รีวิว หูฟัง Sony WH CH720N สีใหม่ ชมพู พาสเทล และ Sony WF C710N ดีไซน์สุดล้ำมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนขั้นเทพ !!!

เมื่อช่วงเดือนเมษายน 68 ที่ผ่านมา โซนี่ไทยเปิดตัว WF-C710N หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมฟังก์ชันแน่น สีสันสุดคูล และ WH-CH720N รวมถึง WH-CH520 สีใหม่ เอาใจสายเทรนดี้ โดยมีสีชมพู soft pastel ที่ให้ฟิลลิ่งอ่อนโยน มองแล้วสบายตาเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับผู้ใช้งานที่มองหาหูฟังคุณภาพดี มาพร้อมฟีเจอร์แน่น ๆ น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ในราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งทาง IbelieveIT ได้ตัวหูฟัง WF-C710N สีกลาสบลูสุดคูลและ WH-CH720N สีใหม่ชมพูมาลองใช้งานราว ๆ เดือนกว่า ๆ วันนี้เลยจะมาบอกเล่า จุดเด่นและความน่าสนใจของ Sony WF-C710N และ WH CH720N สีใหม่ ชมพู พาสเทล ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์โดนใจผู้ที่รักเสียงเพลงได้ดีขนาดไหน มาติดตามรับชมรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ 

ชิปเซ็ต : Integrated Processor V1

(This chip has been used in Sony’s top-of-the-line 1000X Series audio products. It helps to enhance sound quality and reduce distortion, and enables LDAC codec processing and DSEE Extreme)

รองรับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน : Active Noise Cancellation (ANC), Sony’s Digital Sound Enhancement Engine (DSEE), Bass Boost, and Sound Adjustment that can be configured using the Sony Headphones Connect app

การตอบสนองความถี่ : 7Hz – 20,000Hz

การเชื่อมต่อ : wirelessly via Bluetooth or Wired with an AUX cable Bluetooth 5.2, Built-in Microphone, support for Multipoint Connection

รองรับระบบปฏิบัติการ : Android and iPhone

ผู้ช่วยเสียง : Google and Siri voice assistants

พอร์ตการเชื่องต่อ : USB Type-C charging port

ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 35 ชั่วโมง of music playback time with Active Noise Cancellation (ANC) enabled

ระยะเวลาในการชาร์ตจนเต็ม : ประมาณ 3.5 ชั่วโมง

สามารถเล่นเพลงได้ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงโดยชาร์ตเพียง 3 นาที

น้ำหนัก : 192g

อุปกรณ์ภายในกล่อง : USB Type-A to USB Type-C cable, an AUX cable, and instructions

ราคาวางจำหน่าย 3,990 บาท

สีที่วางจำหน่าย สีดำ,สีน้ำเงิน,สีขาว และสีใหม่ชมพู (Pink)

แพ็กเกจจิ้งของ Sony WH CH720N เป็นกล่องกระดาษมาในโทษสีขาวสะอาดตา โดยด้านหน้ากล่องจะโชว์รูปตัวหูฟังพร้อมชื่อแบรนด์ / รุ่น และกำกับด้วยฟีเจอร์เด่น ๆ อาทิ ฟีเจอร์ 360 REALITY AUDIO, รองรับระบบตัดเสียงรบกวน Noise Canceling , และแบตเตอรรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 35 ชั่วโมง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน (Multi Point)

สำหรับด้านบนจะมีโลโก้ของผู้ช่วยอัฉริยะ ที่สามารถใช้งานผ่านทางคำสั่งเสียง Smart Voice Assistant ทั้ง Amazon Alexa, และ Google Assistant™ ส่วนด้านหลังและด้านล่างกล่องมาพร้อมรายละเอียดของสเปคเบื้องต้นและฟีเจอร์ที่เป็นคีย์ไฮไลท์หลัก รวมถึงสิทธิประโยชน์ของ My Sony Rewards ที่ขยายการรับประกันให้แก่ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 3 เดือน

ที่ด้านล่างของตัวกล่องจะระบุ เลขอีมี่, หมายเลขประจำเครื่องและข้อมูลของผู้ผลิต นอกจากนี้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ของ Sony WH CH720N จะไม่มีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติก และสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้แบบ 100 % ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Sony ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์

  • ตัวหูฟัง Sony WH CH720N สีชมพู
  • สายชาร์จ USB Type-A to USB Type-C
  • สาย AUX cable 3.5 mm,
  • คู่มืออ้างอิง Warranty Condition
  • แผ่นพับแนะนำ My Sony Rewards

Sony WH CH720N เป็นหูฟังโอเวอร์เอียร์ ที่มีน้ำหนักเบา มาพร้อมการออกแบบในหลักการยศาสตร์ (ergonomics) จึงมอบการสวมใสที่สบายและพกพาได้สะดวกคล่องตัว ส่วนด้านวัสดุและคุณภาพการผลิต เรียกว่าดีมาก ๆ ตัววัสดุเป็นโพลีคาร์โบเนตผสานกับหนังสังเคราะห์และโฟมยูริเทน ในภาพรวมงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรง ตามมาตรฐานของค่ายโซนี่ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งานมาอย่างยาวนาน

และเนื่องจาก Sony WH CH720N เปิดตัวและวางจำหน่ายมาได้สักพักใหญ่ ๆ ทางเว็บจึงไม่ขอลงดีเทลในเชิงลึกมากนัก แต่จะพาไปสัมผัสกับสีใหม่ อย่างสีชมพู (Pink) ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกสีใหม่ที่สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกสัมผัส

สำหรับสีใหม่ สีชมพู (Pink) จะมีความเป็น soft pastel ที่ให้ฟิลลิ่งอ่อนโยน มองแล้วสบายตา ซึ่งจะแตกต่างจากโทนสีชมพูแบบ candy ที่ให้สีสันกระฉับกระเฉงหรือฉูดฉาดฉูดตา ส่งผลให้ Sony WH CH720N สีชมพูใหม่ ถ้าเปรียบกับเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับแฟชั่น ก็ต้องบอกเลยว่านี่คิอ Unisex ที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ทุกเพศวัยนั่นเอง

ในภาพรวม สีชมพู (Pink) ใหม่ของ Sony WH CH720N จะมีความโดดเด่นด้วยสี soft pastel และมีการคุมโทน ที่ให้สีสันเดียวกัน แต่จะมีการไล่ระดับความเข้มและอ่อนจางของสีในบางส่วน เช่นตัวฟองน้ำครอบหูฟัง ซึ่งช่วยให้สีสันดูมีมิติไม่เรียบแบน เหมือนสีโทนหลัก ๆ อีกด้วย

ตัว Housing ฝั่งซ้ายจะมีสัญลักษณ์บลูทูธและไฟแจ้งเตือนสถานะ ถัดไปจะเป็นปุ่ม Power ที่ใช้ในการเปิดเปิดเครื่อง พอร์ตชาร์จ USB-C ช่องเสียบสาย AUX cable 3.5 mm

ถัดมาจะเป็นไมค์สนทนา

สำหรับฝั่งขวาของตัวหูฟัง จะมีปุ่มสลับการใช้งาน NC/AMB เพื่อสลับโหมดใช้งานระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวน Noise Cancelling และ Ambient Sound Mode เพื่อให้ได้ยินเสียงจากภายนอก

ถัดมาจะเป็นแผงปุ่มคอนโทรลระดับเสียง – เพิ่ม/ลดและมัลติฟังชั่น

ตัวไมค์ Noise Canceling จัดวางในตำแหน่งด้านบนของ Housing ทั้งสองด้าน

ตัวเอียร์แพดออกแบบโครงสร้างให้มีพื้นที่ว่างที่ให้ความกว้างและลึกตามหลักสรีระศาสตร์ ส่งผลให้สวมใส่กระชับไม่ลื่นไถลไปมาขณะใช้งาน

และยังมาพร้อมจุดเด่นด้วยการบุโฟมยูริเทนคุณภาพสูง มีความหนานุ่มเป็นพิเศษ จึงช่วยลดแรงกดทำให้สวมใส่นาน ๆ ก็จะไม่รู้สึกล้าหรือเจ็บหูแต่อย่างใด เรียกว่าดูหนังฟังเพลงได้ยาวนานต่อเนื่องไม่มีสะดุดให้เสียอรรถรสอย่างแน่นอน 

ก้านตัวหูฟังในภาพรวมจะเป็นโพลีคาร์โบเนต โดยด้านบนและด้านในจะป็นหนังสังเคราะห์และโฟมยูริเทนคุณภาพสูง ซึ่งมีความหนานุ่มเป็นพิเศษ เมื่อผสานกับตัวก้านที่มีความ flexible ยืดหยุ่นสูงจึงให้ความคืนตัวไม่บิดงอ โดยตัวก้านสามารถปรับระดับเพื่อให้รองรับการสวมใส่ได้ทุกสรีระ จึงตัดปัญหาผู้ใช้งานที่มีขนาดศีรษะที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว 

ในการสวมใส่ใช้งานจริง ให้ความแน่นความกระชับ แต่ยังรู้สึกเบาสบายไม่อึดอัด โดยตัวก้านไม่บีบหูรวมถึงเอียร์แพดที่หนานุ่ม จึงช่วยให้สวมใส่ได้ยาวนานโดยไม่ล้าหูหรือรู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอน 

เมื่อเทียบกับ Sony WH-XB910N ที่ผู้เขียนใช้งานประจำมาอย่างยาวนาน ตัว Sony WH CH720N จะมีน้ำหนักที่เบากว่า แต่ในด้านการสวมใส่ทำได้ดีไม่แพ้กัน

รุ่นWF-C710N
สีสีชมพู สีกลาสบลู สีขาว สีดำ
สรุป
ราคา3,990.00 บาท
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องคู่มืออ้างอิง
สายเคเบิล USB
เคสสำหรับชาร์จ
เอียร์บัดยางซิลิโคนไฮบริด
ขนาดและน้ำหนัก
น้ำหนักประมาณ 5.2 ก. x 2 (รวมจุกเอียร์บัด (กลาง) )
คุณสมบัติทั่วไป
ประเภทหูฟังปิด
ไดรเวอร์ยูนิต5 มม.
การตอบสนองความถี่ (การสื่อสาร Bluetooth®)20 Hz – 20,000 Hz (การสุ่มตัวอย่าง 44.1 kHz)
การควบคุมระดับเสียงได้
ป้องกันน้ำมี (IPX4)
NFCได้
DSEEได้
โหมดเสียงรอบข้างได้
แบตเตอรี่
เวลาการชาร์จแบตเตอรี่ประมาณ 1.5 ชม.
วิธีการชาร์จแบตเตอรี่ชาร์จผ่านช่อง USB (จากกล่อง)
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ (เวลาการเล่นเพลงต่อเนื่อง)สูงสุด 8.5 ชม. (เปิด NC) / สูงสุด 12 ชม. (ปิด NC)
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ (เวลาการสื่อสารต่อเนื่อง)สูงสุด 4.5 ชม. (เปิด NC) / สูงสุด 4.5 ชม. (ปิด NC)
ข้อมูลจำเพาะ Bluetooth®
เวอร์ชัน BLUETOOTH®ข้อมูลจำเพาะของ Bluetooth เวอร์ชัน 5.3
ช่วงที่มีผล10 ม.
ช่วงความถี่ย่านความถี่ 2.4 GHz (2.400 0 GHz – 2.483 5 GHz)
โปรไฟล์A2DP, AVRCP, HFP, HSP
รูปแบบเสียงที่สนับสนุนSBC, AAC
การป้องกันเนื้อหาที่สนับสนุนSCMS-T
การป้องกันเสียงรบกวน
เสียงรอบข้างได้
Quick Attentionได้
เคสสำหรับชาร์จ
น้ำหนักประมาณ 38 ก.
เวลาการชาร์จแบตเตอรี่ประมาณ 3.5 ชม. (ชาร์จผ่านช่อง USB)

แพ็กเกจจิ้งของ Sony WF C710N เป็นกล่องกระดาษมาในโทษสีขาวขนาดกะทัดรัด โดยด้านหน้ากล่องจะโชว์รูปตัวหูฟังพร้อมชื่อแบรนด์ / รุ่น และกำกับด้วยฟีเจอร์เด่น ๆ อาทิ รองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 8.5 และ 21.5 ชั่วโมง เมื่อรวมกับตัวเคสหูฟัง รองรับระบบตัดเสียงรบกวน Noise Canceling ,พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน (Multi Point)

ด้านบนของตัวกล่องจะระบุการรองรับฟีเจอร์ 360 REALITY AUDIO, กันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IPX4 สามารถใช้งาน Hands Free และ One Side Use ด้านซ้ายของตัวกล่องจะมีสติกเกอร์ My Sony Rewards ที่มอบสิทธิประโยชน์ในการขยายการรับประกันให้แก่ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 3 เดือน

ส่วนด้านหลังกล่องจะมาพร้อมรายละเอียดชื่อรุ่น, สี, เลขอีมี่, หมายเลขประจำเครื่องและข้อมูลของผู้ผลิต นอกจากนี้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ของ Sony WF C710N จะไม่มีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติก ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Sony ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์

  • ตัวหูฟัง Sony WF C710N สีกลาสบลู
  • กล่องชาร์จ
  • จุกหูฟัง Ear tips 2 ขนาด
  • สายชาร์จ USB Type-A to USB Type-C
  • สาย AUX cable 3.5 mm
  • คู่มืออ้างอิง Warranty Condition
  • แผ่นพับแนะนำ My Sony Rewards

Sony WF C710N มาพร้อมกล่องชาร์จทรงกระบอกที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการพกพาไปได้ทุกที่ อีกทั้งยังมีสีกลาสบลู ที่ได้ออกแบบทั้งตัวเคสและหูฟังในแบบโปร่งใส ซึ่งช่วยยกระดับการออกแบบให้มีสไตล์ที่ดูสวยงามโดดเด่นและน่าค้นหายิ่งขึ้นอีกด้วย 

สำหรับการออกแบบในสไตล์ transparent อาจจะไม่ใช่ของใหม่ แต่ก็ถือว่าได้รับความนิยมในวงกว้าง โดยเราสามารถเห็นการออกแบบในสไตล์ transparent หรือ “โปรงใส” ได้ในหลากหลายดีไวซ์ ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา, สมาร์ตโฟน, Powerbank, HDD SSD Case และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงตัวหูฟัง Sony WF C710N ที่เราได้มารีวิวในครั้งนี้นั่นเอง

ทั้งนี้ Sony WF C710N มี 4 สีให้เลือกใช้งาน ได้แก่ สีชมพู, สีกลาสบลู, สีขาว และ สีดำ

ด้านหน้าของตัวเคสชาร์จ จะมีร่องบากขนาดใหญ่ที่ช่วยให้การเปิดตัวเคสได้สะดวกง่ายด่าย และถัดลงมาจากร่องบากจะเป็นไฟแจ้งเตือนสถานะการชาร์จ สำหรับด้านหลังของตัวเคสจะมีพอร์ต Type – C สำหรับการชาร์จไฟให้กับตัวเคส

ในขณะที่ด้านล่างจะบอก OUTPUT – INPUT และความจุของตัวแบตเตอรี่ , ชื่อโมเดล ประเทศที่ผลิตและมาตรฐานการรับรองต่าง ๆ  

พอร์ตชาร์จของตัวเคสเป็นแบบ Type-C ส่วนระบบชาร์จตัวหูฟังจะเป็น Pogo pin แบบ 2 Dot พร้อมระบบยึดแบบแม่เหล็ก ช่วยให้การชาร์จเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น แม้จะชาร์จขณะเดินทางก็ตาม สำหรับระยะเวลาในการชาร์จตัวเคสจนเต็มจะใช้เวลาประมาณ 3.5 ชม. และหูฟังเมื่อชาร์จผ่านตัวเคสจะใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม

หูฟัง Sony WF C710N ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สวมใส่ได้กระชับหู ด้วยรูปทรงโค้งมนแบบไร้ขอบช่วยให้สวมใส่ได้สะดวก รวมถึงการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มอบความกระชับ และสบายยิ่งขึ้น  

โดยเมื่อเทียบกับ WF-C500 ที่มีดีไซน์ในลักษณะเดียวกัน Sony WF C710N จะมีขนาดที่เล็กกว่า และมีน้ำหนักที่เบา ประมาณ 5.2 ก. x 2 หรือ 2.6 กรัมต่อข้าง (รวมจุกเอียร์บัด ขนาดกลาง) ส่งผลให้การสวมใส่สบายแทบไม่รับรู้ถึงน้ำหนัก อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IPX4 สามารถสวมใส่ระหว่างออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อ

ด้านในของหูฟังแต่ละข้าง จะระบุตัวอักษร L และ R ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สวมใส่ได้ถูกข้าง ใกล้กันเป็นหมุดแม่เหล็กสำหรับยึดเกาะภายในเคสพร้อมชาร์จแบตเตอรี่

ส่วนด้านบนของหูฟังทั้ง 2 ข้าง มี Touch sensor เป็นพื้นผิวแบนราบวงกลม ซึ่งใช้ในการควบคุมหูฟังด้วยระบบสัมผัส ถัดลงไปจะเป็นตัวไมค์ Noise Canceling 

Sony WF C710N ออกแบบดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ มอบการสวมใส่ที่กระชับเบาสบายไม่อึดอัด และไม่หลุดร่วงง่าย อีกทั้งยังมาพร้อมจุกยางถึง 3 ขนาด จึงพร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือจะใส่ออกกำลังกายก็ยังไหว อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์การกันน้ำได้ในระดับ IPX4 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำจากเหงื่อหรือฝนจากทุกทิศทางได้ ซึ่งสามารถใส่ลุยฝนปรอย ๆ ได้สบาย แต่ไม่แนะนำให้เอาไปจุ่มน้ำ เพราะยังไม่รองรับถึงขั้นนั้น

ในด้านการควบคุม Sony WF C710N ผ่าน Touch sensor ของหูฟังข้างซ้าย จะมีรายละเอียดดังนี้ 

  • แตะครั้งเดียว เพื่อสลับระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวนกับโหมดฟังเสียงรอบข้าง
  • แตะ 2 ครั้ง เพื่อรับหรือวางสาย
  • แตะค้างไว้ เพื่อเปิดโหมด Quick Attention (ฟังเสียงรอบข้างแบบชั่วคราว)

ค่าเริ่มต้นในการควบคุม Touch sensor ของหูฟังข้างขวา

แตะค้างไว้ เพื่อเรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง (เช่น Google Assistant)

แตะครั้งเดียว เพื่อเล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว

แตะ 2 ครั้ง เพื่อข้ามไปเล่นเพลงถัดไป

แตะ 3 ครั้ง เพื่อย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้า

แตะ 4 ครั้งเพื่อเพิ่มระดับเสียง

นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่า Sensor function ทั้งซ้าย/ขวา ผ่านแอป Sound Connect ได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย

การใช้งานหูฟัง Sony WF C710N และ Sony WH CH720N ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานควรดาวน์โหลดแอป Sound Connect (ชื่อเดิม Sony | Headphones Connect) มาติดตั้งใช้งานร่วมกัน โดยแอป Sound Connect รองรับทั้งบน iOS และ Android และอีกหนึ่งจุดเด่นของ Sony WF C710N ก็คือมาพร้อม Bluetooth 5.3 ที่สามารถเชื่อมต่อได้เสถียร และสนทนาได้อย่างคมชัดแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมากมายด้วยการตรวจจับเสียงที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI

นอกจากนี้ Sony WF C710N ยังรองรับฟีเจอร์ Fast Pair ทำให้การจับคู่หูฟังกับอุปกรณ์ Android™ เป็นเรื่องง่าย เพียงแตะคำแนะนำป๊อปอัพแบบครั้งเดียว ก็จะทำให้ Sony WF C710N จับคู่ Bluetooth® กับอุปกรณ์ Android™ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และสามารถค้นหาตำแหน่งที่วางหูฟังไว้ได้อย่างง่ายดายโดยการเปิดเสียงเรียกเข้าหรือตรวจสอบตำแหน่งที่ทราบล่าสุดในสมาร์ตโฟนของผู้ใช้งาน 

