เดินทางมาถึงรุ่นที่ 10 แล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Samsung Galaxy Note Series ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มาเดี่ยวเหมือนรุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา แต่มาเป็นคู่นั่นก็คือ Galaxy Note10 และ Note10+
โดยต่างกันที่ขนาด และสเปกที่เพิ่มขึ้นมาใน Note10+ รุ่นท๊อป เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีปากกาในขนาดที่ไม่ใหญ่เหมือน Note รุ่นเดิมๆ
ทั้งคู่มาพร้อมดีไซน์โฉมใหม่ สเปกที่แรงขึ้น ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัวใน Note10 และ 4 ตัวใน Note10+และที่เป็นไฮลต์ของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note คือ ปากกา S Pen ซึ่งในรุ่นนี้ได้รับการอัปเกรดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้สามารถทำงานได้หลากหลาย
และสำหรับรุ่นที่ทาง MobileOcta นำมารีวิวให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันก็คือรุ่น Galaxy Note10+ เรือธงรุ่นท็อป เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปติดตามรีวิวกันเลย
ชุดอุปกรณ์ในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Samsung Galaxy Note10+ เป็นกล่องกระดาษแข็งสีดำขนาดพอดีเครื่อง ด้านหน้ามาพร้อมรูปปากกา S Pen สีน้ำเงิน (เฉพาะตัวเครื่องสี Aura Glow ส่วนสีขาว และสีดำ ปากกา S Pen จะมีสีเดียวกันกับตัวเครื่อง) และระบุชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน ส่วนด้านหลังกล่องแสดงสเปกที่เป็นไฮไลต์และหน่วยความจำ
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะเห็นตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note10+ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- ตัวเครื่อง Galaxy Note10+ สี Aura Glow
- อแดปเตอร์ Super Fast charging แบบ USB-C
- สายชาร์จแบบ USB-C ทั้งสองด้าน
- ชุดหูฟัง AKG แบบ USB-C
- เคส TPU แบบใส
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คีมคีบหัวปากกา และหัวปากกาสำรอง 2 หัว
- คู่มือการใช้งานแบบด่วน
รูปลักษณ์ดีไซน์
Samsung Galaxy Note10+ ได้รับการออกแบบดีไซน์ที่นอกจากจะดูพรีเมี่ยมแล้ว ยังมีความโฉบเฉี่ยว บางและเรียบง่าย เพื่อให้ผู้ใช้ได้มุ่งความสนใจไปกับคอนเทนต์และใช้เวลากับการสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
ด้านหน้าเครื่อง ตรงกลางด้านบนมีการเจาะรูสำหรับฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลที่ใช้เลนส์ขนาดเล็กเพื่อให้กวนสายตาน้อยที่สุด โดยมีช่องลำโพงสนทนาขนาดเล็กพร้อมด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ ทั้งหมุนหน้าจออัตโนมัติ และปิดหน้าจออัตโนมัติ และตัวฉายแสง Proximity ซ่อนอยู่ด้านบนสุด
ถัดลงมาเป็นหน้าจอแสดงผล Infinity-O Display แบบ Dynamic AMOLED ความละเอียด QHD 1440 x 3040 พิกเซล (498 ppi) ขนาด 6.8 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 และรองรับ HDR10+ ซึ่งทาง DisplayMate ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทดสอบจอภาพได้ให้คะแนนหน้าจอไว้ที่ A+ ถือเป็นหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตอนนี้
ด้านหลังเครื่องใช้วัสดุที่ครอบทับด้วยกระจก พร้อมกรอบอะลูมิเนียมแบบ Metal-Glass ดูเงางามสวยหรู มุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้อง 4 เลนส์ Quad Camera ความละเอียด 12+16+12+ToF โดย 3 เลนส์หลักอยู่กรอบวงรี ส่วนเลนส์ DepthVision (ToF) อยู่ด้านข้างตรงกลางระหว่างไฟแฟลช LED กับเซ็นเซอร์เลเซอร์ออโต้โฟกัส และมีไมโครโฟนตัวที่ 3 ซ่อนอยู่ในกรอบวงรี ถัดลงมาตรงกลางมีโลโก้ตัวอักษร SAMSUNG
ด้านซ้ายข้างเครื่อง มีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิด, ล็อกหน้าจอ และเรียกการใช้งาน Bixby หรือผู้ช่วยอัจฉริยะมารวมอยู่ในปุ่มนี้ปุ่มเดียว
ด้านขวาข้างเครื่องไม่มีปุ่มกดใดๆ
ด้านบนมีช่องสำหรับใส่ถาดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับการใช้งานสองซิมการ์ด เพียงแต่ช่องใส่ซิมการ์ดที่สองต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD และมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างเครื่อง ตรงกลางมีช่องเสียบชาร์จไฟและสายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C ส่วนด้านซ้ายมีช่องไมโครโฟน และด้านขวาช่องลำโพงเสียง กับช่องสำหรับเสียบปากกา S Pen
