เมื่อช่วงปี 62 ที่ผ่านมา คนไทยตระหนักถึงภัยคุกคามจาก PM 2.5 จนทำให้หน้ากากอนามัย และเครื่องฟอกอากาศกลายเป็นสินค้าที่ขายดีมาก ๆ เรียกว่าแบรนด์ดังของขาดตลาดเป็นช่วง ๆ เลยทีเดียว สำหรับเครื่องฟอกอากาศจากค่าย Xiaomi ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในและต่างประเทศ เพราะด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ผสานกับราคาที่เข้าถึงง่าย ส่งผลให้เครื่องฟอกอากาศจากค่าย Xiaomi คือตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของคนที่มองหาเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี ในราคาจับต้องได้ และวันนี้ทาง IbelieveIT ได้ไปจัดมาใช้งานหนึ่งรุ่นก็คือ Mi Air Purifier 3H ที่ช่วงนี้ราคาไม่สวิง และถือว่าเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุมในราคาคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ขอเชิญอ่านรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
Xiaomi Mi Air Purifier 3H
- ประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูงขึ้นจากเดิมเป็น 380 ลบ.ม./ชม. (จากเดิม 310 ลบ.ม.)
- ควบคุมการทำงานด้วยหน้าจอสัมผัส OLED อัจฉริยะ
- ครอบคลุมพื้นที่ 45 ตารางเมตร
- สามารถอ่านและตรวจเช็คค่า PM 2.5 ได้แบบเรียลไทม์
- พัดลมภายในแบบใหม่ มีเสียงที่เบาลง แต่มีพลังมากขึ้น
- ใช้ฟิลเตอร์กรองอากาศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จาก EPA Class 12 เป็น HEPA Class 13 กรองอนุภาคขนาดเล็กได้ 99.97%
- รองรับการทำงานร่วมกับ Google Assistant และ Amazon Alexa
- ควบคุมการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน Mi Home App
ในด้านความสามารถนั้นอัปเกรดขึ้นมาพอสมควร ทั้งการรองรับ Smart Voice Assistant อย่าง Amazon Alexa และ Google Assistant™ รวมถึงความสามารถในด้านประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่ดีขึ้น รองรับขนาดพื้นที่โดยรวมได้สูงขึ้นเป็นต้น
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีเพียงคู่มือการใช้งานฉบับย่อเท่านั้น
ตัวเครื่องมาในโทนสีขาวสะอาดตา รูปทรงกะทัดรัด ในขนาด 240 x 240 x 520 มม. ทำให้สามารถจัดวางสะดวกไม่กินพื้นที่มากนัก และรองรับการใช้งานในพื้นที่ขนาด 26~45 ตร.ม. ถ้าเป็นคอนโดหรือห้องนอนขนาดเล็กถือเหมาะและลงตัวสุด ๆ
แม้ขนาดและดีไซน์ของ Mi Air purifier 3H จะคล้ายคลึงกับรุ่น 2S เกือบทุกประการ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อย่างเช่นตัวพัดลมจะเป็นแบบ “พัดลมแรงเหวี่ยงเอียงหลัง + มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน” โดยตัวใบพัดเป็นรูปทรงหอยโข่งที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมตะแกรงช่องลมขนาดใหญ่ ที่เปลี่ยนมาเป็นแบบรูปทรงสี่เหลี่ยมเต็มพื้นที่ ในขณะที่รุ่น 2S จะมีขอบเพื่อจัดวางปุ่มกดในการสั่งงาน ทำให้ในภาพรวมระบบพัดลมและการระบายอากาศของ Mi Air purifier 3H มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและกรองอากาศได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีปุ่มสำหรับปรับความสว่างของหน้าจอ และถัดลงมาคือเซนเซอร์สำหรับวัดฝุ่นในอากาศ
การถอดเปลี่ยนใส้กรอง ให้กดสลักทีด้านหลังและดึงออกมา
ตัวฝาหลังด้านในจะมีไกด์ไลน์แนะนำวิธีการเปลี่ยนใส้กรองของ Mi Air purifier 3H มาให้ด้วย
สำหรับชุดสายไฟจะจัดเก็บไว้ภายในตัวเครื่อง ถ้าแกะกล่องใช้งานครั้งแรกก็ไม่ต้องตกใจว่าหายไปไหน หรือทำไมมีมาให้แต่ตัวเครื่อง
ใส้กรองที่มากับ Mi Air purifier 3H จะเป็นรุ่น HEPA Class 13 ( True HEPA) ในรูปทรงกระบอก 360 องศา ตัวแผ่นกรองสามชั้นสามารถขจัดฝุ่น PM2.5, ฟอร์มาลดีไฮด์ และสารอันตรายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99.97 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนอกจากจะรองรับการกรองฝุ่น PM 2.5 ยังช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
คุณสมบัติของแผ่นกรอง True HEPA
- ชั้นแรกจะขจัดเส้นผม ฝุ่น เส้นใยผ้าฝ้าย และอนุภาคขนาดใหญ่อื่นๆ
- ชั้นที่สองประกอบด้วยแผ่นกรอง HEPA ระดับพรีเมียมที่ขจัดแบคทีเรีย ไวรัส ควันบุหรี่ ฝุ่น PM2.5 ละอองเกสร ฝุ่น สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ซึ่งมีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนจากอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99.97% และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกับอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอน * กรองอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.99% จากรายงานการทดสอบ WCv-20-400
- ชั้นที่สามคือตัวกรองผงถ่านกัมมันต์ที่ดูดซับก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ สารประกอบอินทรีย์ระเหย (VOCs) และก๊าซอื่นๆ ที่เป็นอันตราย
ช่องเสียบสายไฟจะอยู่ที่ด้านล่าง โดยออกแบบให้ซ่อนตัวสายไว้ด้านใน ซึ่งนอกจากจะดูโมเดิร์นแล้วยังสะดวกในการใช้งานอีกด้วย
ที่ด้านล่างจะมียางกันลื่นทั้ง 4 มุม จัดวางไว้บนพื้นผิวแบบไหนก็มั่นคงไม่มีลื่นไถลอย่างแน่นอน
Mi Air purifier 3H มาพร้อมหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัส OLED
เปิดใช้งานครั้งแรก หน้าจอแสดงผลจะแจ้งเตือนประสิทธิภาพของตัว Filter หรือไส้กรองที่เหลืออยู่ เมื่อเราใช้งานไปเรื่อย ๆ ตัวเลขก็จะลดลง ตรงนี้จะช่วยแจ้งเตือนทำให้เรารู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนใส้กรองใหม่นั่นเอง
หน้าจอแสดงผลของ Mi Air Purifier 3H จะแสดงค่า PM 2.5, อุณหภูมิ, ความชื้นในห้อง, สัญญาณ Wi-Fi และโหมดที่กำลังใช้งานอยู่ในขณะนั้น
สำหรับแสงไฟจากวงแหวนจะแสดงค่า PM 2.5 แบบเรียลไทม์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- PM2.5 < 75 ไมโครกรัม/ลบ.ม. : วงแหวนไฟเป็นสีเขียว
- 75 < PM2.5 < 150 ไมโครกรัม/ลบ.ม. : วงแหวนไฟเป็นสีส้ม
- PM2.5 > 150 ไมโครกรัม/ลบ.ม. : วงแหวนไฟเป็นสีแดง
Mi Air Purifier 3H รองรับการใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือ ซึ่งผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานผ่านปุ่มมัลติฟังก์ชั่นที่หน้าจอแสดงผล โดยจะมีโหมดให้ใช้งานด้วยกันทั้งหมด 4 โหมด ประกอบด้วย
- โหมดอัตโนมัติ ที่ตัวเครื่องจะวิเคราะห์ทุกอย่างให้เอง
- โหมดกลางคืน จะเหมาะกับการนอนหลับ โดยตัวเครื่องจะทำงานที่เน้นเรื่องความเงียบเป็นหลัก
- โหมดพัดลมที่สามารถปรับระดับความแรงได้ตามความต้องการ โดยมีระดับความแรง 1- 3 ให้เลือกใช้งาน
- โหมดรายการโปรด สำหรับโหมดนี้จะเปิดความแรงของพัดลมไว้ที่ระดับสูงสุด แต่สามารถปรับตั้งค่าได้ เมื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน
เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน เพื่อการทำงานที่ให้ความสะดวกสบายและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
Xiaomi Air Purifier 3H รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
ส่วนวิธีการเชื่อมต่อก็ไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด เริ่มแรกที่สมาร์ตโฟนให้ทำการติดตั้งแอป Mi Home และสมัครสมาชิกให้เรียบร้อย เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ จากนั้นทำการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ภายในบ้าน เปิดเครื่อง Xiaomi Air Purifier 3H เข้าไปที่แอป กดเครื่องหมาย + เพื่อทำการค้นหา Xiaomi Air Purifier 3H และทำตามขั้นตอนที่แสดงในหน้าจอบนมือถือ
เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อย ก็จะสามารถใช้งานสมาร์ตโฟนเพื่อควบคุม ตั้งค่าตัว Xiaomi Air Purifier 3H ได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้กับตัวเครื่อง, การตรวจสภาพอากาศภายในอาคาร, ตั้งเวลาเปิด/ปิด, ตั้งค่าโหมดการใช้งาน และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่าสะดวกคล่องตัวสุด ๆ เมื่อใช้งานร่วมกับแอป Mi Home แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายตรงที่ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับ Siri จึงไม่สามารถใช้งานผ่านทางคำสั่งเสียงได้นั่นเอง
สรุปการใช้งานจริง Xiaomi Mi Air Purifier 3H
ได้ลองใช้งาน Mi Air Purifier 3H ในห้องนอนขนาด 20 ตารางเมตร พบว่าเสียงรบกวนนั้นน้อยมาก ๆ แม้จะใช้งานในโหมด Auto ก็ไม่ได้ยินเสียงรบกวนแต่อย่างใด อีกทั้งตัวเครื่องยังสามารถกรองอากาศได้รวดเร็ว เพราะ Mi Air Purifier 3H ได้ทำการอัพเกรดความสามารถให้กับพัดลมและระบบระบายอากาศที่ดีขึ้นจากรุ่น 2S ถึง 22% ทำให้รู้สึกถึงความโล่ง สัมผัสความเบาของมวลอากาศภายในห้องได้อย่างชัดเจน ใครที่เป็นภูมิแพ้ คัดจมูก แสบคอบ่อย ๆ เชื่อว่าจะสามารถรับรู้ประสิทธิภาพจาก Mi Air Purifier 3H ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ตัวกรองที่แถมมาก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ครบครัน เพราะนอกจากจะกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ดีมาก ๆ ตัวกรองในรุ่น HEPA Class 13 ยังช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในห้องได้อีกด้วย สำหรับเรื่องการจัดวางก็ไม่มีปัญหา เพราะมีขนาดกะทัดรัดกินเนื้อที่ใหญ่กว่ากระดาษ A4 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และด้วยดีไซน์ที่ดูโมเดิร์นก็ยังให้ฟิลลิ่งของความเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับห้องอีกด้วย
เชื่อมต่อไร้สาย ควบคุมทุกการทำงานผ่านแอป Mi Home พร้อมรองรับสั่งการด้วยเสียง Smart Voice Assistant ทั้ง Amazon Alexa และ Google Assistant™ ฉลาดใช้งานง่าย แถมยังประหยัดไฟ เพราะตัวมอเตอร์ใช้กำลังไฟแค่ 38 วัตต์เท่านั้น โดยเมื่อเทียบการใช้งานด้วยการเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตัว Mi Air Purifier 3H ยังใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้ภายในบ้านเสียอีก ตรงนี้เป็นจุดแข็งและจุดขายของ Mi Air Purifier 3H ที่คนรักสุขภาพต้องหลงรักอย่างแน่นอน
สรุปส่งท้าย Mi Air Purifier 3H คือรุ่นที่อัพเกรดความสามารถขึ้นมาจาก Air Purifier 2S ในหลาย ๆ ด้าน จนกลายเป็นรุ่นยอดฮิตติดลมบน และของขาดตลาดเป็นช่วง ๆ ก็คงการันตีความฮอตของ Mi Air Purifier 3H ได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่าใครที่มองหาเครื่องฟอกอากาศที่ครบครัน ครบเครื่องในราคาจับต้องได้ Mi Air Purifier 3H คือตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามผ่านครับ
Xiaomi Mi Air purifier 3H เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ วางจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการ สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่
LAZADA : https://bit.ly/2NQ301q
SHOPEE : https://bit.ly/3hS5sSQ
JD CENTRAL : https://bit.ly/2Bw0TNA