

พรีวิว Redmi Note 14 Pro+ 5G ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI สีใหม่ Sand Gold สุดพรีเมียม ในราคา 13,990 บาท !!!
เมื่อช่วงต้นปี 68 ที่ผ่านมา ทางค่าย Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 14 Pro+ 5G ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ ‘Redmi Note Series’ โดย Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมความโดดเด่นรอบด้าน ทั้งสีสันดีไซน์ ความแข็งแกร่ง ความคุ้มค่า โดยสเปคที่ให้มาก็ต้องบอกเลยว่าอยู่ในระดับน้อง ๆ เรือธงเลยทีเดียว และล่าสุด Xiaomi ได้ทำการเปิดตัว Redmi Note 14 Pro+ 5G สีใหม่ “Sand Gold” หรือสีทรายทอง ซึ่งเป็นการดึงเอาความเป็นธรรมชาติด้วยสีที่ไม่ฉูดฉาดแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานเข้ากับความหรูหราจากตัวฝาหลังที่มีลวดลายเทกเจอร์เสมือนเม็ดทรายอันละเอียดอ่อนนุ่ม โดยวางจำหน่ายรุ่นความจุ 12GB+512GB ในราคาพิเศษ 13,990 บาท* (จากราคาปกติ 14,990 บาท และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเฉพาะที่ Xiaomi Store เท่านั้น)
สเปคเบื้องต้น Redmi Note 14 Pro+ 5G

- ชิปเซ็ต : Snapdragon® 7s Gen 3
- ระบบปฏิบัติการ : Xiaomi HyperOS
- ROM/RAM : 12GB+512GB
- จอแสดงผล : CrystalRes AMOLED 6.67 นิ้ว
- กล้องหลัง : กล้องหลัก 200MP / กล้องเลนส์กว้างพิเศษ 8MP / กล้องมาโคร 2MP
- กล้องหน้า : กล้องหน้า 20MP
- แบตเตอรี่และการชาร์จ : 5110mAh รองรับชาร์จเร็ว ไฮเปอร์ชาร์จ 120W มาพร้อมหัวชาร์จ 120W ในกล่อง
- ราคา 13,990 บาท

สำหรับตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ยังใช้รูปแบบเดิม และอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย
โทรศัพท์มือถือ Redmi Note 14 Pro+ 5G สีใหม่ Sand Gold / อะแดปเตอร์ / สาย USB Type-C / เข็มเปิดถาดซิม / เคสป้องกัน / คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและบัตรรับประกัน / ข้อมูลด้านความปลอดภัย
ดีไซน์และการออกแบบ



ในภาพรวม Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมดีไซน์ที่ดูหรูหราและพรีเมียมยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แถมยังมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นด้วยฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง All-Star Armor Structure ที่ช่วยปกป้องตัวเครื่องอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ โครงสร้าง ฯลฯ
Redmi Note 14 Pro+ 5G สีใหม่ Sand Gold


สำหรับสีใหม่ Sand Gold จะมีความโดดเด่นด้วยโทนสีที่เรียกว่าทรายทอง (Sand Gold) ซึ่งเป็นการดึงเอาความเป็นธรรมชาติด้วยสีที่ไม่ฉูดฉาดแต่มีเอกลักษณ์ ผสานเข้ากับความหรูหราจากตัวฝาหลังที่มีลวดลายเทกเจอร์เสมือนเม็ดทรายอันละเอียดอ่อนนุ่ม และตัวขอบฝาหลังก็ยังให้สีในแบบทูโทน พร้อมตัดด้วยโมดูลกล้องสีเข้ม จึงขับเน้นตัวเครื่องและสีสันได้ออกมาอย่างน่าประทับใจตั้งแต่แรกสัมผัส


ด้วยการออกแบบฝาหลังที่โค้งมน จึงรองรับเข้ากับสรีรศาสตร์ ช่วยให้การจับถือมีความกระชับ ถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดได้โดยง่ายอย่างแน่นอน
การจัดวางเลย์เอาท์ในภาพรวม

ด้านบนของตัวเครื่องจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนและทำหน้าที่ในการบันทึกเสียง, ช่องลำโพงสเตอริโอตัวที่ 1 และเซนเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้ในการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า

