นาฬิกาที่ขายดีที่สุดในโลกมาในดีไซน์ที่บางยิ่งกว่าเคย พร้อมด้วยจอภาพที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุด การชาร์จที่เร็วขึ้น และการวัดความลึกและอุณหภูมิน้ำ
Apple เผยโฉม Apple Watch Series 10 ที่มาพร้อมดีไซน์ที่คิดมาอย่างประณีตและนำความสามารถใหม่ๆ มาสู่นาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
Apple เผยโฉม Apple Watch Series 10 ที่มาพร้อมดีไซน์ที่คิดมาอย่างละเอียดและนำความสามารถใหม่ๆ มาสู่นาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เรียกได้ว่าทั้งทรงพลัง ชาญฉลาด และเรียบหรูยิ่งกว่าเดิม
Apple Watch Series 10 เป็น Apple Watch ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา จึงใส่สบายยิ่งกว่าที่เคย และยังมาพร้อมจอภาพที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดในบรรดา Apple Watch ทั้งหมด
นอกจากนั้นยังมาพร้อม การชาร์จที่เร็วขึ้น การวัดความลึกและอุณหภูมิน้ำ รวมถึงข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพและฟิตเนสใหม่ๆ และความชาญฉลาดที่มากับ watchOS 11
Apple Watch Series 10 มีให้เลือกทั้งแบบอะลูมิเนียมและไทเทเนียมในหลากหลายสีสันและผิวสัมผัสที่สวยงามโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นสีดำเจ็ทแบล็คในผิวสัมผัสอะลูมิเนียมแบบขัดเงาใหม่ที่ทั้งเพรียวบางและแวววาวสะดุดตา หรือจะเป็นตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ในสีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลทที่ส่องประกายน่าทึ่งราวกับอัญมณี
Apple Watch Series 10 มีให้เลือกทั้งแบบอะลูมิเนียมและไทเทเนียมในหลากหลายสีสันและผิวสัมผัสที่สวยงามโดดเด่น
ผลิตภัณฑ์ Apple Watch ใหม่พร้อมให้สั่งซื้อล่วงหน้าเร็วๆ นี้
“Apple Watch ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมากมายต่อชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยการช่วยให้ผู้ใช้แอ็คทีฟ มีสุขภาพดี ปลอดภัย และต่อติดกับสิ่งต่างๆ ที่สำคัญกับพวกเขาอยู่เสมอ และตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น Apple Watch ยังได้ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้มากมายนับไม่ถ้วน” Jeff Williams ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Apple กล่าว “Apple Watch Series 10 เป็นการต่อยอดจากความก้าวหน้าตลอดทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อนำเสนอนวัตกรรมที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งนอกจากจะชาญฉลาดยิ่งขึ้นแล้ว ยังมาพร้อมจอภาพบนอุปกรณ์สวมใส่ที่ใหญ่ที่สุดของเราและดีไซน์ที่เพรียวบางยิ่งกว่าที่เคย”
Apple Watch ที่เพรียวบางที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Apple Watch Series 10 นั้นบางกว่า Apple Watch Series 7, Series 8 และ Series 9 เกือบ 10% ซึ่งนอกจากจะมีครบทุกความสามารถสุดล้ำที่ผู้ใช้ชื่นชอบแล้ว ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาโดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้นานตลอดวันสูงสุด 18 ชั่วโมงเช่นเคย ฝาหลังที่ผลิตจากโลหะสุดล้ำได้ผสานเสาอากาศเข้ากับฝาครอบตัวเรือน เพื่อรวมส่วนประกอบทั้งสองชั้นเป็นหนึ่งเดียว โดยที่วัสดุ ผิวสัมผัส ตลอดจนสีของฝาหลังนั้นเข้ากับส่วนที่เหลือของตัวเรือนอย่างลงตัว จนดูเหมือนว่านาฬิกาเรือนนี้ผลิตขึ้นจากโลหะชิ้นเดียว
SiP รุ่น S10 ใหม่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อให้ได้ดีไซน์ที่บางลง ทั้งยังออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และความชาญฉลาดอีกด้วย ซึ่ง SiP รุ่น S10 และ Neural Engine แบบ 4-core ในตัวนี่แหละที่เป็นขุมพลังขับเคลื่อนคุณสมบัติอันชาญฉลาดที่ผู้ใช้พึ่งพาในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”, Siri บนอุปกรณ์, การป้อนตามคำบอก หรือการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ ตลอดจนคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญๆ อย่างการตรวจจับการชนกันและการตรวจจับการล้ม รวมไปถึงวิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะที่อัปเดตใหม่ หน้าปัดรูปภาพที่ออกแบบมาใหม่ และแอปแปลภาษาใน watchOS 11
นอกจากจะบางลงแล้ว ตัวเรือนของ Apple Watch Series 10 ยังเบาขึ้นด้วย โดยตัวเรือนอะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบากว่า Series 9 สูงสุด 10% ในขณะที่ตัวเรือนไทเทเนียมนั้นมีน้ำหนักเบากว่า Series 9 ตัวเรือนสแตนเลสสตีลเกือบ 20% ตัวเรือนยังมีมุมมนที่โค้งมนยิ่งขึ้นและอัตราส่วนภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้จอภาพมีพื้นที่มากขึ้นโดยที่ตัวเรือนมีขนาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตัวเรือนใหม่จึงมาในขนาด 42 มม. และ 46 มม.
จอภาพบนอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดของ Apple
จอภาพบน Apple Watch คือศูนย์กลางของทุกการโต้ตอบ ตั้งแต่การดูการแจ้งเตือน ไปจนถึงการเหลือบมองตัวชี้วัดการออกกำลังกาย และ Apple Watch Series 10 ก็มีจอภาพที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่ Apple Watch เคยมีมา
จอภาพที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผู้ใช้มีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นสูงสุด 30% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 4, Series 5 และ Series 6 และเพิ่มขึ้นสูงสุด 9% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 7, Series 8 และ Series 9 การอ่านและการใช้งานบนจอภาพที่ใหญ่ขึ้นก็สะดวกขึ้นตามไปด้วย อย่างในแอปต่างๆ เช่น ข้อความ หรือ เมล ผู้ใช้จะมองเห็นข้อความในบรรทัดอื่นเพิ่มเติมหรือขยายขนาดฟอนต์ได้โดยไม่กระทบกับเนื้อหา แถมยังช่วยให้การพิมพ์ข้อความ หยุดพักการออกกำลังกาย หรือป้อนรหัสผ่านง่ายดายขึ้นด้วย
Apple Watch Series 10 มีจอภาพที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่ Apple Watch เคยมีมา เมื่อจอภาพใหญ่ขึ้นก็ทำให้อ่านและใช้งานแอปต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น แอปข้อความ หรือ แอปเมล
Apple Watch Series 10 เป็นผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นแรกที่มีจอภาพ OLED แบบมุมกว้างสุดล้ำ ซึ่งช่วยให้แต่ละพิกเซลเปล่งแสงออกมาได้มากขึ้นในมุมมองที่กว้างกว่าเดิม จอภาพจึงสว่างกว่า Series 9 สูงสุด 40% เมื่อมองจากด้านข้าง และอ่านได้ง่ายขึ้นเพียงแค่เหลือบมอง
จอภาพ OLED แบบมุมกว้างสุดล้ำช่วยให้แต่ละพิกเซลเปล่งแสงออกมาได้มากขึ้นในมุมมองที่กว้างกว่าเดิม และสว่างขึ้นกว่า Apple Watch Series 9 สูงสุดถึง 40% เมื่อมองจากด้านข้าง
นอกจากนี้ จอภาพ OLED แบบมุมกว้างยังประหยัดพลังงานยิ่งกว่าเดิม ซึ่งทำให้อัตรารีเฟรชขณะอยู่ในโหมดการแสดงผลแบบติดตลอดเร็วขึ้นจากทุก 1 นาทีเป็นทุก 1 วินาที วันนี้ ผู้ใช้จึงเห็นการเคลื่อนที่ของเข็มวินาทีบนหน้าปัดนาฬิกาบางแบบได้แล้วโดยไม่ต้องยกข้อมือขึ้นมา
หน้าปัดนาฬิกาฟลักซ์ใหม่มาพร้อมดีไซน์กราฟิกสุดโดดเด่นที่จะเติมเต็มหน้าจอด้วยสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละวินาที โดยใช้ประโยชน์จากจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและอัตรารีเฟรชที่เร็วขึ้นของ Apple Watch Series 10
หน้าปัดนาฬิกาใหม่ใน watchOS 11 ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและอัตรารีเฟรชที่เร็วขึ้นบน Apple Watch Series 10 โดยหน้าปัดนาฬิกาฟลักซ์มาพร้อมดีไซน์กราฟิกสุดโดดเด่นที่จะเติมเต็มหน้าจอด้วยสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละวินาที ส่วนหน้าปัดนาฬิกาสะท้อนแสงนั้นมาพร้อมหน้าปัดที่เปล่งประกายโดดเด่นซึ่งจะค่อยๆ ตอบรับกับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ โดยเป็นหน้าปัดที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ที่มีความแวววาวขั้นสุด
หน้าปัดนาฬิกาสะท้อนแสงใหม่มาพร้อมหน้าปัดที่เปล่งประกายโดดเด่นซึ่งจะค่อยๆ ตอบรับกับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ โดยเป็นหน้าปัดที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ที่มีความแวววาวขั้นสุด
การชาร์จที่เร็วขึ้น
