รีวิว OPPO Reno4 ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ ครบจบในเครื่องเดียว

โดย K.ibelieveit
0 ความเห็น 13.5K views

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว OPPO ได้เปิดตัว OPPO Reno Series สมาร์ตโฟนซีรี่ส์ที่สานต่อความตั้งใจของ OPPO ในการนำเสนอนวัตกรรมกล้องบนสมาร์ตโฟน ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ จากรุ่นแรกจนมาถึงรุ่นล่าสุดอย่าง OPPO Reno4 ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราไป

ซึ่งครั้งนี้ก็ได้รวมเอาทั้งนวัตกรรมใหม่และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เพื่อสะท้อนการเป็นผู้นำเทรนด์ยุคใหม่ มาผสานรวมกันอย่างลงตัว ภายใต้สโลแกน “Clearly the best you” หรือ “ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ” แน่นอนว่าจุดเด่นหลักของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้คือ กล้องที่จัดเต็ม รวมถึงยังมาพร้อมดีไซน์ใหม่ และสเปกอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ากล้องของ OPPO Reno4 จะถ่ายรูปสวยแค่ไหน ไปติดตามรีวิวกันเลยครับ

สเปคเบื้องต้น  OPPO Reno4

ขนาด 160.3 x 73.9 x 7.7  มิลลิเมตร
น้ำหนัก 165 กรัม
หน้าจอ Dual Punch Hole Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (409 ppi) ขนาด 6.4 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 6 ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 90.7%
หน่วยประมวลผล Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 720G, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620
RAM 8GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB
microSD Card สูงสุด 256GB
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วย
– กล้องหลัก High-Definition Main Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.7
– กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
– กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
– กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้าคู่ Dual Punch-hole Camera โดยกล้องหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX616 รูรับแสง f/2.4 และกล้องรอง AI-enhanced Smart Sensor
ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Color OS 7.2
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB Type-C reversible connector, USB On-The-Go
รองรับระบบ 4G LTE 850/900/1800/2100/2300/2500/2600 MHz และ 3G 850/900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย)
แบตเตอรี่ 4015 mAh พร้อมเทคโนโลยี 30W VOOC Flash Charge 4.0 (สามารถชาร์จถึงระดับ 50% ในเวลา 20 นาที)
ราคา 11,990 บาท

PACKAGING & ACCESSORIES

กล่องแพ็คเกจจิ้งของ OPPO Reno4 เป็นกล่องกระดาษแข็ง 2 ชั้น โดยชั้นแรกมีสีเขียวเข้มพร้อมลวดลายบนกล่อง หน้ากล่องสลักชื่อรุ่น Reno4 สีเงินขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยมีโลโก้ OPPO อยู่มุมซ้ายด้านบน และขนาดหน่วยความจำ RAM 8GB/128GB อยู่มุมขวา ขณะที่ชั้นที่ 2 เป็นกล่องสีขาว

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย

  1. ตัวเครื่อง OPPO Reno4
  2. อแดปเตอร์ชาร์จ 30W VOOC flash charge 4.0
  3. สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C
  4. ชุดหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม.
  5. เข็มจิ้มสำหรับเปิดถาดซิมการ์ด
  6. เคสซิลิโคนแบบใส
  7. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ / ใบรับประกันสินค้า

อแดปเตอร์ชาร์จ 30W VOOC flash charge 4.0 ที่สามารถชาร์จเพียง 20 นาที ได้แบต 50% และชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ได ้ภายใน 57 นาที

รูปลักษณ์ดีไซน์

OPPO Reno4 มาในดีไซน์แบบ Ultra Slim Body ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 7.7 มม. และน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถถือไว้เป็นเวลานานได้โดยไม่รู้สึกเมื่อยมือ พร้อมพื้นผิวของฝาหลังใหม่ที่ให้คุณสัมผัสถึงความหรูหรา เรียบง่าย และกระชับมือขณะถือสมาร์ตโฟน

โดยมีให้เลือก 2 สีคือ Galactic Blue (สีที่นำมารีวิว) ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษที่เรียกว่า “Reno Glow” โดยเทคนิคนี้ถูกมาน้มาใช้ใน OPPO Reno4 เป็นครั้งแรก ด้วยการเคลือบสีแบบด้านพร้อมประกายบนฝาหลังให้ความรู้สึกสดใส และโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