ด้านล่างประกอบไปด้วย ช่องถาดซิมการ์ด, ไมค์สนทนา, พอร์ต Type-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง (สเตอริโอตัวที่ 2 )

ตัวถาดซิมของ Redmi Note 14 Pro+ 5G เป็นแบบ Dual Slot ที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบนาโนซิม แต่จะไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก


ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ ส่วนฝั่งซ้ายของตัวเครื่องจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ
มาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68

Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมกับการป้องกันระดับเรือธง IP68 ซึ่งหมายความว่าได้รับการทดสอบโดยแช่อยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรได้นานถึง 30 นาที สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวลด้วยความสามารถในการกันน้ำยาวนาน แม้ฝนตกหนัก ก็ยังป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าตัวเครื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กล้องหน้า


Redmi Note 14 Pro+ 5G ให้กล้องหน้ามาที่ความละเอียด 20MP และมีรูรับแสงกว้าง f/2.2 ตอบโจทย์การถ่ายเซลฟี่ได้ดีในทุกสภาพแสง
และยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็น วงไฟซอฟต์ไลต์ | AI ฟรุ๊งฟริ๊ง | โหมดกลางคืน | โหมดภาพบุคคล | การถ่ายภาพด้วยฝ่ามือ | ตั้งเวลาเซลฟี่
และรองรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้า 1080p ที่ 30/60fps และ 720p ที่ 30fps
กล้องหลัง

กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera
- โดยตัวกล้องหลัก ให้ความละเอียดสูงถึง 200MP มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.4 นิ้ว รูรับแสงกว้าง f/1.65 ซูเปอร์พิกเซล 2.24μm ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และกลุ่มเลนส์แบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้องเลนส์กว้างพิเศษ 8MP รูรับแสงกว้าง f/2.2
- กล้องมาโคร 2MP รูรับแสงกว้าง f/2.4
ฟีเจอร์และโหมดการถ่ายเบื้องต้น
ไดนามิกช็อต | โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว | ถ่ายต่อเนื่องความเร็วสูง | เฟรมภาพฟิล์ม | ภาพบุคคล | เอกสาร | โหมดกลางคืน | วิดีโอกล้องคู่ | วิดีโอกันสั่น
การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลัง 4K ที่ 24/30fps / 1080p ที่ 30/60fps / 720p ที่ 30fps /สโลว์โมชัน: 1080p ที่ 120fps / สโลว์โมชัน: 720p ที่ 120/240fps

สำหรับตัวโมดูลกล้อง จะใช้โทนสีเข้มกว่าฝาหลังและออกแบบตัวเทกเจอร์ ที่ให้ฟิลลิ่งเหมือนนาฬิกาจักรกลจึงให้ความรู้สึกหรูหราและสวยงาม ซึ่งช่วยขับเน้นตัวกล้องหลังให้ดูโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น
จอแสดงผล

Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมจอโค้ง CrystalRes AMOLED 1.5k ที่ออกแบบให้มีขอบดำขนาดเล็กจึงไม่รบกวนสายตา อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี Wet Touch ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว สามารถทัชหน้าจอได้ แม้ในขณะเปียกน้ำ มีคราบมัน หรือคราบสบู่


Redmi Note 14 Pro 5G มีความโดดเด่นด้วยหน้าจอระดับเรือธง CrystalRes AMOLED 1.5K ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช สูงสุด 120Hz ความไวตอบสนองการสัมผัสสูงสุด 480Hz ความสว่างสูงสุด 3000nits ความลึกของสี 12bit อัตราคอนทราสต์: 5,000,000:1 ช่วงสีกว้าง DCI-P3 ตอบทุกโจทย์ความบันเทิงด้วยการรองรับ Dolby Vision, HDR10+ และยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus® 2

นอกจากนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังรองรับเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) เพื่อถนอมสายตาของผู้ใช้งานได้สูงถึง 1920Hz รวมถึงยังได้รับใบรับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก TÜV Rheinland (ฮาร์ดแวร์โซลูชัน) ได้รับการรับรองความไร้ซึ่งแสงกะพริบ ความเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพจาก TÜV Rheinland อีกด้วย
ด้านความบันเทิง

