รีวิว : OPPO Reno2 F ดีไซน์พรีเมี่ยม พร้อมกล้อง Rising และกล้องหลัง 4 เลนส์ ถ่ายสวยทั้ง Portrait และ Selfie

โดย K.ibelieveit
0 ความเห็น 2.7K views

หลังจากเปิดตัว OPPO Reno Series ทั้ง OPPO Reno และ OPPO Reno 10x Zoom ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุด OPPO ได้เดินหน้าต่อเนื่องเปิดตัว OPPO Reno2 Series รุ่นใหม่ออกมา 2 รุ่นด้วยกันคือ OPPO Reno2 และ OPPO Reno2 F

โดยรุ่นที่นำมารีวิวให้อ่านกันก่อนคือ OPPO Reno2 F เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยกันว่า F ที่ต่อท้ายคืออะไร อธิบายง่ายๆ ก็คือ รุ่นนี้เป็นรุ่นอัปเกรดของ OPPO ตระกูล F Series ที่ต่อจากนี้ตระกูล F จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Reno แทน 

ซึ่ง OPPO Reno 2F จะมาแทนที่ด้วยการนำจุดเด่นด้านการถ่ายภาพของ F Series มารวมกับนวัตกรรมของ Reno เข้าด้วยกันภายใต้สโลแกน “สวยทุกมุมมอง” ที่นอกจากตัวเครื่องมีดีไซน์สวยแล้วยังมาพร้อมกล้องที่ถ่ายทั้ง Selfie และ Portrait ได้สวยอีกด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปติดตามรีวิวกันเลยดีกว่าครับ

สเปคเบื้องต้น  OPPO Reno 2F

 

ขนาด 161.8 x 75.8 x 8.67 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 195 กรัม
หน้าจอ AMOLED Panoramic Screen ความละเอียด FHD+ 1080×2340 พิกเซล (394 ppi) ขนาด 6.5 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ในสัดส่วน 19.5:9 และมีอัตราส่วนจอต่อเครื่องที่ 91.1%
หน่วยประมวลผล Octa Core ความเร็ว 2.1GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek (MT6771V) Helio P70, หน่วยประมวลผลกราฟิก ARM Mali-G72 MP3 900MHz
RAM 8GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB
microSD Card สูงสุด 256GB
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วยกล้องหลัก Main Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2.3 และรูรับแสง f/1.79, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพกว้างสุด 119 องศา และรูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล  และกล้องตัวที่ 4 เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

กล้องหน้า Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0,  รองรับ AI Beauty, HDR และ Portrait

ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Color OS 6.1
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 4.2, USB Type-C, USB On-The-Go
รองรับระบบ 4G LTE 850/900/1800/2100/2300/2500/2600 MHz และ 3G 850/900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย)
แบตเตอรี่ 4000 mAh พร้อมเทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 (สามารถชาร์จถึงระดับ 51% ในเวลา 30 นาที)
ราคา 11,990 บาท

PACKAGING & ACCESSORIES

 

กล่องแพคเกจจิ้งของ OPPO Reno2 F เป็นกล่องสีขาวมุกที่มีขนาดยาวเหมือนกล่องของ Reno Series แรก โดยตัวกล่องก็จะมีการสะท้อนแสงสวยหรู พร้อมโชว์ช่วงเลนส์กล้องด้านหลังของตัวเครื่องให้เห็นบนกล่อง ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ที่เน้นถ่ายภาพสวยทุกมุมมอง ช่วยให้การถ่ายภาพ Selfie หรือภาพแนว Portrait ของคุณ สวยทุกช็อต เป๊ะทุกมุม ดูดีทุกองศา

ส่วนด้านหลังมีรายละเอียดรหัสรุ่นพร้อมชื่อสี, หน่วยความจำ RAM+ROM, เครือข่ายที่รองรับ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย

  1. ตัวเครื่อง OPPO Reno 2F
  2. อแดปเตอร์ชาร์จ VOOC 3.0
  3. สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C 3.5 นิ้ว
  4. ชุดหูฟังแบบ USB Type-C
  5. เข็มจิ้มสำหรับเปิดถาดซิมการ์ด
  6. เคสซิลิโคนแบบใส
  7. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ / ใบรับประกันสินค้า

รูปลักษณ์ดีไซน์

 

ตัวเครื่อง OPPO Reno2 F มีดีไซน์สวยหรูดูพรีเมี่ยม ด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นสีแบบสามชั้น จึงมีความเงางาม และมีหลายโทนสีให้เฉดสีที่แตกต่างในมุมที่แตกต่างกัน ด้วยกระบวนการ ribbon transfer 2.0 และการเคลือบสี 7 ชั้นทำให้เกิดการไล่ระดับสีที่มีความแม่นยำ ในขณะที่เอฟเฟกต์การไล่ระดับแสง สร้างด้วยการวางซ้อนกับพื้นผิวที่สะท้อนแสง

ด้านหน้ามาพร้อมจอไร้ขอบ ไร้รอยบากแบบ AMOLED Panoramic Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล (394 ppi) ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ในสัดส่วน 19.5:9 โดยมีอัตราส่วนจอต่อตัวเครื่องที่ 91.1% และเหนือหน้าจอมีช่องลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างซ่อนอยู่ด้านใน

พลิกมาด้านหลังเครื่อง ติดตั้งกล้อง 4 ตัว Quad Camera ความละเอียด 48MP+8MP+2MP+2MP พร้อมไฟแฟลชคู่ LED วางเรียงในแนวตั้งอยู่ตรงกลางด้านบน โดยด้านบนของเลนส์มีจุดเซรามิกขนาดเล็กที่มีชื่อว่า O-Dot ซึ่งจะช่วยยกเลนส์กล้องขึ้น เมื่อวางโทรศัพท์ไว้บนพื้นผิวเรียบเพื่อปกป้องฝาหลังได้ดียิ่งขึ้น

ด้านซ้ายข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง

ด้านขวาข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอก 1 ช่องแบบ microSD Card รองรับสูงสุด 256GB กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง

ด้านบนมีช่องสำหรับกล้องหน้า Rising Camera ตั้งอยู่ที่กึ่งกลาง สามารถเลื่อนขึ้นใน 0.74 วินาที ด้วยการออกแบบที่ทนทานช่วยให้สามารถเลื่อนขึ้นได้ถึง 200,000 ครั้ง รวมทั้งมี Atmosphere light มอบประสบการณ์เซลฟี่ที่ดีที่สุด เมื่อปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า ไฟจากทั้งสองด้านของกล้องด้านหน้าจะทำงานโดยสามารถปรับสีของแสงและแฟลชได้ และช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียง

ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง

คุณสมบัติการใช้งาน

OPPO Reno2 F รันบนระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.1 ที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทโฟนจอ Full Screen หรือ Panoramic Screen โดยมาพร้อม User Interface ใหม่ที่เน้นพื้นหลังมีดีไซน์ที่เรียบง่าย สบายตา ใช้การไล่เฉดสีแบบไร้รอยต่อ และใช้งานควบคุมหน้าจอด้วยคำสั่งท่าทางได้ง่ายขึ้น แม้ใช้มือเพียงข้างเดียว

ในส่วนของหน้าจอหลักนั้น มีหน้าจอเริ่มต้นให้ใช้ทั้งหมด 2 หน้าหลักด้วยกัน โดยด้านซ้ายเป็นหน้า Smart Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับใข้งานฟังก์ชั่นด่วนที่ใช้บ่อยโดยการแตะครั้งเดียว และดูข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว

นอกจากนี้ถ้าแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะเป็นหน้าจอแจ้งเตือน Notifications และถ้าเลือนจากใต้หน้าจอขึ้นมาจะเป็นหน้าสำหรับเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งอินเทอร์เน็ต, WiFi รวมทั้งปรับความสว่าง มีฟังก์ชันถนอมสายตา (Eye protection) เป็นต้น และตั้งค่าใช้งานต่างๆ