สเปก Samsung Galaxy Note10+
ขนาด | 162.3×77.2×7.9 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 196 กรัม |
หน้าจอ | Dynamic AMOLED Cinematic Infinity-O Display ความละเอียด 2K QHD+ 3040×1440 พิกเซล ขนาด 6.8 นิ้ว 498 ppi |
หน่วยประมวลผล | Octa-Core ความเร็ว 2.73GHz, ชิปเซ็ท Exynos 9825 7nm, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G76 MP12 GPU |
RAM | 12GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 256GB/512GB |
microSD Card | สูงสุด 1TB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 4 เลนส์ Quad Camera ประกอบด้วย เกล้องตัวหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ Dual Aperture (f/1.5,f/2.4), กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างสุด 123 องศา มีขนาดรูรับแสง f/2.2. กล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่สี่เลนส์ DepthVision (ToF), กล้องหน้า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Dual Pixel และรองรับ Night Shot สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาวะที่มีแสงน้อย |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย One UI 1.1 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, Bluetooth 5.0, NFC, USB Type-C |
รองรับระบบ | 4G LTE และ 3G 850/900/2100 MHz (4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4,300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 45W Superfast Charging และชาร์จไร้สาย 15W Fast Wireless Charging 2.0 |
ราคา | RAM 12GB/ROM 256GB 37,900 บาท
RAM 12GB/ROM 512GB 40,900 บาท |
คุณสมบัติการใช้งาน
Samsung Galaxy Note10 รันบนระบบปฏิบัติการ Andoid 9 Pie ครอบทับด้วย One UI เวอร์ชัน 1.5 ที่มีดีไซน์และรูปร่างหน้าตาที่ดูสะอาดและสบายตา เป็นระเบียบเรียบร้อย แถมบังเข้าถึงการแจ้งเตือน Notifications ต่างๆ ได้ง่าย ด้วยการแตะไปที่แถบ Notifications ที่เราต้องการดู เพื่อเผยข้อมูลว่ามันแจ้งเตือนเรื่องอะไรบ้าง
ส่วนหน้าจอหลักนั้น มีหน้าจอเริ่มต้นให้ใช้ทั้งหมด 2 หน้าด้วยกัน โดยด้านซ้ายเป็นหน้าฟีเจอร์ Bixby หรือคำสั่งเสียง ส่วนด้านขวาเป็นหน้ารวมแอปพลิเคชั่น และสามารถเพิ่มได้ตามจำนวนแอปที่ดาวน์โหลดมา ด้านบนเมื่อใช้นิ้วแตะลากลงมาจะเป็นส่วนแสดงรายละเอียดเครือข่ายที่ใช้งาน กิจกรรมล่าสุด และการแจ้งเตือนต่างๆ ส่วนด้านล่างมีปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆ 3 ปุ่มด้วยกันได้แก่ ปุม Recent Apps, ปุ่มโฮม ถ้ากดค้างไว้จะเข้าหน้า Google Search และปุ่มย้อนกลับ
สามารถตั้งค่าเปลี่ยนภาพพื้นหลัง เปลี่ยนธีม เลือกวิดเจ็ด และตั้งค่าหน้าจอหลักได้โดยใช้นิ้วแตะค้างบนหน้าจอ
มาพร้อมฟีเจอร์ Apps Edge ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช่งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยไม่ต้องกลับไปหน้าโฮม และยังสามารถเปิดแอปในมุมมองแบบป๊อปอัพได้ สามารถเข้าฟีเจอร์นี้ได้โดยการปัดไปทางซ้ายบริเวณด้านขวาของหน้าจอ โดยจะเป็นการเข้าใช้งานแอปที่ใช้บ่อยที่สุดในทันที ซึ่งสามารถเพิ่มได้มากที่สุดถึง 10 แอพพลิเคชั่น และดาวน์โหลดแอปเพิ่มได้จาด Galaxy Apps
เปลี่ยนหน้าจอให้เป็นโหมดกลางคืนหรือ Dark Mode ช่วยเพิ่มความสบายตาในการใช่งานเวลากลางคืนได้ โดยเข้าไปที่เมนูการตั้งค่า > จอภาพ > โหมดกลางคืน
รองรับ Multi Window สามารถเปิดแอปใช้งานพร้อมกันได้ 2 หน้าจอทันทีเพียงคลิกเดียว โดยแอปที่ถูกเลือกไว้ด้านบนจะแสดงเป็นหน้าจอครึ่งบน ส่วนแอปที่ถูกเลือกไว้ด้านล่างจะแสดงเป็นหน้าจอครึ่งล่าง และสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ง่ายๆ โดยเปิดแอพในแอพหนึ่งไว้ > กดปุ่มแอปล่าสุด > แตะที่ไอคอนแอปตรงกลางด้านบน แล้วเลือกเปิดในมุมมองแยกหน้าจอ
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังบนหน้าจอ