Redmi Note 14 Pro+ 5G นอกจากจะมีหน้าจอแสดงผลในระดับเรือธงแล้ว ยังมาพร้อมลำโพงสเตอริโอที่รองรับ Dolby Atmos® เมื่อผสานกับหน้าจอแสดงผลที่รองรับ Dolby Vision, HDR10+ รีเฟรชเรต 120Hz จึงพร้อมตอบโจทย์การดูซีรีส์ ฟังเพลง เล่นเกม ได้เต็มทุกอรรถรส
ประสิทธิภาพ


Redmi Note 14 Pro+ 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon® 7s Gen 3 โปรเซสเซอร์ 4nm ของ TSMC ใช้สถาปัตยกรรม ARM V9.2 อัปเกรดเป็นคอร์ A720 ขนาดใหญ่ 4 คอร์ และคอร์ A520 ขนาดเล็ก 4 คอร์ มอบประสิทธิภาพมัลติคอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และความสามารถโดยรวมที่เหนือกว่า โดยมี CPU ที่เร็วขึ้น 20% GPU เร็วขึ้น 40% ประสิทธิภาพ AI ดีขึ้น 30% ประหยัดพลังงานโดยรวมได้สูงขึ้นถึง 12%
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS

Redmi Note 14 Pro+ 5G ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS บนพื้นฐานของ Android 14 ที่มาพร้อม Gemini Assistant ผู้ช่วย AI เพื่อการเรียนรู้ที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล วางแผนกิจกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในด้าน Software ทางค่าย Xiaomi มีความโดดเด่นมาอย่างช้านาน ด้วยความเป็นแบรนด์ที่แจ้งเกิดจากการพัฒนา Software จนประสบความสำเร็จในระดับ Global และล่าสุดผู้ใช้งานยังสามารถสัมผัสกับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง AI ที่จะช่วยให้ใช้งานในชีวิตประจำวันง่ายขึ้น ตอบโจทย์ในการใช้งานได้ครอบคลุม ไม่ว่าจะใช้ในการเรียนหรือทำงาน ซึ่ง AI ที่อยู่ใน Redmi Note 14 Pro+ 5G จะมีฟังก์ชันที่หลากหลาย พร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัว และคอยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานได้ง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่น

วงเพื่อค้นหา : ฟีเจอร์ช่วยเสิร์ชอัจฉริยะ ลดความยุ่งยาก ในการหาข้อมูลได้ง่าย ๆ เพียงวาดวงกลม ล้อมรอบเนื้อหาที่ต้องการเสิร์ช
บันทึกย่อ : ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อมอบคุณสมบัติที่สะดวกสบายอย่างการเขียนสรุปด้วย AI, เค้าโครง AI, การพิสูจน์อักษร AI และการแปล AI
คลังภาพ : ปรับความชัดหรือเพิ่มขนาด และยังสามารถลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการและปรับแต่งภาพได้อย่างง่ายดายเพื่อภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ
บันทึกเสียง : รองรับการถอดเสียงพูดเป็นข้อความ การจดจำผู้พูด การสร้างบทสรุป และการแปล
คำบรรยาย AI : สร้างซับไตเติลสำหรับการประชุมหรือวิดีโอโดยอัตโนมัติด้วยการแปลอัตโนมัติ
การตีความ AI : ล่ามแปลภาษา มาพร้อมความสามารถในการแปลแบบเรียลไทม์ของคุณสำหรับการมีปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้า การคุยโทรศัพท์ หรือการประชุมออนไลน์
แบตเตอรี่

Redmi Note 14 Pro+ 5G ให้ความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5110mAh ซึ่งรองรับการใช้งานทั่ว ๆ ไปครบวันอย่างแน่นอน ส่วนสายเกมหรือคนที่ใช้งานหนัก ๆ ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะ Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้จนเต็ม 100% ในเวลาเพียงไม่นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังได้ตัว Adapter ชาร์จเร็ว 120W Power Adapter มาให้เลยตั้งแต่แกะกล่อง โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อแยกแต่อย่างใด

นอกจากจะมีความโดดเด่นในด้านความจุและเทคโนโลยีชาร์จไวแล้ว Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมาพร้อมเทคโนโลยีการจัดการพลังงานที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น เช่นตัวเลือกการชาร์จ โหมดการใช้พลังงาน การป้องกันแบตเตอรี่เป็นต้น
Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมาพร้อมอัลกอริทึมการจัดการอายุแบตเตอรี่จะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จประจำวันของผู้ใช้งาน และปรับแรงดันไฟและกระแสไฟแบบเรียลไทม์ ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอายุแบตเตอรี่ได้ 80% หลังจากการชาร์จ 1,600 รอบ ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้งานปกติ 4 ปี ช่วยให้ผู้ใช้งานอุ่นใจได้ในการใช้งานระยะยาว
ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหน้า AI selfie คมชัดทุกรายละเอียด


Redmi Note 14 Pro+ 5G ให้กล้องหน้าความละเอียดสูง 20MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.2 ในด้าน Interface ดูคลีน และเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน แถมยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็น วงไฟซอฟต์ไลต์ | AI ฟรุ๊งฟริ๊ง | โหมดกลางคืน | โหมดภาพบุคคล | การถ่ายภาพด้วยฝ่ามือ | ตั้งเวลาเซลฟี่
สำหรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าจะได้ที่ความละเอียด 1080p ที่ 30/60fps และ 720p ที่ 30fps
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า

โหมด portrait รองรับการถ่ายแบบ HD และสามารถเลือกอัตราส่วนของภาพได้ 4 รูปแบบ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการซูมหรือการถ่ายภาพมุมกว้างที่ต้องการเก็บวิวหรือถ่ายร่วมกับเพื่อน ๆ ซึ่งระยะที่มีให้ใช้งาน ได้แก่ 3:4 / 9:16 / Full / Widescreen

สำหรับโหมด portrait ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/1.0 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ รวมถึงสามารถเข้าไปตั้งค่ารูรับแสงในภายหลังผ่านตัวแอป “คลังภาพ” ได้อีกทางหนึ่งด้วย

โหมดฟรุ๊งฟริ้ง หรือ Beautify ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งในโหมดนี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่นปรับให้ผิวขาวนวล ปรับสกินโทนของสีผิว ปรับให้ใบหน้าเรียวบาง, ปรับแต่งภาพรวมโครงสร้างใบหน้า, กราม, ปรับให้ดวงตากลมโต, ดวงตาเรียวยาว, ปรับแต่งรูปแบบของจมูกและริมฝีปากเป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เป็นเรื่องสนุก และให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานได้มากที่สุดนั่นเอง

และยังมีฟิลเตอร์มาให้งานจุใจถึง 12 รูปแบบ
กล้องหลัง

Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมกล้องหลักระดับเรือธง 200MP ผสานด้วยฮาร์ดแวร์อันทรงพลัง และ OIS (ระบบป้องกันภาพสั่นไหว) จึงให้รายละเอียดที่คมชัดยิ่งขึ้นและภาพถ่ายกลางคืนที่งดงามยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์และโหมดการถ่ายเบื้องต้น

กล้อง AI | ไดนามิกช็อต | โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว | ถ่ายต่อเนื่องความเร็วสูง | เฟรมภาพฟิล์ม | ภาพบุคคล | เอกสาร | โหมดกลางคืน | วิดีโอกล้องคู่ | วิดีโอกันสั่น ฯลฯ และสามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น รองรับการใช้งานในระดับเริ่มต้นไปยังระดับ professional ได้อย่างลงตัว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

คมชัดจัดเต็มด้วยกล้องหลักความละเอียด 200MP พร้อม AI อันชาญฉลาด ที่จะมอบความคมชัดเป็นพิเศษด้วยรายละเอียดที่สมบูรณ์และสีสันสดใสด้วยพลังของอัลกอริทึม End-to-End (E2E) AI Remosaic ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและคุณภาพของภาพอย่างมาก

เก็บทุกความประทับใจด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 200MP ให้ภาพที่ความละเอียด 16320 x 12240 พิกเซล จะขยายหรือนำไป Crop ก็ให้คุณภาพที่สามารถต่อยอดการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

รองรับการถ่ายภาพได้หลากหลายระยะ ทั้งระยะปกติ มุมกว้างพิเศษ รองรับการซูมแบบ Optical แบบไม่สูญเสียความคมชัดที่ระยะ 2x และ 4x และสามารถซูมแบบ Digital ได้สูงสุดที่ 30x