รวมทั้งสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับ Full Net Com 4.0 ใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม รวมถึงรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังบนหน้าจอแบบออปติคอล Hidden Fingerprint Unlock 3.0 สามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคได้ไวกว่าเดิม 11.3% โดยตัวเซ็นเซอร์จะอยู่ที่ใต้หน้าจอด้านล่าง รองรับการตั้งค่าได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ โดยก่อนใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือพร้องตั้งรหัสแบบ PIN หรือแบบอื่นๆ ก่อน

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น สามารถใช้งานด้วยการปัดหน้าจอขึ้น เพื่อเรียกการทำงานของกล้องหน้าให้ขึ้นมาปลดล็อค แล้วมองไปที่กล้องหน้าจอก็จะปลดล็อค อาจใช้เวลามากกว่าการสแกนด้วยนิ้วเล็กน้อย

มาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos เมื่อผู้ใช้เล่นเกมพร้อมใส่หูฟังแบบครอบหู ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์เอฟเฟกต์เสียงในเกมแบบไร้ทิศทางที่มีความสมจริงมากขึ้น เสมือนเข้าไปอยู่ในเกมนั้นจริงๆ นอกจากนี้ในเรื่องของการฟังคลิปเสียงต่างๆ ก็ดังกระหึ่มชัดเจนไม่แพ้กันอีกด้วย

ประสิทธิภาพ

 

OPPO Reno2 F ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core (ARM Cortex-A53 + ARM Cortex-A73) ความเร็ว 2.1GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Helio P70, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 900MHz, RAM 8GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 128GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB

นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี HyperBoost 2.0 ที่มาพร้อม FrameBoost 2.0 และ TouchBoost 2.0 แบบใหม่ รวมทั้งวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพแบบพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาเกมค้างและประสิทธิภาพการสัมผัสให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

โดยตัว Frame Boost 2.0 จะช่วยจัดการทำงานของระบบที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อลดปัญหาเฟรมเรทตก และแก้ปัญหาความล่าช้าของเกม ให้เฟรมเรทในเกมมีความเสถียรขึ้น โดยในเกม ROV ความเสถียรของเฟรมเรทเพิ่มขึ้น 30% และเกม PUBG Mobile มีความเป็นไปได้ที่เกมจะล่าช้าลดลง 50% และ Frame Boost ยังจัดสรรทรัพยากรเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานที่มากเกินไป และควบคุมความร้อนตัวเครื่องไม่ให้สูงเกินไปด้วย

ส่วน Touch Boost 2.0 จะช่วยให้สมาร์ทโฟนตอบสนองการสัมผัสได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการเล่นเกมดังอย่าง ROV และ PUBG Mobile สามารถตอบสนองการสัมผัสได้เร็วขึ้น 15.5% และ 27.9% ตามลำดับ และปรับปรุงประสิทะิภาพทั่วไปให้ดีขึ้น 35.2%

ยังไม่หมดแค่นี้ OPPO Reno2 F ยังผ่านการรับรองประสิทธิภาพการเล่นเกมระดับ 5 ดาวจาก TUV Rheinland ผู้นำ ในการตรวจสอบมาตรฐานการบริการระดับโลก โดยการรับรองครั้งนี้ได้รับการทดสอบประสิทธิภาพการเลน่เกมของตัวเครื่อง ทั้งหน้าจอ ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ และความแรงของสัญญาณ

เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า ใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV และ PUBG ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Game Assistant  ที่ช่วยในเรื่องของภาพให้ออกมาสมจริง พร้อมเพิ่มอรรถรสเวลาเล่นเกม และ Game Space 2.0 ที่ช่วยปิดกั้นการรบกวนระหว่างการเล่นเกม รวมถึงจีดการเกมต่างๆ ที่ดาวน์โหลดมา และปรับการตั้งค่าของประสิทธิภาพให้เหมาะกับเกมแต่ละประเภทได้