Sony WF C710N มาพร้อมฟีเจอร์ Adaptive Sound Control  ซึ่งเราสามารถแตะเพื่อเข้าไปตั้งค่ารูปแบบ Adaptive Sound Control โดยจะมีโหมดให้เลือกใช้งานด้วยกัน 4 โหมด ประกอบไปด้วย การใช้งานเมื่อนั่งอยู่กับที่, ขณะเดิน, วิ่ง, หรืออยู่บนรถโดยสาร เพื่อเลือกการคอนโทรลการตัดเสียง (Noise Canceling) ที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ และตั้งค่า Ambient Sound เพื่อเลือกรับเสียงจากภายนอก ซึ่งมีให้เลือกถึง 20 ระดับ

นอกจากนี้ยังอัพเกรดความสามารถในการเชื่อมโยง Location Recognition ที่นอกเหนือจากกิจกรรมที่มีมาให้ 4 โหมด โดยหูฟัง Sony WF C710N จะสามารถเรียนรู้ได้ว่าผู้ใช้งานอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ จากนั้นระบบจะจดจำตำแหน่ง และปรับการตั้งค่าเสียงรอบข้างให้เหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ และเมื่อเวลาผ่านไปความพิเศษของ Adaptive Sound Control จะเรียนรู้ และแนะนำการตั้งค่าเสียงเพลงแบบอัตโนมัติ โดยตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน พิกัด สภาพเสียงที่แวดล้อม และกิจวัตรประจำวัน

ในด้านการปรับแต่งคุณภาพเสียง Sony WF C710N จะมีฟีเจอร์ Equalize ที่ผู้ใช้งาน สามารถเลือกการตั้งค่าที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับคุณภาพเสียงและแนวเพลงที่กำลังฟัง รวมถึงสามารถสร้างและบันทึกการตั้งค่ารูปแบบ Equalize ที่ชื่นชอบเพื่อเรียกใช้งานได้อย่างง่ายดาย

ในขณะเดียวกันยังให้เสียงคุณภาพสูงด้วย DSEE™ (Digital Sound Enhancement Engine) เมื่อเพลงต้นฉบับถูกบีบอัด เพลงจะสูญเสียองค์ประกอบความถี่สูงซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มรายละเอียดและความสมบูรณ์ของแทร็ก ซึ่งฟีเจอร์ DSEE จะคืนค่าเหล่านี้อย่างเที่ยงตรงเพื่อให้ได้เสียงคุณภาพสูงที่ใกล้เคียงกับการบันทึกต้นฉบับ พร้อมสร้างประสบการณ์การฟังเพลงที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น 

ในส่วนของ Bluetooth connection Quality ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ 2 แบบ คือต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด หรือต้องการการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด  

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถือว่าเป็นจุดขายของ Sony WF C710N ก็คือฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Noise canceling) ด้วยเทคโนโลยีเซนเซอร์ตัดเสียงรบกวนด้วยไมโครโฟนคู่ ซึ่งตัวเซนเซอร์แบบ Dual Noise สามารถกรองเสียงภายนอกและตัดเสียงลมออกจนเงียบได้ดียิ่งขึ้น พร้อมมอบประสบการการฟังเพลงที่ไร้เสียงรบกวนได้อย่างไร้ที่ติ

ในโหมดฟังเสียงรอบข้าง (Ambient Sound Mode) จะให้ความเป็นธรรมชาติและปรับแต่งได้มากขึ้น โดยในโหมดเสียงรอบข้างบน Sony WF C710N สามารถจับเสียงรอบตัวได้มากกว่าด้วยไมโครโฟนเสียงสะท้อนและเสียงส่งออก ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การฟังที่เป็นธรรมชาติในขณะที่ยังคงเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ แอป Sound Connect ยังช่วยให้คุณปรับเสียงรอบข้างได้ 20 ระดับ หรือใช้การตั้งค่าเสียงผ่านเพื่อให้สนทนาได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง

นอกจากโหมดฟังเสียงรอบข้าง (Ambient Sound) Sony WF C710N ยังมีโหมด Quick Attention มาให้ใช้งานด้วย ซึ่งทำงานแบบเดียวกับโหมด Ambient Sound แต่ใช้เพื่อฟังเสียงรอบข้างแบบชั่วครู่เท่านั้น โดยแตะไปที่ Touch sensor ของหูฟังข้างซ้ายค้างไว้ เสียงเพลงก็จะลดลงทันที พร้อมเปิดรับเสียงจากภายนอก เหมาะสำหรับการเดินทางในยุคปัจจุบัน 

Sony WF C710N รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio พร้อมมอบประสบการณ์ดื่มด่ำไปกับเสียงรอบตัว ให้ความสมจริงราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตแสดงสดหรือในห้องอัดเสียงของศิลปิน ซึ่งฟีเจอร์ 360 Reality Audio จะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่รองรับเท่านั้น และต้องมีการทำออพติไมซ์วิเคราะห์รูปร่างหูแต่ละข้าง เพื่อปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับหูผู้ใช้แต่ละบุคคล

ในปัจจุบันมีหลายแอปฯที่รองรับรับ 360 Reality Audio  รวมถึงมีเพลงที่รองรับ 360 เยอะขึ้น แน่นอนว่าแอปฯเหล่านี้จะมีค่าบริการรายเดือน แต่ถ้าใครใช้งานอยู่แล้ว ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ เพราะสามารถใช้งานร่วมกับ Sony WF C710N ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

ในภาพรวม Sony WF-C710N ให้เสียงที่ยอดเยี่ยมและน่าประทับใจในสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายอย่างแท้จริง โดยมีจุดเด่นด้วยไดรเวอร์ขนาด 5 มม. และฮาร์ดแวร์ภายในที่สามารถส่งมอบเสียงเบสอันทรงพลังและเสียงร้องใสกระจ่างชัดเจน และด้วยเทคโนโลยี Digital Sound Enhancement Engine อันเป็นเครื่องหมายการค้าของ Sony ยังนำมาใช้ในรุ่นนี้ด้วย ซึ่งสามารถสร้างเสียงที่ใกล้เคียงกับการบันทึกต้นฉบับได้มากที่สุด

สำหรับเสียงต่ำ เสียงกลาง และเสียงสูงมีความสมดุลกันเป็นอย่างดี ส่วนถ้าใครชอบฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม สามารถปรับ Equalize ได้อย่างยืดหยุ่นและตรงกับสไตล์ที่ชื่นชอบได้ง่าย ๆ ผ่านแอป Sound Connect

นี่คือหูฟังแบบไร้สาย True Wireless รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม ในสไตล์มินิมอล โดยมีสีกลาสบลู ที่ได้ออกแบบทั้งตัวเคสและหูฟังในแบบโปร่งใส ซึ่งช่วยยกระดับการออกแบบให้มีสไตล์ที่ดูสวยงามโดดเด่นและน่าค้นหายิ่งขึ้นอีกด้วย

ในด้านคุณภาพเสียง แม้จะเป็นหูฟังระดับ Mid-range แต่ก็ให้เสียงที่ใหญ่เกินตัว สามารถตอบโจทย์การฟังเพลงที่ต้องการรายละเอียด รวมถึงเพลงทั่ว ๆ ไปได้ค่อนข้างดี โดยมาพร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ มากมาย อาทิ DSEE Extreme ที่ช่วยคืนรายละเอียดให้เพลงที่ถูกบีบอัดกลับมามีคุณภาพเสียงสูงได้ใกล้เคียงกับการบันทึกต้นฉบับ  , Equalize ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่าที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับคุณภาพเสียงและแนวเพลงที่กำลังฟัง , รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio พร้อมมอบประสบการณ์ดื่มด่ำไปกับเสียงรอบตัว ปิดท้ายกันไปด้วยแบตเตอรี่สุดอึด สามารถใช้งานได้ยาวนานถึงสูงสุดถึง 8.5 และ 21.5 ชั่วโมง เมื่อรวมกับตัวเคสหูฟัง รองรับระบบตัดเสียงรบกวน Noise Canceling ,พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน (Multi Point)

ทั้งนี้ Sony WF C710N มีให้เลือก มี 4 สีให้เลือกใช้งาน ได้แก่ สีชมพู, สีกลาสบลู, สีขาว และ สีดำ ในราคาเพียง 3,990 บาท โดยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ทุกสาขา, โซนี่ สโตร์ออนไลน์, ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายของโซนี่

J.wasan
J.wasan

Founder and Web Editor นักเขียน บทความ & รีวิว สนใจด้าน IT และ ไลฟ์สไตล์