวลผล | Octa Core ความเร็ว 2.0GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek MT6762 Helio P22 (12 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR GE8320 |
RAM | 6GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
microSD Card | สูงสุด 256GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 4 เลนส์ Quad Camera ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 4 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.0 และเทคโนโลบี AI |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9 Pie ครอบทับด้วย XOS 5.5 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Hotspot, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | 4G LTE Band 1 (2100), 3(1800), 5(850), 8(900), 38(2600), 40(2300), 41(2500) และ 3G ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4000mAh |
ราคา | 4,390 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพคเกจจิ้งของ Infinix S5 มาในโทนสีเขียวสดใสด้วยการไล่ระดับเฉดสี ด้านหน้าโชว์รูปตัวเครื่อง Infinix S5 ขนาดใหญ่ พร้อมระบุขนาดความจุ ROM/RAM ส่วนด้านหลังขับเน้นไฮไลท์เด่นรวมถึงสเปคเบื้องต้นของ Infinix S5
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Infinix S5
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 5V2A
- สายดาต้าลิงค์แบบ microUSB 2.0
- ชุดหูฟังขนาด 3.5 มม.
- เข็มจิ้มสำหรับเปิดถาดซิมการ์ด
- เคสซิลิโคนแบบใส TPU + ฟิลม์กันรอย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ / ใบรับประกันสินค้า
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
Infinix S5 มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ลวดลายขนนกคริสตัล” ด้วยแรงบันดาลใจจากความสวยงามของธรรมชาติและนกเคทซาล (Quetzal) จึงเกิดเป็นดีไซน์ลวดลายขนนกคริสตัล พร้อมการไล่เฉดสีทูโทนอย่างมีระดับ โดยมีให้เลือกในสามเฉดสี ได้แก่ Quetzal Cyan, Nebula Black และ Violet
สำหรับตัววัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนต แบบ Unibody ไร้ Notch หรือรอยบาก จึงให้การแสดงผลใหญ่เต็มตา เมื่อผสานกับขอบจอที่บางเฉียบจึงส่งผลตัวเครื่องดูไม่ใหญ่เทอะทะ แม้จะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอถึง 6.6 นิ้วก็ตาม อีกทั้งตัวเครื่องยังออกแบบได้ตามหลัก Ergonomics จึงส่งผลให้การจับถือมีความกระฉับ ไม่ลื่นหลุดมือได้โดยง่าย
ในภาพรวมดีไซน์นั้นถือว่าสอบผ่าน เพราะมีความโดดเด่นและให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมจนต้องแปลกใจกับราคาที่เปิดตัวออกมาได้เซอร์ไพรส์มาก ๆ
Infinix S5 มาพร้อมกับหน้าจอ Punch Hole ขนาด 6.6 นิ้ว บนความละเอียด HD+ ในอัตราส่วน 20:9 โดยเลือกใช้พาแนล IPS ที่ให้ความคมชัด สว่างสดใสและมีมุมมองที่กว้าง และมีการเจาะรูพร้อมฝังกล้องหน้าไว้ภายใน ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่แสดงผลได้อย่างเต็มตา เพราะไร้ Notch หรือรอยบากนั่นเอง โดยมีอัตราส่วนหน้าจอต่อเครื่องสูงถึง 90.5% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ hidden effect อยู่บนมุมซ้ายด้านบนของเครื่อง หน้าจอโทรศัพท์จึงเป็นสีดำสนิทเมื่ออยู่ในโหมดสแตนด์บาย
กล้องเซลฟีแบบฝังใต้จอให้ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล พร้อมขับเคลื่อนด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด และยังมาพร้อมฟีเจอร์เด็ดที่ตอบโจทย์หนุ่มสาวชาวเจน Z ที่ชื่นชอบการถ่ายเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นโหมด 3D Face beauty และ HDR+ ที่ช่วยให้การเซลฟี่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในทุกสภาพแสง
กล้องหลัง 4 เลนส์ พร้อมไฟแฟลชแบบ 4 ดวง จัดวางในเลย์เอาท์แนวตั้ง พร้อมตอบโจทย์การถ่ายภาพในทุกระยะ ด้วยกล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 4 เลนส์ Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้าน ที่ช่วยในการถ่าย portrait หน้าชัดหลังเบลอและสร้างโบเก้ของภาพนั่นเอง
ในส่วนของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นจัดวางไว้กึ่งกลางของด้านบนตัวเครื่อง
สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะเรียบ ๆ ไม่มีพอร์ตหรือปุ่มใด ๆ ส่วนด้านล่างจะประกอบไปด้วย ลำโพงหลักของตัวเครื่อง พอร์ต Micro USB ไมค์สนทนาและช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ฝั่งขวาจัดวางด้วยปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์ที่จัดวางตำแหน่งได้ค่อนข้างดีมาก โดยไม่อยู่สูงหรือต่ำจนเกินไป ทำให้สามารถใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวกคล่องตัว
ฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมการ์ดและหน่วยความจำภายนอก
ตัวถาดซิมของ Infinix S5 เป็นแบบ Triple Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม พร้อมสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกชนิด MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 256GB
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
Infinix S5 เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 9 Pie พร้อมครอบทับด้วย XOS Cheetah v5.5.2 โดยตัว UI ปรับแต่งมาได้ค่อนข้างลงตัว ซึ่งมีความโมเดิร์น ทั้งในส่วนของธีม ไอคอนและแอนิเมชั่น แถมยังแฝงความเรียบง่ายในการใช้งานทำให้ไม่ต้องปรับตัวมากนัก อีกทั้งยังจัดเต็มด้วยฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่มีความครบครันไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด ณ ปัจจุบันอีกด้วย
หน้าจอ Punch Hole พร้อมเทคโนโลยีฝังกล้องไว้ในจอแสดงผล จึงทำให้ไม่มีรอยบาก สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยสามารถเลือกปรับตั้งค่าให้มีรอยบากผสานเข้ากับกล้องเพื่อให้เกิดความกลมกลืนได้เช่นกัน ในส่วนของการปรับแต่ง User Interface สามารถปรับแต่งได้ค่อนข้างยืดหยุ่นทั้งธีม วอลเปเปอร์และรูปแบบตัวอักษร
ด้านการเชื่อมต่อถือว่าครบเครื่องมาก ๆ มีความโดดเด่นด้วยการรองรับเทคโนโลยี Full Netcom 4.0 ทำให้สามารถสามารถจับสัญญาณ 4G/3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงยังรองรับการโทรผ่าน Wi-Fi และ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย
สำหรับโหมด “ท่าทางและรูปแบบลายเส้น” เป็นฟีเจอร์ที่พบเจอได้ในหลาย ๆ หลายแบรนด์ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่น วาดบนหน้าจอเพื่อคอลโทรลเครื่องเล่นเพลง, จับภาพหน้าจอด้วย 3 นิ้ว การรับสายด้วยรูปแบบท่าทางเป็นต้น
“แผงอัจฉริยะ” เป็น Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด เช่นการจับภาพ / แปลภาษา และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบด้านข้างของหน้าจอแสดงผล โดยรองรับการใช้งานได้ในทุกอินเทอเฟซ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ต้องการเข้ามาเข้ามาอยู่ในแถบ Smart Slider ได้อีกด้วย
ในด้านความปลอดภัยจัดเต็มทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและ Face Unlock หรือระบบปลดล็อคด้วยใบหน้านั่นเอง โดยจากการทดสอบใช้งานจริงทั้ง 2 ระบบสามารถทำงานได้รวดเร็วแม่นยำในระดับที่น่าพึงพอใจ
ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน โดย Infinix S5 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4000mAh เมื่อบวกกับกับตัวชิปเซ็ตและเฟิร์มแวร์ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี ในภาพรวมถ้าเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปสามารถใช้งานได้ยาวนานครบวัน แต่ถ้าหากใช้งานหนัก ๆ ยังมีโหมดประหยัดพลังที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
ประสิทธิภาพ
Infinix S5 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Mediatek MT6762 Helio P22 บนสถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประมวลผล Octa-core 2.0 GHz Cortex-A53 เมื่อทำงานร่วมกับ RAM 6GB จึงส่งผลให้สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ
ส่วนในแง่การใช้งานจริงถือว่าเป็นรุ่นกลาง ๆ ที่มาพร้อมความลื่นไหล และความแรงในระดับที่นำไปใช้งานทั่วไปและเล่นเกมได้แบบสบาย ๆ สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบถ้วน อาทิ Gyroscope, Magnetic, Accelerometer ส่วนภาครับสัญญาณ GPS ก็มีความรวดเร็วแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ครับ
ทดสอบการเล่นเกม
มาพร้อมโหมดเกมตามสมัยนิยม ซึ่งโหมดเกมบน Infinix S5 สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วของเกมด้วยการปลดล็อคหน่วยความจำ เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม ทำให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุดติดขัดให้หงุดหงิดใจ นอกจากนี้ยังสามารถจัดการด้านการแจ้งเตือน ทั้งสายเรียกเข้าและข้อความการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะเล่นเกม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกมได้ต่อเนื่องลื่นไหล ไม่เกิดอาการสะดุดให้หงุดหงิดใจ
ROV สามารถเล่นได้บนโหมดเฟรมเรทสูง ซึ่งจะมีความ stable ที่ระดับ 40-50 fps อย่างต่อเนื่อง ส่วนความสมูทลื่นไหลอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ
สำหรับ PUBG เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง แต่เมื่อเลือกการตั้งค่าเริ่มที่เกมแนะนำไว้ ก็สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้หงุดหงิดใจแต่อย่างใด
ปิดท้ายกันด้วยเกมสุดฮอตของชั่วโมงนี้ Call of Duty Mobile โดยใช้ค่าเริ่มต้นของเกม พบว่าสามารถเล่นได้แบบไหลลื่น ซึ่งไม่พบอาการแลคหรือหน่วงให้เห็น ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ Firmware ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี รวมถึงฟีเจอร์ “โหมดเกม” ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เหมาะสมกับการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Infinix S5 เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่จับต้องได้
ทดสอบกล้องหน้า/หลัง
User Interface หรือเมนูกล้อง ออกแบบให้สามารเข้าถึงโหมดการถ่ายและการตั้งค่าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยด้านบนหรือด้านซ้ายในแนวตั้งจะประกอบไปด้วย เมนูการตั้งค่าหลักของกล้อง, เปิด/ปิดแฟลช, โหมด HDR, อัตราส่วนของภาพ, ฟิลเตอร์
สำหรับโหมดการถ่ายประกอบไปด้วย วีดีโอ AI CAM โหมดบิวตี้ โบเก้ ภาพถ่าย AR และ พาโนรามา
สำหรับกล้องหน้ามีความโดดเด่นด้วย AI 3D Face beauty ที่ปรับความสวยงามได้ 4 ระดับ รวมถึงยังสามารถเลือกปรับเฉพาะจุด อาทิเช่น สีผิว ความกระจ่างใส ใบหน้าเรียวบาง หรือปรับให้ดวงตากลมโตขึ้นเป็นต้น
ทดสอบกล้องหน้า
ทดสอบกล้องหน้าในโหมด Auto
เปิดใช้งานโหมดบิวตี้
โหมด PORTRAIT
ทดสอบกล้องหลัง
ทดสอบกล้องหลังในโหมด Auto
เปิดใช้งานโหมดบิวตี้
โหมด PORTRAIT
Normal mode ในระยะปรกติ
Ultra wide angle (มุมกว้างพิเศษ)
Infinix S5 รองรับการซูมแบบดิจิตอลซูมได้สูงสุดที่ 8x
Normal mode
macro mode
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ถึง 2.5 ซม. ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นภาพแมลง หรือวัตถุที่ต้องการเน้นความคมชัดและรายละเอียด ซึ่งเลนส์มาโครจะช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกและมีประโยชน์ในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน
จากนี้ไปชมภาพรวมในทุกสภาพแสงจากกล้อง Infinix S5 กันต่อได้เลยครับ
สรุป Infinix S5
จุดขายของ Infinix S5 คือความครบเครื่องในราคาคุ้มค่า ซึ่งหาได้ยากมาก ๆ สำหรับสมาร์ตโฟนราคาแค่ 4,390 บาท แต่ได้กล้อง 4 เลนส์ ถ่ายได้ครบทุกระยะ และกล้องหน้าความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล ซึ้งทั้งกล้องหน้าหลังทำได้ดีเกินราคาครับ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ถือว่าโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ ความจุแบตเตอรี่ สเปคโดยรวมที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่ง และถึงแม้ว่า Infinix S5 จะไปไม่สุดในทุกทาง แต่ด้วยราคาเปิดตัวเบา ๆ เพียง 4,390 บาท ก็คงต้องบอกว่าเกินคุ้มและไม่มีคู่แข่งในเรทเดียวกันอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนราคาเบา ๆ แต่ครบเครื่องครบครัน Infinix S5 คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามครับ
พรีออเดอร์ Infinix S5
หลังจากที่เปิดให้ผู้บริโภคลงทะเบียนแสดงความสนใจระหว่าง 2 – 11 ธันวาคม 2562 Infinix S5 จะจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ลาซาด้าตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2562 โดยลูกค้า 100 คนแรกจะได้รับของสมนาคุณพิเศษ ลำโพง Bluetooth Sound Bar มูลค่า 690 บาท รีบลงทะเบียนเพื่อเป็นเจ้าของ Infinix S5 ซีรีย์ ก่อนใครที่ Infinix’s Lazada official store
Infinix S5 มีให้เลือก 2 รุ่น คือ S5 ราคา 4,390 บาท และ S5 Lite ราคา 3,590 บาท
ลูกค้าที่สั่งซื้อ Infinix S5 จะได้รับเครื่องตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
และ Infinix S5 Lite จะได้รับเครื่องตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป