เป็นที่แน่นอนแล้วว่า vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัว vivo X80 Serie สมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงจาก X Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากปล่อยทีเซอร์เรียกน้ำย่อยกันไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งทาง IbelieveIT ก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับ vivo X80 Series มาสักพักใหญ่ ๆ ถ้าถามความรู้สึกจากใจ ก็ต้องบอกเลยว่านี่คือสมาร์ตโฟนที่มีกล้องดีที่สุดเบอร์ต้น ๆ ของตลาด ณ ปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนอกจากจะเด่นในเรื่องกล้องแล้ว vivo X80 Series ยังมาพร้อมสเปคและฟีเจอร์แบบอัดแน่น เป็นเรือธงของช่วงกลางปีที่มีกระแสร้อนแรงและน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง และวันนี้ believeIT จะพามาสัมผัสกับแกะกล่องพรีวิว vivo X80 Series เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยกันก่อนที่จะไปรับชมรีวิวฉบับเต็มในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการครับ
สเปคเบื้องต้น vivo X80 Pro 5G
ขนาด | 164.57×75.30×9.10 มม. |
น้ำหนัก | 219 กรัม |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Ultra O Screen Display ชนิด AMOLED E5 ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 3200×1440 (WQHD+) อัตรารีเฟรชเรท 120Hz รองรับ HDR 10+ และการปกป้องดวงตา SGS Eye Care Display และรองรับเทคโนโลยี LTPO 3.0 ล่าสุด |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต Qualcomm SM8450 Snapdragon 8 Gen 1 (4 nm) Octa-core (1×3.00 GHz Cortex-X2 & 3×2.40 GHz Cortex-A710 & 4×1.70 GHz Cortex-A510) หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730 |
RAM | 12GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB |
microSD Card | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch 12 บนพื้นฐานของ Android 12 |
เชื่อมต่อ | OTG, NFC, Wi-Fi 6, Wi-Fi 5, 2.4G/5G, Wi-Fi Display, 2×2 MIMO, MU-MIMO GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS, A-GPS, Cellular Positioning, WLAN positioning รองรับ Hi-Fi : CS43131 |
กล้องถ่ายภาพ |
กล้องหลัง: 4 เลนส์ Quad Camera Co-engineered with ZEISS
——————————————————- High resolution, Night, Portrait, Photo, Video, Pro, Panorama, Dynamic Photo, Slow Motion, Time-Lapse, AR Stickers, Micro Movie, Supermoon, Hi-Res Docs, Astro Mode, Pro Sports Mode, Long Exposure, Double Exposure, Dual-View Video, AI Group Photo |
รองรับระบบ |
รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
แบตเตอรี่ | 4700mAh รองรับชาร์จไว 80W FlashCharge, 50W Wireless FlashCharge |
สี | สีที่วางจำหน่ายในไทย Cosmic Black |
ราคา | ราคาเปิดตัว 39,999 บาท |
สเปคเบื้องต้น vivo X80 5G
ขนาด | 164.95×75.23×8.30 มม. |
น้ำหนัก | 206 กรัม |
หน้าจอแสดงผล | หน้าจอ Ultra O Screen Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 (FHD+) อัตรารีเฟรชเรท 120Hz |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9000 (4 nm) Octa-core (1×3.05 GHz Cortex-A78 & 3×2.6 GHz Cortex-A78 & 4×2.0 GHz Cortex-A55) หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G710 MC10 |
RAM | 12GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB |
microSD Card | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch 12 บนพื้นฐานของ Android 12 |
เชื่อมต่อ | OTG, NFC, Wi-Fi 6, Wi-Fi 5, 2.4G/5G, Wi-Fi Display, 2×2 MIMO, MU-MIMO GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS, A-GPS, Cellular Positioning, WLAN positioning รองรับ Hi-Fi : CS43131 |
กล้องถ่ายภาพ |
กล้องหลัง: 3 เลนส์ Triple Camera Co-engineered with ZEISS
——————————————————- Night, Portrait, Photo, Video, 50MP, Panorama, Live Photo, Slow Motion, Time-Lapse, Pro, AR Stickers, Documents, AI Group Portrait, Double Exposure, Dual-View Video |
รองรับระบบ |
รองรับการทำงาน Dual-SIM 2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby
|
แบตเตอรี่ | 4500mAh รองรับชาร์จไว 80W FlashCharge |
สี | สีที่วางจำหน่ายในไทย Cosmic Black, Urban Blue |
ราคา | ราคาเปิดตัว 29,999 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวกล่องแพ็กเกจจิ้งของ vivo X80 Series ยังคงมาในโทนและรูปทรงเดิมที่ขับเน้นในเรื่องของความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความพรีเมี่ยมไว้ในตัวเหมือนเช่นเคย โดยด้านหน้าจะมีเพียงชื่อรุ่นและชูจุดเด่นด้วยข้อความกำกับในการร่วมมือระหว่าง vivo กับ ZEISS แบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำระดับโลกในการพัฒนาทางวิศวกรรม (Co-Engineer) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพสู่มือผู้บริโภคทั่วโลก
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับ vivo X80 Pro 5G ในสี Cosmic Black ที่ได้มีการติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่โรงงาน ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
1. อแดปเตอร์ชาร์จไฟ OUTPUT 5V – 2A / 9V – 2A / 11V – 6A Max / 20V – 4A Max – รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
2. หูฟังสมอลทอร์คแบบอินเอียร์ รุ่น XE710 (Type-C earjack) พร้อมจุกยางอีก 2 ขนาด
3. สายดาต้าลิงค์แบบ Type-C
4. Hard Case สีดำ
5. อุปกรณ์เปิดถาด SIM Card
6. ใบรับประกัน, และคู่มือการใช้งานฉบับย่อ
ตัวเคสจะเป็นวัสดุโพลีคาร์โบเนตแบบเปิดข้าง โดยมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งและมาพร้อมเท็กเจอร์ที่ให้ฟิลลิ่งเหมือนหนังแท้ ซึ่งช่วยเพิ่มความ luxury ตั้งแต่แรกสัมผัส
ในส่วนของ vivo X80 ก็จะให้อุปกรณ์ภายในกล่องมาเหมือน X80 Pro 5G ทุกประการ สิ่งที่แตกต่างก็คือตัวเคสภายในกล่องจะให้มาตามสีของตัวเครื่อง เช่นตัวเครื่อง Cosmic Black ก็จะได้สีดำ ส่วนสี Urban Blue ก็จะได้ตามสีของตัวเครื่องนั่นเอง
vivo X80 Series ยังคงสืบทอด DNA ของรุ่นพี่ X70 Series ทั้งในด้านความเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มอบความหรูหราพรีเมี่ยม จากตัววัสดุชั้นเลิศ ผสานด้วยดีไซน์ luxury ผ่านดีไซน์โค้งมนบนโครงสร้างที่บางเบาสวยงามแบบมีระดับ ตัวเครื่องเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยมด้วยกระจกฝาหลังและขอบเฟรมอะลูมิเนียม พร้อมตกแต่งด้านบนของตัวเครื่องด้วยสไตล์ Choker ที่มอบความรู้สึกหรูหราให้กับผู้ใช้งานตั้งแต่แรกสัมผัส นอกจากนี้ตัวฝาหลังยังใช้เทคโนโลยี “fluorite AG” ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ให้ความรู้สึกถือใช้งานได้สะดวกสบายและไม่เกิดรอยนิ้วมืออีกด้วย
ยกระดับด้านการออกแบบไปอีกขั้นด้วยการจัดวางรูปแบบกล้องด้วยแนวคิด Cloud Window 2.0 ที่มาพร้อมโมดูลกล้องขนาดใหญ่ ที่ผสานรูปทรงกลมเข้ากับรูปทรงสี่เหลี่ยม พร้อมโลโก้ Zeiss T* ซึ่งเป็นการ certified กำกับไว้อย่างชัดเจนถึงความร่วมมือกับ ZEISS แบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำระดับโลก ในการพัฒนาทางด้านวิศวกรรม (Co-Engineer) ร่วมกันอย่างใกล้ชิด
โดยเลนส์กล้องของ vivo X80 Series ทุกรุ่นจะได้รับการเคลือบชิ้นเลนส์ในมาตรฐาน Zeiss T* ซึ่งประโยชน์ที่โดดเด่นของการเคลือบ Zeiss T* จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ค่าสีได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทุกภาพถ่ายมีสีสันสดใสยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี Pure Night View แสดงค่ำคืนอันรุ่งโรจน์ในความคมชัดบริสุทธิ์ด้วยเทคโนโลยี AI Deglare และ RAW HDR ที่วีโว่พัฒนาขึ้นเอง ให้ทุกภาพถ่ายออกมาได้อย่างสวยงาม คมชัด โดดเด่นมากกว่าที่เคย
อีกทั้งยังสามารถช่วยลดการเกิด Ghosting และ Stray light ในเวลากลางคืนได้อีกทางหนึ่งด้วย vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 Series จึงพร้อมมอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานได้ดื่มด่ำกับความงามอันบริสุทธิ์ของยามค่ำคืนได้อย่างน่าประทับใจ
ดีไซน์ในภาพรวมของ vivo X80 จะมีความใกล้เคียงกับ vivo X80 Pro เกือบทุกประการ สิ่งที่แตกต่างก็คือ vivo X80 จะมีขนาดที่ะทัดรัดกว่าเล็กน้อย รวมถึงโมดูลกล้องก็มีขนาดที่เล็กกว่าด้วยเช่นกัน
สำหรับ vivo X80 Pro 5G จะมาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ Quad Camera Co-engineered with ZEISS
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.57 เซนเซอร์ PDAF, Laser AF, ระบบกันสั่น Gimbal Stabilization
- เลนส์ Ultrawide-angle ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2
- เลนส์ Telephoto 50mm ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.85, 5x optical zoom Dual Pixel PDAF
- เลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/3.4 , PDAF, OIS, 5x optical zoom
ส่วน vivo X80 5G จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ Triple Camera Co-engineered with ZEISS
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.57 เซนเซอร์ PDAF, Laser AF, OIS
- เลนส์ Ultrawide-angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
- เลนส์ Telephoto 50mm ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.98, PDAF, 2x optical zoom
ทั้งสองรุ่นต่างก็มาพร้อม ZEISS T* Coating ด้วยกันทั้งคู่ แต่ vivo X80 5G จะไม่มีระบบกันสั่น Gimbal Stabilization และความละเอียดรวมถึงค่ารูรับแสงบางช่วงจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
vivo X80 Pro 5G เลือกใช้จอแสดงผล E5 AMOLED พร้อมความละเอียด WQHD+ ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยรีเฟรชเรต 120Hz และยังรองรับเทคโนโลยี LTPO 3.0 ล่าสุด ช่วยให้จอแสดงผลสามารถปรับอัตราการรีเฟรชระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ของผู้ใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของจอแสดงผล มอบความเพลิดเพลินกับการใช้หน้าจอที่ชัดเจนและสบายตายิ่งกว่าที่เคย
นอกจากนี้ X80 Pro 5G ยังมาพร้อมดีไซน์หน้าจอ 2K E5 super-sensing ที่ได้รับรางวัลการออกแบบจากสถาบัน DisplayMate ในระดับ A+ และรางวัล SGS Eye Care Display ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ที่ดีเยี่ยม และยังช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย แม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานก็ตาม
สำหรับ vivo X80 5G มาพร้อมเทคโนโลยีอันอัดแน่นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า X80 Pro 5G เพียงแต่ vivo X80 5G จะให้ความละเอียดมาที่ FHD+ ซึ่งเมื่อมองในแง่การใช้งานจริง ถือว่าเพียงพอและตอบทุกโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันได้อย่างเหลือเฟือ
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ที่ออกแบบให้มีขนาดเล็ก โดยจัดวางเลย์เอาท์ไว้อยู่ตรงกลางของจอแสดงผล ซึ่งจากการใช้งานจริงให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่รบกวนสายตา แต่ยังคงให้คุณภาพมาแบบเต็มเปี่ยม ด้วยความละเอียดของกล้องหน้าที่สูงถึง 32 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นโหมด Super Night Selfie, Portrait mode, Multi style portrait และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามในทุกสภาพแสงและทุกสถานการณ์
ลำโพงสนทนาของ vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G มีขนาดเล็กและจัดวางอยู่ในขอบของตัวเครื่องซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ของจอแสดงผลได้อีกทางหนึ่ง และนอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นลำโพงสเตอริโอร่วมกับลำโพงที่ด้านล่างของตัวเครื่องอีกด้วย
ด้านบนออกแบบในสไตล์ Choker หรือสร้อยคอ โดยมีการเว้าเป็นร่องเพื่อเพิ่มมิติให้ตัวเครื่องพร้อมสลักตัวอักษรเรืองแสง ที่ขับเน้นเรื่องกล้องอันเป็นจุดขายของ vivo X80 Pro 5G นั่นเอง นอกจากนี้ที่ฝั่งขวายังมี IR Blaster ที่ใช้ในการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้เหมือนรีโมท และถัดไปจะเป็นไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่ในการบันทึกเสียงอีกด้วย
ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องถาดซิมการ์ด., ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, และเส้นเสาอากาศ สำหรับลำโพงหลักจะเป็นแบบสเตอริโอโดยทำงานร่วมกับลำโพงสนทนาที่ด้านบนของตัวเครื่อง ผสานเข้ากับชิปเสียง Hi-Fi CS43131 โดยได้การรับรองคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก ๆ ทั้งเรื่องความดัง เสียงย่านต่ำและมิติของเสียงที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์พร้อมเส้นเสาอากาศที่มุมบนของตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ แต่จะมีเส้นเสาอากาศอยู่ที่มุมบนและล่างของตัวเครื่อง
การจัดวางเลย์เอาท์ต่าง ๆ ของ vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G จะเหมือนกันทุกประการ
ตัวถาดซิมของ vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G เป็นแบบ Dual Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม แต่จะไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก
ในส่วนของคุณสมบัติอื่น ๆ และโปรโมชั่นเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ ในรีวิวฉบับเต็มเร็ว ๆ นี้ครับ
ซึ่งขณะนี้ทาง vivo ประเทศไทยได้ทำการเปิดจองสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่นี้แล้วกับกิจกรรม Exclusive Blind Booking พิเศษสำหรับ vivo fans ตัวจริงที่อยากเป็นเจ้าของและรับสิทธิพิเศษก่อนใคร สามารถสั่งจอง vivo X80 Series ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 – 18 พฤษภาคมนี้
- สำหรับผู้ที่สั่งจอง vivo X80 Pro รับไปเลยทันที บัตร VIP Card, vivo 50W Vertical Wireless Flash Charger, vivo TWS 2 ANC และส่วนลดค่าเครื่อง 1,000 บาท รวมมูลค่า 16,997 บาท
- สำหรับผู้ที่สั่งจอง vivo X80 รับทันทีบัตร VIP Card, Gaabor Airfryer, vivo TWS 2 ANC และส่วนลดค่าเครื่อง 1,000 บาท มูลค่ารวม 15,888 บาท
สามารถสั่งจองสมาร์ตโฟน vivo X80 Series ได้ทาง vivo Brandshop ทุกสาขา, ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก vivo Thailand
และพลาดไม่ได้สำหรับ vivo fans เตรียมรับชมงานเปิดตัว vivo X80 Series สุดเอกซ์คลูซิฟ ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ผ่านทาง Facebook vivo Thailand, YouTube vivo Thailand และ Line official vivo Thailand ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก vivo Thailand