มีระบบ Digital Wellbeing ที่คอยบอกระยะเวลาการใช้งานหน้าจอของผู้ใช้งาน ซึ่งจะบอกว่าแอปแต่ละแอพป ผู้ใช้งานได้ใช้ไปแล้วนานเท่าไหร่ โดยจะบอกเป็นรายวัน และยังสามารถดูสถิติที่ผ่านมาได้ด้วย ตรงนี้จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ว่า มีการใช้งานไปนานเท่าไหร่ มากเกินไปต่อวันหรือไม่
มีระบบเสียง Dolby Atmos มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศาเมื่อใช้หูฟังหรือลำโพงบลูทูธ
มาพร้อมปากกา S Pen ใหม่ที่ยังคงรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ และชาร์จแบตเตอรี่ให้ทันทีเมื่อนำกลับเข้าช่องเก็บ เหมือน S Pen ของ Note 9
แต่สิ่งที่พิเศษกว่าขึ้นมาอีกขั้นคือ ปากกาจะถูกใส่เซนเซอร์ Gyroscope เพื่อเปลี่ยนปากกา S-Pen ธรรมดาให้เป็นรีโมทควบคุมสั่งการกลางอากาศ แบบที่ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอแสดงผล และมีลูกเล่นชวนสนุกอีกมากมาย
รองรับฟีเจอร์ Samsung DeX โฉมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้แล้ว เพียงใช้แค่สาย USB Type-C เท่านั้น และการทำงานก็มีความอิสระมากขึ้น สามารถใช้งานทั้ง 2 อย่างได้พร้อมกัน และโอนย้ายไฟล์ง่ายๆ เพียงแค่ Drag & Drop เท่านั้น
ด้านการถ่ายภาพ
Samsung Galaxy Note10+ มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว Quad Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ Dual Aperture (F1.5/F2.4)
- กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างสุด 123 องศา มีขนาดรูรับแสง F/2.2
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- กล้องตัวที่สี่เลนส์ DepthVision (ToF)
สามารถเลือกโหมดการถ่ายทั้งแบบปกติ, ไลฟ์โฟกัสหรือการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, โปร, พาโนรามา, กลางคืน, อาหาร, วิดีโอ, วิดีโอไลฟ์โฟกัส, Super Slow-mo, Slow motion และ Hyperlapse
รวมทั้งตั้งค่าใส่ฟิลเตอร์, บิวตี้, ปรับอัตราส่วน, ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ, เปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ และตั้งค่าใช้งานต่างๆ
โหมดปกติ
โหมด Ultra Wide
โหมดออฟติคอลซูม 2 เท่า
สำหรับการถ่ายแบบปกติและวิิดีโอสามารถเลือกถ่ายแบบมุมกว้าง และซูมแบบออพิคอล 2 เท่าได้
นอกจากนี้ยังมี AR Emoji หรือภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวแสดงแทนใบหน้าเรา
Samsung Galaxy Note10+ ได้คะแนนการทดสอบกล้องหลังจาก DXOMark ทั้งการถ่ายนิ่ง และวิดีโอ รวม 113 คแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงที่สุดของกล้องสมาร์ทโฟนตอนนี้
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Dual Pixel และรองรับ Night Shot สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาวะที่มีแสงน้อย
รองรับการถ่ายเซลฟี่แบบปกติ, วิดีโอ, ไลฟ์โฟกัส, กลางคืน, วิดีโอไลฟ์โฟกัส และ Hyperlapse รวมทั้งตั้งค่าใส่ฟิลเตอร์, บิวตี้, ปรับอัตราส่วน, ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ, เปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ และตั้งค่าใช้งานต่างๆ
Samsung Galaxy Note10+ ได้คะแนนการทดสอบกล้องเซลฟี่จาก DXOMark รวม 99 คแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงที่สุดของกล้องเซลฟี่สมาร์ทโฟนตอนนี้
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ประสิทธิภาพ
Samsung Galaxy Note10+ ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4 GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Exynos 9825 บนสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร , หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G76 MP12, RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB และหน่วยความจำภายในขนาด 256GB / 512GB (UFS 3.0) เพิ่มได้ด้วย microSD สูงสุดที่ขนาด 1TB
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สามารถใช้งานได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ส่วนการเล่นเกม ด้วยขุมพลังชิปเซ็ทตัวใหม่ Exynos 9825 และ RAM สูงถึง 12GB แบบนี้ เล่นได้อย่างลื่นไหลแน่นอน รวมทั้งมีระบบ Game Launcher เป็นตัวจัดการเกม ค่อยบอกระยะเวลาที่เล่นเกม และจัดการการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งนี้ยังมีการบริการจาก Discord ให้แบบฟรีๆ ทำให้สือสารกับเพื่อนได้สะดวกอีกช่องทาง