กับสีดำ Space Black แสดงถึงความลึกลับในอวกาศที่มืดมิด แม้ว่า Space Black จะมีสีดำเข้ม แต่จะดูโปร่งแสงเมื่อมีแสงสะท้อน ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา นอกจากนี้ด้่นล่างของฝาหลังยังแสดงลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัว O และตัว P จากชื่อแบรนด์ OPPO ที่เรียกว่า “OPPO Monogram” ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น

ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และด้วยดีไซน์หน้าจอแบบ Dual Punch-hole Display จึงทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 90.7% ไม่ว่าจะรับชมคอนเทนต์ไหน ก็มองได้กว้าง คมชัดเต็มตา

พลิกมาด้านหลังเครื่อง ติดตั้งกล้อง 4 ตัว Quad Camera ในดีไซน์บบ Trendy Camera ความละเอียด 48MP+8MP+2MP+2MP พร้อมไฟแฟลช LED วางเรียงในแนวตั้งอยู่มุมซ้ายด้านบน และมีโลโก้ OPPO อยู่มุมขวาด้านล่าง

ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอก 1 ช่องแบบ microSD Card รองรับสูงสุด 256GB กับปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง

ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง

ด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียง

ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง

คุณสมบัติการใช้งาน

OPPO Reno4 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 ที่มีการปรับดีไซน์หน้าตา UI ใหม่ให้ดูเรียบขึ้น สีสันของหน้าจอและไอคอนต่างๆ จะดูสบายตากว่าเดิม แถมยังสามารถปรับแต่งขนาดของไอคอนได้ตามใจชอบด้วย 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมวอลเปเปอร์ใหม่ทางด้านศิลปะกว่า 30 ภาพ ซึ่งเป็นการออกบแบบของนักออกแบบส่วนหนึ่งใน “Artrist Wallpaper Project” โดยเป็นการร่วมมือกับศิลปินที่มีความสามารถกว่า 15 คนทั่วโลก เช่น TOM Hegen และ Ian Fisher โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดวอลล์เปเปอร์เหล่านี้ได้ฟรีจากร้านธีมของ OPPO

รวมถึงยังมี Gravity Wallpaper ที่สามารถหมุนตามทิศทาง แรงโน้มถ่วงของสมาร์ตโฟนของผู้ใช้ ซึ่งจะสร้างเอฟเฟกต์แบบไดนามิก โดยวอลเปเปอร์นี้ ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ OPPO Reno4 เพื่อโชว์บุคลิกภาพของผู้ใช้ และแสดงถึงความ สร้างสรรค์ด้วยเทรนด์ใหม่ๆในแบบของคุณ

ColorOS 7.2 ยังมอบฟังกชั่น์ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน OPPO Reno4 ให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเมื่อเปิดใช้งาน “Icon Pull-down Gesture” ไอคอนแอปพลิเคชันใน OPPO Reno4 จะเลื่อนลงไปที่ข้างล่างของหน้าจอ ซึ่งไม่ไกลจากนิ้วโป้ง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างง่ายด้วยมือเดียวบนหน้าจอขนาดใหญ่ ไอคอน Pull-down Gesture ยังสามารถเปิดใช้งานได้โดยเลื่อนขึ้นบนขอบซ้ายหรือขวาของ home screen

รวมถึงมี Always-on Dark Mode ฟีเจอร์ที่สามารถใช้โหมดกลางคืนได้ตลอดทั้งวัน เพื่อให้ใช้งานได้สบายตาขึ้น และไม่ทำให้ตาล้าจากการใช้งานในที่แสงน้อย โดย Always-on Dark Mode ใน ColorOS 7.2 ยังสามารถใช้งานกับแอปอื่นๆ ได้ด้วย นอกจากนี้การเปิดโหมดดังกล่าวยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ถึง 38% เลยทีเดียว

ถ้าแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะเป็นหน้าจอแจ้งเตือน Notifications และถ้าเลื่อนจากใต้หน้าจอขึ้นมาจะเป็นหน้าสำหรับเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งอินเทอร์เน็ต, WiFi รวมทั้งปรับความสว่าง มีฟังก์ชันถนอมสายตา (Eye protection) เป็นต้น และตั้งค่าใช้งานต่างๆ โดยสามารถเลือกเปลี่ยนไอคอนเพิ่มเติมได้

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับ Full Net Com 4.0 ใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม รวมถึงรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังบนหน้าจอแบบออปติคอล Hidden Fingerprint Unlock 3.0 สามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคได้ไวกว่าเดิม 11.3% โดยตัวเซ็นเซอร์จะอยู่ที่ใต้หน้าจอด้านล่าง รองรับการตั้งค่าได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ โดยก่อนใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือพร้องตั้งรหัสแบบ PIN หรือแบบอื่นๆ ก่อน

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น สามารถใช้งานด้วยการปัดหน้าจอขึ้น เพื่อเรียกการทำงานของกล้องหน้าให้ขึ้นมาปลดล็อค แล้วมองไปที่กล้องหน้าจอก็จะปลดล็อค อาจใช้เวลามากกว่าการสแกนด้วยนิ้วเล็กน้อย

รองรับเทคโนโลยี OPPO Screen Image Engine (OSIE) ที่มาช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพและเอฟเฟกต์ภาพให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความอิ่มตัวของสีความคมชัดของภาพและลด noise ในแอพจากภายนอก เช่น Instagram, TikTok, Vmate, Vigo และ Likee

รองรับระบบเสียง Dolby Atmos โดยสามารถปรับการเล่นเสียงได้ทั้งหมด 4 รูปแบบได้แก่ Smart สำหรับปรับแต่งเสียงเอฟเฟกต์ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่แบบอัตโนมัติ, Movie สำหรับปรับเอฟเฟกต์เสียงแบบรอบทิศทาง และขยายเสียงเบสให้มีความกระหึ่มมากยิ่งขึ้น, Gaming สำหรับปรับเสียงเอฟเฟกต์โดยเน้นเสียงเบสเป็นหลัก และ Music สำหรับปรับเอฟเฟกต์เสียงให้เหมาะสมแก่การฟังเพลง ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง

นอกจากนี้ OPPO Reno4 ยังมาพร้อม OPPO LAB แอปพลิเคชั่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งในบน Color OS 7.2 สำหรับทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังถูกทดสอบก่อนใคร ซึ่งตอนนี้มีให้เลือก 2 ฟังก์ชั่นใหม่คือ
  • Lab Ringtone ฟีเจอร์สำหรับปรับแต่งเสียงเรียกเข้าซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งเสียงเรียกข้าที่ไม่ซ้ำใคร หรือเสียงแจ้งเตือน เพื่อแสดงถึงตัวตนของผู้ใช้ ซึ่งในตอนนี้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงเรียกเข้าส่วนบุคคลได้ทั้งหมด 10 แบบ
  • Decision Spinner เป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งรูเล็ตแห่งการตัดสินใจของตัวเอง เพื่อให้แอปพลิเคชั่นตัดสินใจแบบสุ่มให้สำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่ถูก เช่น คุณสามารถกำหนดรูเล็ตของตัวเลือกอาหาร เพื่อตัดสินใจว่า วันนี้จะกินอะไร

OPPO Relax แอปพลิเคชันใหม่ล่าสุดที่นำเสนอเพลงที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับเปิดระหว่างเข้านอน, อ่านหนังสือ หรือต้องการทำสมาธิ เป็นอย่างดี

รวมถึงรองรับ Netflix HD Streaming และการสตรีมแบบ 1080P ซึ่งผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงใน Netflix ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ หรือซีรีส์เรื่องโปรดในรูปแบบ HD

ด้านการถ่ายภาพ

กล้องหลัง 4 ตัว 48MP มอบประสบการณ์ถ่ายภาพมากถึง 4 เท่า

OPPO Reno4 มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว Quad Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก Main Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ขนาด 1/2″ และรูรับแสง f/1.7
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/4”, รูรับแสง f/2.2 แลถ่ายมุมกว้างได้ 119.9 องศา
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

