ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์
realme X50 Pro 5G มาพร้อมกับ realme UI 1,0 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 10 ซึ่งมีหน้าตาที่มีสีสันสดใส high-saturation ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา พร้อมพัฒนาภาพเคลื่อนไหวแอนิเมชั่นให้รวดเร็วและไหลลื่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งไอคอนได้ด้วยตนเอง
สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้โดยกดค้างที่ตรงกลางของหน้าจอ
รูปแบบธีมที่สวยงาม ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากแอปพลิเคชัน ร้านขายธีม หรือ Theme Store ที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วภายในเครื่อง
realme X50 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่รองรับ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA และยังรองรับคลื่นความถี่ 5G อื่นๆ อย่าง Band n1 : 2100, n3 : 1800, n5 : 850, n7 : 2600, n28 : 700, n38 : 2600, n40 : 2300, n41 : 2500, n77 : 3700, n78 : 3500, n79 : 4700 พร้อมด้วยฟีเจอร์ Smart 5G ที่สามารถสลับการเชื่อมต่อระหว่าง 4G และ 5G ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยในการประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น
ในโหมด Quick gestures หรือโหมดตัวช่วยเพิ่มความสะดวก เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานมาอย่างยาวนานบนสมาร์ทโฟนของหลาย ๆ แบรนด์ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็คือการทำงานร่วมกับพวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เช่นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียง, วาดบนหน้าเจอเพื่อเปิดแอปฯ / ควบคุมการคอนโทรล Music Player, การจับภาพหน้าจอด้วย 3 นิ้ว, การรับสายอัตโนมัติเมื่อนำโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเป็นต้น
สำหรับปุ่มนำทาง Navigation สามารถปรับตั้งค่าให้เหมาะกับความถนัดของเราได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Full Screen gesture ที่มาพร้อมฟีเจอร์สั่งการง่าย ๆ แต่สามารถใช้งานจอแสดงผลได้แบบเต็ม 100%
ซึ่ง Navigation gestures เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การสไลด์นิ้วบนหน้าจอแสดงผลแทนการกดปุ่ม navigation เพื่อให้เป็นการแสดงผลแบบเต็มหน้าจออย่างแท้จริงนั่นเอง
Smart Slider สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด เช่นการจับภาพ / บันทึกหน้าจอ, การเข้าถึงไฟล์, กล้อง, ข้อความและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบด้านข้างของหน้าจอแสดงผล โดยรองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้งและแนวนอน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ต้องการเข้ามาเข้ามาอยู่ในแถบ Smart Slider ได้อีกด้วย
แบ่งหน้าต่างเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กัน ได้ง่าย ๆ แค่ลากสาวนิ้วจากล่างขึ้นด้านบนของจอแสดงผล
และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือแอพโคลน ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลยอดนิยม เช่น Line, Facebook หรือ Instagram ได้พร้อม ๆ กัน ถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียว
ในด้านความปลอดภัย realme X50 Pro 5G มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างครอบคลุม ทั้งข้อมูลส่วนตัว การเข้าถึงแอปพลิเคชั่น พื้นที่สำหรับเด็ก และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด
Phone Manager เป็นเครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการลบไฟล์ขยะและไฟล์แคชของระบบ, การจัดการด้านความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว, การสแกนไวรัส และการปกป้องด้านการชำระเงินเป็นต้น ซึ่งแอปฯนี้จะช่วยให้การทำงานของตัวเครื่องเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ มีความรวดเร็วและความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ปิดท้ายกันไปด้วยการจัดสรรพลังงาน realme X50 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,200mAh สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องตลอดวัน พร้อมทั้งมีโหมดพลังงานอย่าง Power Saving Mode ที่ช่วยจัดการพลังงานให้ใช้งานได้นานขึ้น
ส่วนการชาร์จนั้น รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge (10V/6.5A) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ในเวลา 35 นาที รวมทั้งติดตั้งชิปตรวจสอบความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่แบบ 5 จุด (Five-core Chip) เพื่อควบคุมปริมาณกระแสไฟให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และใช้อแดปเตอร์จ่ายไฟแบบ Gallium Nitride (GaN) ชาร์จเร็วจ่ายไฟได้เต็มประสิทธิภาพเร็วขึ้น ลดการเกิดความร้อน และอะแดปเตอร์ที่มีขนาดที่เล็กลง
ประสิทธิภาพ
realme X50 Pro 5G ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 865 บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 7nm แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.84 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 650 โดยใช้หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาดเท่ากันที่ 12GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 3.0 ขนาด 256GB
ผลทดสอบประสิทธิภาพ reale X50 Pro 5G บนแอป AnTuTu
ผลทดสอบประสิทธิภาพ reale X50 Pro 5G บนแอป GeekBench
สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มาอย่างครบถ้วน ส่วนในด้านการจับสัญญาณ GPS อยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของความเร็วและความแม่นยำ
มัลติมีเดียและความบันเทิง
Music Player บน realme X50 Pro 5G มาพร้อมความสามารถที่ครบเครื่อง เรียกว่าไม่แตกต่างจากแอป Music Player ยอดนิยมทั่ว ๆ ไป เช่นการเล่นสุ่ม/เล่นซ้ำ การสร้างเพลย์ลิสต์ ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเป็นต้น
แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน ก็คือในด้านกำลังขับและเทคโนโลยี Dolby Atmos ที่ช่วยปรับปรุงให้คุณภาพเสียงนั้นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง อีควอไลเซอร์ได้ยืดหยุ่นตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี จึงทำให้การรับชมคอนเทนต์เต็มอิ่มครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน
สำหรับ Video Player บน realme X50 Pro 5G รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K ได้อย่างสมูทไหลลื่น แถมยังมีฟีเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงกับแอปชื่อดังอย่าง MX Player เช่นการปัดบนหน้าจอฝั่งซ้ายเพื่อปรับระดับความสว่าง และปัดบนหน้าจอฝั่งขวาเพื่อปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียงเป็นต้น
ทดสอบการเล่นเกม
Asphalt 9 เลือกปรับคุณภาพภาพแบบคุณภาพสูง สามารถเล่นได้อย่างคมชัด และไหลลื่น ไม่มีอาการแลคให้หงุดหงิดใจ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับชิปเซ็ตและพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 3.0 รวมถึง RAM ที่จัดเต็มถึง 12GB
ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา เมื่อลองเล่นที่บนเฟรมเรทสูง ก็ยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่สมูทลื่นไหล แถมเฟรมเรทไม่ตกอีกด้วย โดยสามารถรักษาความ stable ไว้ที่ระดับ 58- 60fps แบบต่อเนื่อง
สำหรับ PUBG Mobile เกม Tactical-FPS สามมิติเต็มรูปแบบ ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการทรัพยากรขั้นสูง โดยเลือกโหมดกราฟิกในระดับ HDR HD และเฟรมเรทระดับสูงสุด ซึ่งไม่มีปัญหากับ realme X50 Pro 5G แต่อย่างใด สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ผสานกับหน้าจอที่มี Refresh Rate ระดับ 90Hz ซึ่งช่วยให้เกมลื่นไหลมากยิ่งขึ้น