โดยได้ลองกับเกม ROV เลือกโหมดเฟรมเรทสูง และเกม PUBG Mobile เลือกกราฟฟิกระดับสูงที่ HDR HD, ดันเฟรมเรตระดับ Ultra พร้อมเปิดความละเอียดภาพ และเงา ปรากฎว่าสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Note10+ ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Note10+ผ่านแอป GeekBench 4
แบตเตอรี่
Samsung Galaxy Note10+ ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,300mAh รองรับเทคโนโลยีขาร์จเร็ว Super Fast Charging แบบ 45W โดยใช้เวลาชาร์จไฟจนเต็มประมาณ 30 นาทีเท่านั้น (แต่ในกล่องจะให้อแดปเตอร์ 25W มาให้ อแดปเตอร์ 45W ต้องซื้อแยก) และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย 15W สามารถนำ Galaxy Watch, Galaxy Bud หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับระบบ Qi มาชาร์จได้
นอกจากนี้ยังมีพร้อมโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น โดยเลือกได้ 3 ระดับคือ ปรับแล้ว ประหยัดพลังงานปานกลาง และประหยัดพลังงานสูงสุด หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานแบบทั่วไปปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 10-12 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย 4G และเล่นเกมด้วยแบตก็อาจหมดเร็วขึ้น โดยรวมแล้วสามารถใช้งานได้ใน 1 วันสบายๆ
บทสรุป
Samsung Galaxy Note10+ ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เหล่า “New Work Tribe” หรือกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในยุคนี้ ที่มีไลฟ์สไตล์ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตผสมควบคู่กันไป โดยมาพร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ด้วยหน้าจอ Cinematic Infinity Display ขนาด 6.8 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ Galaxy Note เคยมีมาก่อน
รวมทั้งอัดแน่นด้วยฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ อย่างครบครันทั้งการใช้ทำงาน และเพื่อความบันเทิง ด้วยขุมพลังซีพียูชิปเซ็ท Exynos 9825 บนสถาปัตยกรรม 7nm กับ RAM 12GB ที่ช่วยให้ใช้งานต่างๆ และเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงได้อย่างไหลลื่น ไม่มีสะดุดแน่นอน และยังสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องเป็นวันด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4,300mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W เรียกว่าไม่ต้องรอชาร์จนานเป็นชั่วโมง
นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องหลัง 4 เลนส์ และกล้องเซลฟี่ที่ทรงประสิทธิภาพ และมาพร้อมลูกเล่นต่างๆ ทำให้ภาพถ่ายและวิดีโอมีสีสันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอก็มีฟีเจอร์ที่ทำผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอออกมาได้อย่างมืออาชีพโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ ทั้ง Live Focus, Super Steady เป็นต้น รวมถึงมีโปรแกรมตัดต่อ Video Editor ที่สามารถใช้งานร่วมกับปากกา S Pen ได้
และที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ ปากกา S Pen ของ Galaxy Note10+ ที่มาพร้อมความสามารถใหม่สามารถจดข้อความลงบนหน้าจอ และเปลี่ยนลายมือเป็นตัวอักษรได้ทันที และเพิ่มฟีเจอร์ Air Actions ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมฟังก์ชั่นที่ต้องการได้ผ่านการจับ S Pen เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการ รวมทั้งสามารถปรับแต่งปุ่มควบคุมได้หลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้การเล่นเกมหรือใช้งานแอพพลิเคชั่นโปรดผ่านการแสดงออกของท่าทางได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้้ Samsung Galaxy Note10+ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Aura Glow, Aura White และ Aura Black โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 37,900 บาทสำหรับรุ่นความจุ 256GB และราคา 40,900 บาทสำหรับรุ่นความจุ 512GB