หน้าตา UI ของกล้อง OPPO Reno4 มีดีไซน์ที่ดูสบายตา และใช้งานได้ง่ายเหมือนเดิม โดยแถบด้านบนจะเป็นคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าต่างๆ ประกอบด้วย เปิด-ปิด ไฟแฟลช, เปิด-ปิดโหมด HDR, เปิด-ปิด Dazzle Color, เลือกเปลี่ยนอเฟเฟกต์ต่างๆ และตั้งค่าการใช้งาน ส่วนแถบด้านล่างจะเป้นโหมดการถ่ายภาพต่างๆ

ทดสอบโหมดต่างๆ จากกล้องหลัง

โหมดปกติ

โหมด Portrait

โหมด Portrait + ฟิลเตอร์ต่างๆ

เปลี่ยนสีฉากหลัง ปรับคนให้โดดเด่นด้วย AI Color Portrait

OPPO Reno4 มาพร้อมฟีเจอร์ AI Color Portrait ที่ช่วยปรับแต่งสีในภาพเพื่อเน้นตัวบุคคลด้วยการเปลี่ยนสีฉากหลังให้เป็นสีโทนขาว-ดำ โดยฟีเจอร์นี้สามารถแสดงตัวอย่างภาพถ่ายได้แบบเรียลไทม์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรู้ได้ว่าภาที่ถ่ายออกมาจะเป็นแบบไหน

ให้พอร์ตเทรตกลางคืนที่คมชัดและสว่างด้วย Night Flare Portrait

โหมด Portrait ของ OPPO Reno4 ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Night Flare Portarit ที่ทำงานด้วยอัลกอริทึม Low Light HDR และอัลกอริทึม bokeh ที่จะปรับพื้นหลังให้มีความโปร่งใสและเบลอจุดแสงโดยอัตโนมัติ พร้อมเพิ่มสีสันของภาพให้สดมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตกลางคืนมีความคมชัด สว่างพร้อมเอฟเฟกต์ หน้าชัดหลังเบลอที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

Ultra Dark Mode คมชัดยิ่งขึ้นแม้แสงน้อย

สำหรับการถ่ายภาพในที่มืดสนิท หรือในบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยกว่า 1 ลักซ์ โหมด Ultra Dark Mode จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ OPPO Reno4 สามารถถ่ายภาพในที่มืดออกมาสว่าง และคมชัดมากขึ้น

Ultra Clear 108MP Image

OPPO Reno4 ยังสามารถถ่ายภาพด้วยความคมชัดสูงสุดถึง 108MP ด้วยอัลกอริทึมความละเอียดสูง (high resolution algorithm) ที่เน้นภาพถ่ายให ้มีความคมชัดใน retina-level ให้เก็บได้ทั้งรายละเอียด และพื้นผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นใบไม ้หรือ การถ่ายภาพอาหารในระยะใกล

ภาพที่ถ่ายด้วยโหมด XHD

ภาพจากโหมด XHD ที่นำมาขยาย

960fps AI Slow-motion

กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอสโลโมชั่น 960fps AI Slow-motion โดยทำงานด้วยอัลกอริทึมตรวจหาการเคลื่อนไหวอัจฉริยะ (intelligent motion detection algorithm) ซึ่งวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวจะถูกจับและบันทึกโดยอัตโนมัติ ผ่านอัลกอริธึม 4-fold frame interpolation ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอที่เหมือนกับการถ่ายภาพยนตร์ หรือ ถ่ายวิดีโอขณะเป่าเทียนวันเกิด ให้น่าจดจำกว่าที่เคย

สำหรับกล้องหน้า ก็สามารถถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้เช่นกัน ที่ความละเอียด HD 720p ด้วยอัตรา 240 เฟรมต่อวินาที และ Full HD 1080p ที่ 120 เฟรมต่อวินาที

Monochrome Video

Monochrome Video เป็นฟิลเตอร์ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยจะปรับสีเป็นสามสีฟิลเตอร์ที่เลือกไว้คือสีแดง Crimson, สีเขียว Forest Greenและสีฟ้า Sky Blue นอกเหนือจากสามสีนี้จะเป็นสีขาวดำ

Ultra Steady Video 3.0 ถ่ายวิดีโอได้นิ่งขึ้น และเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น 

นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่น Ultra Steady Mode 3.0 ที่ประกอบด้วยโหมดกันสั่นถึง 3 โหมดด้วยกัน ทั้งในกล้องหน้าสำหรับเหล่า Vlogger กล้องหลังแบบไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง และกล้อง Ultra Wide-angle เพื่อถ่ายวิดีโอได้นิ่งในมุมมองที่กว้างขึ้น ให้คุณสามารถเก็บทุกโมเมนต์สุดประทับใจได้อย่างง่ายดาย

ตัดต่อวิดีโอง่ายด้วยแอป SoLoop

SoLoop แอปตัดต่อวิดีโออัจฉริยะของ OPPO ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย ให้คุณสามารถสร้างวิดีโอได้ง่ายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งพร้อมให้ใช้ใน ColorOS 7.2 ที่ได้รับการอัปเดตแล้ว

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง

กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์อัจฉริยะ AI-Enhanced Smart Sensor

OPPO Reno4 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX616 พร้อมรูรับแสง f/2.4, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.7 นิ้ว

ทดสอบภาพจากกล้องหน้าเซลฟี่

โหมดปกติ

โหมด Portrait

โหมด Portrait + ฟิลเตอร์ต่างๆ

โหมด AI Color Portrait

เซนเซอร์อัจฉริยะ AI-Enhanced Smart Sensor ฟีเจอร์เพื่อการใช้งานสุดล้ำ

ตัวเล่นไฟล์วิดีโอ
 
 

OPPO Reno4 มาพร้อม AI-enhanced Smart Sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ฝังอยู่ข้างกล้องหน้าที่มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น

ตัวเล่นไฟล์วิดีโอ
 

Smart Spying Prevention ระบบรักษาความเป็นส่วนตัว โดยการปิดข้อความของการแจ้งเตือน รวมถึงหน้าต่างการแจ้งเตือนแบบเลื่อนลง และการแจ้งเตือนแบบแบนเนอร์ จะถูกซ่อนไว้ ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถอ่านข้อความแจ้งเตือนได้

Smart AirControl ควบคุมสมาร์ทโฟนแบบไร้สัมผัส ทั้งการเลื่อนหน้าจอขึ้นลงหรือรับสาย โดยสามารถเลื่อนหน้าจอได้ง่ายๆ ด้วยการโบกมือเหนือหน้าจอ

Smart Rotation หมุนหน้าจอให้สัมพันธ์กับทิศทางของผู้ใช้ โดยใช้ AI-enhanced Smart Sensor ช่วยระบุตำแหน่งใบหน้าของผู้ใช้งาน เพื่อปรับมุมมองการแสดงผลให้เหมาะสม

Smart Always-on Display ป้องกันการพักหน้าจอขณะใช้งาน ให้คุณสามารถอ่านและรับชมเนื้อหาได้อย่างต่อเนื่อง

ประสิทธิภาพ

OPPO Reno4 ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.3GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 720G, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 618 ซึ่งเมื่อเทียบกับ MTK P95 ของ OPPO Reno3 Pro ประสิทธิภาพของ CPU แบบ single-core จะเพิ่มขึ้น 46% และประสิทธิภาพของ CPU แบบ multi-core จะเพิ่มขึ้น 26% ตามผลการทดสอบของ Geekbench และประสิทธิภาพของ GPU จะเพิ่มขึ้น 40% ตามผลการทดสอบของแมนฮัตตัน

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสเปคอันทรงพลังด้วย RAM 8GB และ ROM 128GB เพื่อรองรับทุกการใช้งานของผู้ใช้ และยังเพิ่มด้วย microSD Card สูงสุด 256GB

เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า ใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV และ PUBG ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย

โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน แต่ไม่สามารถปรับกราฟิกในระดับสูงสุดได้เนื่องจากชิปเซ็ท Snapdragon 720G ถูกออกแบบม่ให้เน้นประหยัดพลังงานเพื่อรองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน 

รวมถึงมี Game Space แอปพลิเคชันที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องขณะเล่นเกม โดยเลือกปรับได้ 3 โหมดได้แก่ Competition Mode ปรับการทำงานตัวเครื่องให้อยู่ในระดับสูงสุด เพื่อช่วยให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น, Balannced Mode ปรับการทำงานตัวเครื่องให้อยู้ในระดับสมดุลทั้งประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ไหลลื่น และประหยัดพลังงาน และ Low Power ปรับการทำงานตัวเครื่องให้เน้นประหยัดแบตเตอรี่ เพื่อให้เล่นเกมได้นานขึ้น

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Brightness Lock สำหรับล็อกความสว่างของหน้าจอขณะเล่นเกม, Automatically Adjust Resolution สำหรับปรับความละเอียดของการแสดงผลแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และ Block Notifications สำหรับปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ ขณะเล่นเกม

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Reno4 ผ่านแอป Antutu

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Reno3 Proผ่านแอป GeekBench

แบตเตอรี่

OPPO Reno4 ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4,015 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ 30 VOOC Flash Charge 4.0 รองรับการชาร์จ 5V / 6A 30W ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ใน 20 นาที และชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ภายใน 57 นาที

และเมื่อใช้ร่วมกับโหมด Super Power Saving แบตเตอรี่ของ OPPO Reno4 เพียง 5% ก็เพียงพอสำหรับการแชท WhatsApp เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือโทรศัพท์มากกว่า 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ เมื่อใช้โหมด Super Nighttime Standby ทำให้มั่นใจได้ว่า แบตเตอรี่จะลดลงเพียง 2% ภายในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ใช้กำลังนอนหลับ

หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 10-12 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย 4G แบตก็อาจหมดเร็วขึ้น โดยรวมแล้วสามารถใช้งาน 1 วันได้อย่างสบายๆ และถ้าแบตเหลือน้อยลง ก็สามารถชาร์จโดยใช้เวลาไม่นาน และใช้งานได้อย่างต่อเนื่องทันที

บทสรุป

OPPO Reno4 ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในตระกูล Reno Series ที่มาพร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งในเรื่องของดีไซน์, การถ่ายภาพ และประสิทธิภาพในการใช้งาน เริ่มจากดีไซน์ในแบบ Ultra Slim Body บางและเบา ด้วยความหนา 7.7 มม. และน้ำหนักเพียง 165 กรัม ทำให้ถือจับใช้งาน และพกพาได้สะดวก รวมถึงยังมีดีไซน์เรียบหรู มีความเป็นแฟชั่นและทันสมัย ด้วยเทคนิคการสร้างฝาหลังใหม่ที่เรียกว่า “Reno Glow” ในสี Galactic Blue ทำให้ OPPO Reno4 มีฝาหลังแบบด้าน พร้อมประกายระยิบระยับสวยงาม

ด้านการถ่ายภาพติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI Color Portrait ที่ช่วยปรับแต่งสีในภาพเพื่อเน้นตัวบุคคลด้วยการเปลี่ยนสีฉากหลังให้เป็นสีโทนขาว-ดำ, Night Flare Portrait เพิ่มลูกเล่นโบเก้ให้หน้าชัดหลังเบลอแบบเป็นธรรมชาติและมีมิติมากขึ้น, การถ่ายวิดีโอแบบ 960fps AI Slow-motion คุณภาพสูง ที่ให้คุณภาพเหมือนกับถ่ายภาพยนตร์ และมีระบบกันสั่น Ultra Steady Mode 3.0 ที่ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้นิ่งเหมือนกล้อง Action Camera

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ก็ใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่แพ้กล้องหน้า ทั้ง Ultra Night Selfie Mode สำหรับถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด และ Front Sready Video ระบบกันสั่นที่นำมาใช้ในการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า เหมาะสำหรับสาย Vlogger ได้เป็นอย่างดี และยังมาพร้อม AI-Enhanced Smart Sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ฝังอยู่ข้างกล้องหน้า ซึ่งจะช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน และปกป้องความเป็นส่วนตัว

และในส่วนประสิทธิภาพก็จัดเต็ม ด้วยขุมพลังชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 720G ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 8 นาโนเมตร ส่งผลให้ตัวเครื่องใช้พลังงานน้อย และใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมด้วย RAM 8GB ROM 128GB และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,015 mAh ที่มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว อย่าง 30W VOOC Flash Charge 4.0 โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ OPPO Reno4 มีให้เลือก 2 เฉดสีคือ Galactic Blue และ Space Black ราคา 11,900 บาท โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2563 ผ่าน OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยผู้ที่สั่งจอง OPPO Reno4 ในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับฟรีของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 7,490 บาท 

OPPO Reno4 จะพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/oppothai

Facebook Comments

Related Posts