ฝาหลังโลหะแบบใหม่ของ Apple Watch Series 10 มาพร้อมขดลวดสำหรับการชาร์จที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ Series 10 เป็น Apple Watch ที่ชาร์จเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และทำให้การใช้งานตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย การชาร์จ 15 นาทีช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน หรือชาร์จ 8 นาทีเพื่อติดตามการติดตามการนอนหลับได้สูงสุด 8 ชั่วโมง และการชาร์จเร็วยังทำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้สูงสุด 80% ในเวลาประมาณ 30 นาทีอีกด้วย
การวัดความลึกและอุณหภูมิสำหรับกิจกรรมทางน้ำและแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่
Apple Watch เหมาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำและรอบๆ แหล่งน้ำด้วยดีไซน์กันน้ำขณะว่ายน้ำที่มีความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร การตรวจจับท่าว่ายน้ำอัตโนมัติ การนับรอบ และวันนี้ watchOS 11 ยังมาพร้อมการออกกำลังกายแบบกำหนดเองสำหรับการว่ายน้ำในสระอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัววัดความลึกและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำใหม่ที่ทำให้ Apple Watch Series 10 เป็นคู่หูที่ลงตัวยิ่งขึ้นเมื่อผู้ใช้พร้อมลุยกิจกรรมทางน้ำ
ตัววัดความลึก เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ แอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่ทำให้ Apple Watch Series 10 เป็นคู่หูที่ลงตัวยิ่งขึ้นเมื่อผู้ใช้พร้อมลุยกิจกรรมทางน้ำ
ตัววัดความลึกใหม่สามารถวัดใต้ผิวน้ำได้ลึกถึง 6 เมตร จึงเหมาะสำหรับดำน้ำสนอร์เกิลและดำน้ำตื้น หรือจะใส่ว่ายเล่นในสระ ทะเลสาบ หรือทะเลก็ทำได้ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำใหม่ยังสามารถวัดอุณหภูมิน้ำได้ทันทีที่ Apple Watch อยู่ใต้ผิวน้ำ ส่วนแอปความลึกในตัวก็สามารถอ่านได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ใต้น้ำ โดยจะแสดงเวลา ความลึกปัจจุบัน อุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และความลึกสูงสุด รวมถึงมีตัวเลือกให้เปิดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อ Apple Watch อยู่ใต้ผิวน้ำ และตัวชี้วัดการออกกำลังกายยังแสดงอุณหภูมิของน้ำระหว่างการว่ายน้ำออกกำลังกายในสระและแหล่งน้ำเปิดได้อีกด้วย
watchOS 11 มาพร้อมแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้วางแผนและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมในแหล่งน้ำเปิด และรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถดูการคาดการณ์ระดับน้ำขึ้นน้ำลงของชายฝั่งและจุดเล่นเซิร์ฟทั่วโลกได้ต่อเนื่องถึง 7 วัน ซึ่งรวมถึงข้อมูลน้ำขึ้นและน้ำลงเต็มที่ ช่วงน้ำขึ้นและน้ำลง ระดับความสูงและทิศทางของน้ำขึ้นน้ำลง ตลอดจนช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะมีการแสดงเทียบกับไทม์ไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถดูชายหาดใกล้ๆ ตำแหน่งของตนบนแผนที่ได้อย่างสะดวก และกลไกหน้าปัดใหม่จะแสดงข้อมูลระดับน้ำขึ้นน้ำลง ณ สถานที่โปรดหรือชายหาดที่ใกล้ที่สุดให้มองเห็นได้ง่ายๆ เพียงแค่เหลือบมอง
แอป Oceanic+ สามารถใช้งานบน Apple Watch Series 10 ได้แล้ว และยังมาพร้อมคุณสมบัติใหม่สำหรับการดำน้ำสนอร์เกิล1 โดยแอปนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Huish Outdoors ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาจุดดำน้ำสนอร์เกิลยอดนิยมที่อยู่ใกล้ๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงดูข้อมูลสภาพแวดล้อมที่จัดทำโดยชุมชนนักดำน้ำสนอร์เกิลได้ด้วย และในขณะที่กำลังดำน้ำสนอร์เกิล ก็สามารถดูความลึก อุณหภูมิของน้ำ และอีกมากมายได้ในหน้าจอเดียว
แอป Oceanic+ สามารถใช้งานบน Apple Watch Series 10 ได้แล้ว และยังมาพร้อมคุณสมบัติใหม่สำหรับการดำน้ำสนอร์เกิล
การเล่นเสียงผ่านลำโพงและการแยกเสียงสำหรับการโทร
วันนี้ ลำโพงในตัวของ Apple Watch Series 10 สามารถเล่นเสียงได้แล้ว โดยผู้ใช้สามารถฟังเสียงจากแอปต่างๆ มากมาย เช่น Apple Music, Apple Podcasts, Apple Books และแอปของบริษัทอื่นๆ จาก Apple Watch ได้เลยเช่นเดียวกับการโทรเข้าออก
Apple Watch Series 10 ยังใช้โครงข่ายประสาทสำหรับแยกเสียงใหม่ที่ทำงานบน Neural Engine แบบ 4-core เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้างในขณะคุยโทรศัพท์หรือโทร FaceTime แบบเสียง ดังนั้นปลายสายจึงได้ยินเสียงของผู้ใช้ที่ใสและคมชัด แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น ร้านอาหารที่คนแน่นร้าน ถนนในเมือง หรืออยู่กลางแจ้งในวันที่ลมแรง
ผิวสัมผัสอะลูมิเนียมและไทเทเนียมขัดเงาใหม่สุดเรียบหรู
นับเป็นครั้งแรกที่ Apple Watch มาในผิวสัมผัสอะลูมิเนียมแบบขัดเงาในสีดำเจ็ทแบล็คที่ทั้งแวววาวและเปล่งประกายเงางาม ซึ่งการจะทำให้แวววาวได้ขนาดนี้ ตัวเรือนอะลูมิเนียมต้องได้รับการขัดเงาด้วยอนุภาคขนาดนาโน ต่อด้วยกระบวนการชุบผิวถึง 30 ขั้นตอน Apple Watch Series 10 ยังมาในแบบอะลูมิเนียมสีโรสโกลด์ใหม่และแบบอะลูมิเนียมปัดเงาสีเงินยอดนิยมด้วย
นอกจากนี้ Apple Watch Series 10 ยังมีให้เลือกในแบบไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศพร้อมผิวสัมผัสแบบขัดเงา ซึ่งมาแทนที่วัสดุสแตนเลสสตีลที่ใช้ในรุ่นก่อน โดยตัวเรือนใหม่นั้นทำมาจากไทเทเนียมเกรด 5 ที่มีผิวสัมผัสสะท้อนแสงแวววาวราวกับอัญมณี และมีน้ำหนักเบากว่า Apple Watch Series 9 ตัวเรือนสแตนเลสสตีลเกือบ 20% ตัวเรือนไทเทเนียมมาในสามสีสุดโดดเด่น ได้แก่ สีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลท
เมื่อปีที่แล้ว Apple Watch ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพราะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากแหล่งที่ใหญ่ที่สุดทั้ง 3 แหล่งได้เป็นอย่างมาก ซึ่งได้แก่ วัสดุ ไฟฟ้า และการขนส่ง รวมถึงใช้คาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงจากโครงการที่เน้นเรื่องธรรมชาติเพื่อชดเชยการปล่อยส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย ซึ่ง Apple Watch Series 10 นั้นเปิดตัวมาพร้อมตัวเรือนที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% หรือไทเทเนียมรีไซเคิล 95% วันนี้ลูกค้าจึงสามารถเลือก Apple Watch ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในทุกวัสดุ และนี่ถือเป็นก้าวสำคัญสู่ Apple 2030 ซึ่งเป็นแผนการอันมุ่งมั่นของ Apple ในการทำให้คาร์บอนฟุตพริ้นต์ทั้งหมดของเรามีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030
พบกับ watchOS 11
นอกจากแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่แล้ว Apple Watch Series 10 ยังมาพร้อมข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพและฟิตเนสที่ทรงพลัง รวมทั้งการปรับแต่งอันชาญฉลาดที่มาพร้อม watchOS 11 ซึ่งรวมถึง
- แอปสัญญาณชีพใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ดูตัวชี้วัดหลักๆ ด้านสุขภาพในตอนกลางคืนได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจบริบทด้านสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น เมื่อมีตัวชี้วัดหลายตัวอยู่นอกช่วงปกติ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนพร้อมข้อความแสดงรายละเอียดว่าการเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดดังกล่าวนั้นอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ ในชีวิตอย่างไรบ้าง เช่น ระดับความสูงที่เปลี่ยนแปลงไป การบริโภคแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ความเจ็บป่วย
- คุณสมบัติความหนักเบาในการฝึก เรียกได้ว่าเป็นวิธีใหม่แบบเจาะลึกในการวัดว่าความเข้มข้นและระยะเวลาในการออกกำลังกายจะส่งผลต่อร่างกายของผู้ใช้อย่างไรบ้างเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการออกกำลังกายของตัวเองในแต่ละวัน
- วงแหวนกิจกรรมที่ปรับแต่งได้มากกว่าที่เคยช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดเป้าหมายของวงแหวนกิจกรรมตามวันในสัปดาห์ เพื่อรับแรงจูงใจในปริมาณที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสม ผู้ใช้ยังสามารถหยุดวงแหวนของตนได้เป็นเวลาหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือมากกว่านั้น โดยไม่กระทบต่อรางวัลสถิติต่อเนื่อง เพื่อวางแผนวันพักผ่อน ดูแลอาการบาดเจ็บ หรือเพียงแค่หยุดพักสักวัน
watchOS 11 ยังมีวิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว, หน้าปัดนาฬิการูปภาพที่ออกแบบใหม่ที่ใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อช่วยผู้ใช้เลือกและจัดองค์ประกอบภาพที่ดีที่สุด, แอปแปลภาษาและเช็คอินบน Apple Watch, ความสามารถในการเลื่อนดูแอปใดๆ ก็ได้ด้วยคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”, สรุปการแจ้งเตือนที่ขับเคลื่อนโดย Apple Intelligence2 และอื่นๆ อีกมากมาย
ผลิตภัณฑ์ตระกูลนี้
- Apple Watch Series 10 มีให้เลือกทั้งขนาด 42 มม. และ 46 มม. ในตัวเรือนอะลูมิเนียมสีดำเจ็ทแบล็คใหม่ สีโรสโกลด์ใหม่ และสีเงิน ตลอดจนตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ที่มาในสีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลท
- Apple Watch Series 10 ทุกตัวเรือนที่จับคู่กับสายแบบ Sport Loop, Braided Solo Loop หรือ Milanese Loop ใหม่จะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน
- Apple Watch Hermès มีให้เลือกทั้งขนาด 42 มม. และ 46 มม. ในแบบไทเทเนียมเงินที่ออกแบบมาให้เข้ากับสแตนเลสสตีลที่ใช้ในรุ่นก่อน
สาย
สายแบบ Milanese Loop และ Link Bracelet ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยสีที่เข้ากันอย่างลงตัวกับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ของ Apple Watch Series 10
สายแบบ Milanese Loop ได้รับการอัปเดตใหม่เข้ากับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ของ Apple Watch Series 10 อย่างลงตัว
สาย Hermès คอลเลกชั่นใหม่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านสิ่งทอและงานฝีมือสุดประณีต สายแบบ Torsade เป็นสายถักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโซ่สมอเรือ โดยมีให้เลือกทั้งแบบ Simple Tour และ Double Tour ในสามสีสุดโดดเด่น สายแบบ Twill Jump Attelage เป็นสายแบบ Simple Tour ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เพรียวบางและประณีต มาพร้อมขอบสีที่ตัดกันและสัมผัสที่เรียบลื่น สายแบบ Grand H ซึ่งเป็นสายโลหะรุ่นแรกของ Hermès สำหรับ Apple Watch เกิดจากการนำข้อต่อสแตนเลสสตีลผิวสัมผัสแบบซาตินมาเรียงร้อยกัน โดยมาพร้อมข้อต่อรูปตัว “H” สองตัว ข้อต่อที่สามารถถอดออกเพื่อปรับขนาดได้ และตัวล็อครูปปีกผีเสื้อคู่ในแบบดั้งเดิม
สาย Nike Sport Loop และ Nike Sport Band ก็มาในสีสันใหม่สุดโดดเด่นเช่นกัน
สาย Nike Sport Loop และ Nike Sport Band มีให้เลือกในสีสันใหม่สุดโดดเด่น
ราคาและการวางจำหน่าย
- ลูกค้าในออสเตรเลีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา รวมถึงอีก 49 ประเทศและภูมิภาคสามารถสั่งซื้อ Apple Watch SE ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ และจะวางจำหน่ายในร้านเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 กันยายน สำหรับ Apple Watch Series 10 จะเปิดให้สั่งซื้อเร็วๆ นี้
- Apple Watch Series 10 ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท
- Apple Watch SE วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 7,900 บาท
- สาย Apple Watch ใหม่พร้อมให้สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ทาง apple.com/th/store และในแอป Apple Store โดยจะวางจำหน่ายในร้านเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 กันยายน
- watchOS 11 จะพร้อมให้ใช้งานสำหรับ Apple Watch Series 6 หรือใหม่กว่าในวันจันทร์ที่ 16 กันยายน และต้องใช้กับ iPhone Xs หรือใหม่กว่าที่ใช้งาน iOS 18 คุณสมบัติบางประเภทอาจใช้ไม่ได้ในอุปกรณ์บางเครื่องและในบางภูมิภาค
- สาย Apple Watch รุ่นเก่า รวมถึงขนาด 41 มม. และ 45 มม. สามารถใช้ร่วมกับตัวเรือน 42 มม. และ 46 มม. โดยสาย 42 มม. และ 46 มม. ทุกสายสามารถใช้ร่วมกับ Apple Watch รุ่นเก่าได้
- AppleCare+ สำหรับ Apple Watch มอบบริการและความช่วยเหลือในแบบที่ยากจะหาใครเทียบได้ ซึ่งรวมถึงความคุ้มครองด้านความเสียหายจากอุบัติเหตุแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ความคุ้มครองการให้บริการด้านแบตเตอรี่ และสิทธิพิเศษในการรับบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคจากผู้ที่รู้จัก Apple Watch ดีที่สุด
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple 2030 ได้ที่ apple.com/2030
เกี่ยวกับ Apple Apple ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีส่วนบุคคลด้วยการเปิดตัว Macintosh สู่ท้องตลาดตั้งแต่ปี 1984 วันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac, AirPods, Apple Watch และ Apple Vision Pro แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ทั้ง 6 แพลตฟอร์มของ Apple ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS, watchOS, visionOS และ tvOS มอบประสบการณ์การใช้งานอย่างต่อเนื่องบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ทั้งหมด พร้อมเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้คนด้วยบริการที่ก้าวล้ำอย่าง App Store, Apple Music, Apple Pay, iCloud และ Apple TV+ และพนักงานของ Apple มากกว่า 150,000 คน ต่างก็ทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้โลกใบนี้ดียิ่งขึ้นในทุกวัน
- การใช้ Oceanic+ ต้องสมัครสมาชิกก่อน สามารถดาวน์โหลด Oceanic+ ได้จาก App Store
- Apple Intelligence จะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรี และคุณสมบัติชุดแรกของ Apple Intelligence จะพร้อมให้ใช้งานในรุ่นเบต้าในเดือนหน้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ macOS Sequoia 15.1 ขณะที่อีกหลายคุณสมบัติจะพร้อมให้ใช้งานในเดือนต่อๆ ไป และจะสามารถใช้งานได้บน iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max, iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max รวมถึง iPad และ Mac พร้อมชิป M1 และใหม่กว่าที่ตั้งค่าภาษาของอุปกรณ์และ Siri เป็นภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ส่วนภาษาและแพลตฟอร์มอื่นๆ จะทยอยเปิดให้ใช้งานในปีหน้า