โดยใน Game Space 2.0 ยังมี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Reno2 F ผ่านแอป Antutu

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Reno2 F ผ่านแอป GeekBench

แบตเตอรี่

 

OPPO Reno2 F ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ VOOC Flash Charge 3.0 ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้จาก 0-51% โดยใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น

รวมทั้งมีระบบความปลอดภัยแบบ 5 ขั้นตอนตั้งแต่อุปกรณ์ที่ชาร์จไปจนถึงแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในสมาร์ทโฟน สามารถเล่นเกมไปพร้อมกับการชาร์จได้โดยที่ตัวเครื่องไม่ร้อนอีกด้วย ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนจะมีความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการชาร์จอีกด้วย

หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 10-12 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย 4G แบตก็อาจหมดเร็วขึ้น โดยรวมแล้วสามารถใช้งาน 1 วันได้อย่างสบายๆ และถ้าแบตเหลือน้อยลง ก็สามารถชาร์จโดยใช้เวลาไม่นาน และใช้งานได้อย่างต่อเนื่องทันที

ด้านการถ่ายภาพ

 

OPPO Reno2 F มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ Quad Camera พร้อมไฟแฟลช LED รองรับระยะโฟกัสได้เต็มรูปแบบ ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก Main Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2.3 และรูรับแสง f/1.79
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล  รูรับแสง f/2.2 และเก็บภาพกว้างสุด 119 องศา
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Protrait, โหมดวิดีโอ, โหมดกลางคืน, โหมด Panorama, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมด Time-Lapse, โหมด Slow-motion, โหมดสติ๊กเกอร์ และ Google Lens

รวมทั้งสามารถตั้งค่าเปิดปิดไฟแฟลช, เปิดปิดฟังก์ชัน HDR, เปิดปิดโหมดถ่ายมุมกว้างพิเศษ, เปิดปิดโหมด Dazzle Color, เลือกฟีลเตอร์ และตั้งค่าใช้งานกล้องต่างๆ

 

กล้องหลัง 4 เลนส์ของ OPPO Reno2 F ถ่ายภาพได้สวยทุกมุมมองทั้งในสภาพแสงกลางวัน และกลางคืน โดยเฉพาะกลางคืนที่มี Ultra Night Mode 2.0 มาช่วยปรับแสงและอัตราส่วนของแสงที่กว้างขึ้น ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่มีการซ้อนหรือการเคลื่อน เมื่อถ่ายภาพคนเดินหรือถ่ายยานพาหนะ และยังใช้เซ็นเซอร์อัตโนมัติอันชาญฉลาด ทำให้โทนสีผิวเป็นธรรมชาติยิิ่งขึ้นแม้ถ่ายในที่แสงน้อยอีกด้วย

ส่วนโหมด AI Beauty สามารถจำแนกและปรับภาพได้อย่างชาญฉลาด โดยใช้ AI มาช่วยประมวลผลฉากหลังให้แยกออกจากบุคคลที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้ภาพถ่ายออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์ปรับโทนสีผิวของแต่ละบุคคลได้มากถึง 4 คนในภาพเดียวกันได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมด HDR  (High Dynamic Range) สำหรับการถ่ายภาพย้อนแสง ที่สามารถตั้งค่าเปิดปิด หรือแบบอัตโนมัติ เพื่อลดแสงสำหรับการถ่ายภาพในพื้นที่มีแสงสว่างมากเกินไป และเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ที่มีแสงน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

สำหรับการถ่ายภาพ Portrait หรือบุคคล มาพร้อมโหมด Portrait Bokeh ใหม่ที่สามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังก่อนถ่ายได้ง่ายๆ โดยรองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเพียงแค่เอาแบบเข้าฉาก กล้องก็จะจับโฟกัสทันที และปรับภาพละลายหลังตามระดับที่ต้องการได้

ในขณะที่การถ่ายภาพมุมกว้างนั้น แน่นอน OPPO Reno2 F มีเลนส์มุมกว้าง พร้อมโหมด Ultra Wide Angle ถ่ายภาพมุมกว้างได้ถึง 119 องศา และเก็บองค์ประกอบของภาพได้มากยิ่งขึ้นแม้ในพื้นที่จำกัด และยังใช้กับการถ่ายวิดีโอได้ด้วย ทำใหผู้ใช้สามารถสร้างผลงานวิดีโออันยอดเยี่ยมที่แสดงรายละเอียดมากขึ้นด้วยมุมที่กว้างขึ้นได้

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.0 สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมดวิดีโอ, โหมด Panorama, โหมด  Time-Lapse และโหมดสติ๊กเกอร์ และรองรับฟีเจอร์ Portrait Bokeh และ AI Beauty Mode เหมือนกับกล้องหลัง

ภาพซ้ายปิด HDR ภาพขวาเปิด HDR

กล้อง Rising Camera ของ OPPO Reno2 F ยังมีโหมด HDR Portrait ที่ช่วยถ่ายเซลฟี่ได้สวยทุกมุมมอง แม้ต้องถ่ายย้อนแสง ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูเป็นธรรมชาติไม่สว่างหรือมืดเกินไป และเห็นท้องฟ้าอย่างชัดเจน

และยังมาพร้อมไฟแสดงสถานะ Atmosphere Light ที่อยู่ด้านข้างของ Rising Camera ทั้งสองข้าง ช่วยเพิ่มความสวยงามและยังใช้เป็นตัวนับถอยหลังเมื่อถ่ายภาพเซลฟี่ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าเปลี่ยนสีของไฟได้ตามใจชอบได้อีกด้วย และมีแสงแฟลชบนหน้าจอ ที่ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่สวยชัดขึ้นแม้อยู่ในที่แสงน้อย

ตัวอย่างภาพจากกล้อง

บทสรุป

 

OPPO Reno2 F คือการต่อยอดอันสมบูรณ์แบบมาจาก OPPO F Series ผนวกกับนวัตกรรมสุดล้ำของ Reno ที่ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพทั้ง Portrait และ Selfie ได้สวยงามที่สุดในทุกมุมมอง ทั้งกล้อง Rising Camera ที่เลื่อนขึ้นลงอัตโนมัติ และกล้องหลัง 4 เลนส์

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังดีไซน์ที่สวยทุกมุมมองไม่แพ้กัน ด้วยหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบากแบบ Panoramic Screen ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว แสดงผลได้อย่างเต็มตาทั้งการดูหนังและเล่นเกม และปกป้องด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ด้านประสิทธิภาพก็จัดเต็มด้วยชิปเซ็ทสุดแรง รองรับเกมสุดฮิตอย่าง ROV และ PUBG Mobile ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งมีระบบเสียงแบบรอบทิศทาง Dolby Atmos ที่ให้เสียงสมจริงมีมิติ ทำให้เล่นเกมหรือดูหนังฟังเพลงได้อรรถรสมากขึ้น

ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุถึง 4,000mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบ VOOC Flash Charge 3.0 เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน และใช้เวลาในการชาร์จไม่นานอีกด้วย

ทั้งนี้ OPPO Reno2 F มีให้เลือก 2 สีคือ Sky White และ Lake Green ราคา 11,990 บาท พร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ – 25 ตุลาคมนี้ เมื่อพรีออเดอร์รับเลย OPPO Sport Bag และ VIP Card รับประกันหน้าจอแตก 1 ปี รวมมูลค่าถึง 4,799 บาท 

และราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 3,490 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจ กับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ โดย OPPO Reno2 F จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ  

พิเศษสุดกับแคมเปญ เก่าแลกใหม่เพียงนำสมาร์ทโฟน OPPO F Series มาแลกรับส่วนลดในการซื้อ OPPO Reno2 F โดยผู้ใช้ OPPO F Series จะได้รับส่วนลดถึงสองต่อ จากราคาประเมินสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า และพิเศษรับส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท

 

Facebook Comments

Related Posts