หลังจากที่ realme แบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่มาแรงได้เปิดตัว realme C1 และ C1 2019 ในบ้านเราไปเมื่อปลายปี 2018 และต้นปี 2019 ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี ด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นสเปกครบครัน ราคาคุ้มค่า
ล่าสุดได้เปิดตัว realme C2 รุ่นภาคต่อที่มาพร้อมสโลแกนที่สุดของความคุ้มค่า กับการเป็น King of entry level โดยอัปเกรดทั้งสเปก และดีไซน์ออกมาแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาดูรีวิวกันดีกว่าว่าดีไซน์ และสเปกของสมาร์ทโฟนดังกล่าวจะมีการอัปเกรดอย่างไร
อุปกรณ์ในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ฟของ realme C2 เป็นกล่องกระดาษแข็งมาพร้อมโทนสีแบบทูโทน โดยฝากล่องเป็นสีเหลือง ส่วนตัวกล่องสีเทา ด้านหน้ากล่องและด้านข้างมีชื่อรุ่นขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนด้านหลังมีรายละเอียดรหัสรุ่นพร้อมชื่อสี, หน่วยความจำ RAM+ROM และรายละเอียดต่างๆ
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ / ใบรับประกันสินค้า
- เข็มจิ้มสำหรับเปิดถาดซิมการ์ด
- อแดปเตอร์ชาร์จ 5V/2A
- สายดาต้าลิงค์แบบ microUSB
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง realme C2 มีดีไซน์เรียบหรู ด้านหน้ามาพร้อมจอไร้ขอบพร้อมรอยบากทรงหยดน้ำ Dewdrop Display แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1560 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 และมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 89.35% ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D
รวมทั้งมีการเพิ่มวัสดุ APCF ช่วยให้หน้าจอสว่างกว่าเดิม และสามารถดูได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อดูภายใต้แสงอาทิตย์สว่างๆ นอกจากนี้ยังใช้พลังงานน้อยลงภายใต้ความสว่างหน้าจอเดียวกัน
พลิกมาด้านหลังเครื่องมาในดีไซน์เหลี่ยมเพชร “Diamond Cut” ที่มาจากเทคโนโลยีเลเซอร์คัตติ้ง พร้อมทั้งการเพ้น 3 ชั้นและใส่ผงไข่มุกลงไป เพิ่มความหรูหรามีระดับมากยิ่งขึ้น มีให้เลือก 2 สีคือ Diamond Blue และ Diamond Black ซึ่งสีที่ได้มารีวิวคือสี Diamond Black
โดยมุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้องคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ในแนวนอน และมีโลโก้ realme อยู่มุมซ้ายด้านล่าง
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอก 1 ช่อง กับปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนไม่มีช่องหรือปุ่มกดใดๆ
ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต microUSB 2.0 และช่องลำโพงเสียง
สเปก realme C2
ขนาด | 154.3×73.7×8.5 มม. |
น้ำหนัก | 166 กรัม |
หน้าจอ | Dewdrop Display แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1560 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 และมีสัดส่วนระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องที่ 89.35% และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง 2.5D |
หน่วยประมวลผล | Octa Core ความเร็ว 2.0GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Helio P22 SoC, หน่วยประมวลผลกราฟิก IMG PowerVR GE8320 |
RAM | 3GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 32GB |
microSD Card | สูงสุด 256GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.12μm พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beautification และ Bokeh Effect ส่วนกล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 13 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED โดยมีขนาดรูรับแสง f/1.7 รองรับโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วย Bokeh Effect และฟีเจอร์ ChromaBoost สำหรับถ่ายภาพแบบ HDR |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Color OS 6 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot, Bluetooth 4.2, microUSB 2.0, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | 4G LTE 850/900/1800/2100/2300/2500/2600 MHz และ 3G 850/900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4000mAh |
ราคา | 3,999 บาท |
คุณสมบัติการใช้งาน
realme C2 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 ซึ่งทำงานบนพื้นฐาน Android 9 Pie ที่มีอินเทอร์เฟสใหม่ที่เหมาะกับสมาร์ทโฟนจอ Full Screen โดยเน้นควบคุมการใช้งานผ่านหน้าจอแสดงผลทั้งหมด เริ่มจากตัว Launcher ที่มี App Drawer มาให้แล้ว สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชั่นทั้งหมด ด้วยการปัดนิ้วขึ้นจากไอคอนทางลัดบนหน้าจอโฮม
ในส่วนของหน้าจอหลักนั้น ถ้าปัดจากด้านซ้ายเข้ามาจะเป็นหน้า Smart Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับใข้งานฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อยโดยการแตะครั้งเดียว และดูข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว และถ้าปัดจากขอบจอด้านขวาเข้ามาจะเป็นแถบ Smart Bar ที่แสดงเครื่องการจับภาพหน้าจอ และทางลัดเข้าสู่แอปพลิเคชั่นที่ใชงานบ่อยๆ
รวมทั้งสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้โดยกดค้างที่ตรงกลางของหน้าจอ
ถ้าไม่ขอบธีมและภาพพื้นหลังของเครื่อง สามารถดาวน์โหลดได้ที่แอป realme Theme Stroe
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับการใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา
มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี
คุณสมบัติอื่นๆ ก็มีมาให้อย่างครบถ้วน
ด้านการถ่ายภาพ
realme C2 มาพร้อมกล้องหลังคู่ AI Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED โดยกล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 กล้องรองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ชัดลึก รูรับแสง f/2.4 ซูมดิจิทัล 4 เท่า และระบบออโต้โฟกัส
สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Protrait พร้อมเอฟเฟค Bokeh, โหมดวิดีโอ, โหมด Panorama, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมด Time-Lapse และโหมด Slow-motion
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4160 x 3120 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS
และด้านบนมีแถบเมนูเปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, เปิดปิดโหมด HDR, เปิดปิดโหมด Chroma Boost หรือการเพิ่มสี, เลือกฟิลเตอร์ และตั้งค่าการใช้งานกล้องต่างๆ
ตั้งค่าปิดโหมด Chrome Boost
ตั้งค่าเปิดโหมด Chrome Boost
ทดสอบภาพจากกล้องหลัง realme C2
ภาพกลางแจ้ง
ภาพในร่ม
ภาพบุคคล (โหมดปกติ)
ภาพบุคคล (โหมด Portrait)
เปิดโหมดเร่งสี Chrome Boost
แม้จะไม่มีโหมดกลางคืนมาให้ แต่กล้องหลังคู่ของ realme C2 ก็ถ่ายออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.12μm สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมดวิดีโอ, โหมด Panorama และโหมด Time-Lapse พร้อมแสดงไอคอนเมนูทั้งการเปิดปิดไฟแฟลช, ฟังก์ชัน HDR และฟีลเตอร์ ที่ด้านบนสำหรับใช้งานได้ทันที
รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี AI Beautification ที่สามารถวิเคราะห์ใบหน้าผู้ใช้งานให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ โดยสามารถปรับโครงหน้าได้อย่างอิสระ และรองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าเพียงแค่ 0.3 วินาที จาก AI ที่จับจุดบนใบหน้าได้ถึง 128 จุด
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1944 x 2592 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
ทดสอบภาพจากกล้องหน้า realme C2
เซลฟี่โหมดปกติ
เซลฟี่โหมด Portrait
ประสิทธิภาพ
realme C2 ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.0GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Helio P22 SoC, หน่วยประมวลผลกราฟิก IMG PowerVR GE8320, RAM 2GB/3GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 16GB/32GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า ใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV และ PUBG Mobile ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้แต่อาจจะไม่ไหลลื่นเท่าเครื่องที่มีสเปกสูงกว่า โดยรวมแล้วก็พอเล่นได้
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop Up ต่างๆ ขณะที่กำลังเล่นเกม และล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้
โดยใน Game Space ยังมี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ realme C2 ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ realme C2 ผ่านแอป GeekBench
แบตเตอรี่
realme C2 ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh ซึ่งน้อยกว่ารุ่นแรกที่มีความจุ 4,320 mAh แต่ด้วยเทคโนโลยี CorePilot จาก Mediatek พร้อมซิปเซ็ทขนาดจิ๋วเพียง 12nm ช่วยประหยัดพลังงาน และปรับสมดุลของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อยครั้ง
เท่าที่ลองทดสอบใช้งานทั่วไป เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้เกือบ 1 วันเต็มๆ ส่วนการชาร์จนั้นรองรับการชาร์จ 5V/2A
บทสรุป
realme C2 สมาร์ทโฟนระดับ Entry ที่มาพร้อมดีไซน์ฝาหลังเหลี่ยมเพชร “Diamond Cut” ที่เป็นเอกลักษณ์ สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น บวกกับสเปกที่จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า realme C1 และด้วยวัสดุ APCF ช่วยให้หน้าจอสว่างกว่าเดิม ใช้งานกลางแจ้งเห็นชัดเจนมากขึ้นด้วย
รวมทั้งติดตั้งกล้องหลังคู่ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI และฟีเจอร์ Chromaฺ Boost ที่ทำให้ภาพมีสีสันโดดเด่น ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด AI Beauty และโหมด Bokeh ที่ถ่ายเซลฟี่สวยไม่แพ้สมาร์ทโฟนระดับกลาง
นอกจากนี้ยังใช้ชิปเซ็ท MediaTek Helio P22 ขนาดจิ๋วเพียง 12nm ช่วยประหยัดพลังงาน และปรับสมดุลของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การชาร์จบ่อยครั้งในหนึ่งวันเป็นเพียงแค่อดีต และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6 เวอร์ชั่นล่าสุดมาตั้งแต่แกะกล่องอีกด้วย
โดยรวมแล้วถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก สเปกดี ในราคาที่คุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน ทั้งนี้ realme C2 มีให้เลือก 2 สีคือ Diamond Black และ Diamond Blue ในราคาเพียง 3,999 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้เป็นต้นไปที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