โหมด Macro

ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาพแสง Indoor

โหมดกลางคืน รองรับการถ่ายที่ระยะปกติและมุมกว้างพิเศษ

สำหรับโหมด portrait ของกล้องหลัง ให้ฟีเจอร์มาแบบอัดแน่นไม่แพ้กล้องหน้า โดยมีไฮไลท์ การถ่ายภาพบุคคลที่ดูเป็นธรรมชาติ และคมชัดพิเศษด้วย AI ซึ่งมอบความประทับใจด้วยภาพบุคคลที่มีรายละเอียดพร้อมความชัดเจนของใบหน้าที่ได้รับการปรับปรุง และยังโดดเด่นด้วยพื้นหลังเบลอที่สวยงามซึ่งดึงดูดสายตาไปที่บุคคลในภาพได้ในสไตล์ของกล้องระดับโปร

โหมด portrait ของกล้องหลังมาพร้อม AI อันชาญฉลาด โดยจะช่วยวิเคราะห์ใบหน้าและการเบลอฉากหลังได้อย่างสมดุล มอบภาพบุคคลที่คมชัดและดูเป็นธรรมชาติ
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่ารูรับแสงหรือค่า f ได้เองตั้งแต่ f/1.0 – 16 เพื่อกำหนดค่าความเบลอฉากหลังได้ตามที่ต้องการ รวมถึงสามารถเข้าไปตั้งค่ารูรับแสงในภายหลังผ่านตัวแอป “คลังภาพ” ได้อีกทางหนึ่งด้วย

ในโหมด portrait ยังรองรับการถ่ายที่ระยะปกติ (ครึ่งตัว) และระยะเต็มตัวได้ง่าย ๆ ผ่านไอคอนรูปคนบนจอแสดงผล (อยู่ด้านบนของโหมดภาพบุคคล)
โดยระยะครึ่งตัวจะให้โบเก้ที่เบลอและดูละมุน พร้อมขับเน้นตัวแบบให้โดดเด่นขึ้นมา ส่วนระยะเต็มตัว จะช่วยเก็บดีเทลของฉากหลังและเน้นตัวแบบที่ครบทุกสัดส่วน

โหมด Beautify

โหมดฟรุ๊งฟริ้ง หรือ Beautify ของกล้องหลังจะมีลูกเล่นหรือการปรับแต่งที่น้อยกว่ากล้องหน้า แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีและดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตาแต่อย่างใด

โหมดฟิลเตอร์

สำหรับโหมดฟิลเตอร์ของกล้องหลัง จะมีรูปแบบมาให้ใช้งานที่ 12 รูปแบบเหมือนกล้องหน้า
บทสรุป

Redmi Note 14 Pro+ 5G เป็นสมาร์ตโฟน Midrange สุดคุ้ม ที่เปิดตัวในช่วงต้นปีและได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ เพราะด้วยสเปคระดับใกล้เคียงเรือธง แต่เปิดตัวด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ตโฟน โดดเด่นในด้านสีสันดีไซน์ สเปคจัดเต็ม มีความแข็งแกร่ง อุ่นใจในการใช้งานระยะยาว ให้ความครบครัน คุ้มค่า และการมาของสีใหม่อย่าง Sand Gold พร้อมเปิดตัวในราคาพิเศษเพียง 13,990 บาท* (จากราคาปกติ 14,990 บาท) จึงเป็นการเติมเต็มให้กับ ‘Redmi Note Series’ ได้อย่างแท้จริง
ราคาและการจัดจำหน่าย

Redmi Note 14 Pro+ 5G สี Sand Gold วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเฉพาะที่ Xiaomi Store เท่านั้น
เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังประกาศวางจำหน่ายสมาร์ตโฟน Redmi Note 14 Pro+ 5G สีใหม่ล่าสุด คือ สี Sand Gold อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยวางจำหน่ายรุ่นความจุ 12GB+512GB ในราคาพิเศษ 13,990 บาท* (จากราคาปกติ 14,990 บาท)

ทั้งยังมอบของสมนาคุณ ฟรี! Redmi Watch 4 และ Xiaomi Fan Festival Sport Bag & Sport Cap พร้อมประกัน รวมมูลค่า 16,070 บาท* เฉพาะที่ Xiaomi Store ในระหว่างวันที่ 6 เมษายน ถึง 30 เมษายน 2568 เท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด l โปรโมชันเฉพาะที่ Xiaomi Store ที่ร่วมรายการ l ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด