พาสัมผัส AIS Flagship Store ใหญ่ที่สุดในไทย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เหนือระดับ ภายใต้แนวคิด “AIS THE YOUNIVERSE” !!!
เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา เอไอเอสได้เปิดตัวศูนย์บริการ AIS Shop Flagship Store ล่าสุดในรูปแบบ Duplex Shop 2 ชั้น แห่งแรกในเมืองไทย ณ ใจกลางกรุง บนพื้นที่ของสยามเซ็นเตอร์ ซึ่ง Flagship Store แห่งนี้มาพร้อมความโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการพลิกโฉมการให้บริการในรูปแบบเดิม ๆ มาเป็น Digital Lifestyle Community โดยยังคงรักษาจุดแข็งในด้านการบริการที่เหนือกว่าคู่แข่งไว้อย่างเหนียวแน่น อีกทั้งยังเป็นการเปิดมิติใหม่ของการให้บริการภายใต้แนวคิด “AIS THE YOUNIVERSE” ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ด้วยการคัดสรรบุคลากรที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีความเป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังเปิดตัวโซนใหม่ ๆ พร้อมความ exclusive ที่ไม่มีให้บริการใน AIS Shop ทั่ว ๆ ไปอีกด้วย
ถ้าย้อนกลับไปในยุคต้น ๆ ของศูนย์บริการ AIS Shop การให้บริการหลักที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในภาพจำก็คือเป็นจุดชำระค่าบริการ ที่ถือว่าเป็นเมนหลักในยุคที่ยังไม่มีการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์นั่นเอง พอมาถึง Gen 2 หรือในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราสามารถสัมผัสถึงพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิด ในการวางจำหน่ายสมาร์ตโฟน, แก็ดเจ็ต, อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ รวมถึงการให้บริการในหลากหลายมิติ อาทิ การให้คำปรึกษาในการใช้งานทั้งจากตัวเน็ตเวิร์คและดีไวซ์ หรือการมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า Serenade และอื่น ๆ อีกมากมาย จนกลายเป็นความคุ้นชินมาจนถึง ณ ปัจจุบัน
ล่าสุดการเปิดตัว AIS Shop Flagship Store ณ สยามเซ็นเตอร์ นับว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ยุค Gen 3 ที่พลิกโฉมการให้บริการขึ้นไปอีกระดับ ทั้งในแง่ Experience ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการยกเลิกระบบบัตรคิว แต่เปลี่ยนมาเป็นการแจ้งเตือนด้วย SMS เมื่อถึงคิวบริการแทน และยังมอบความรู้สึกที่เป็นมิตร เข้าถึงง่าย ด้วยเคาน์เตอร์บริการแบบ HUB ในรูปทรงกลม ที่ทุก ๆ คน สามารถ walk in เข้ามาใช้บริการโดยไม่ต้องตะขิตตะขวงใจหรือรู้สึกอึดอัดเหมือนการเข้ารับบริการใน Shop ปกติ ๆ เหมือนที่เคยสัมผัสมา
นอกจากนี้ AIS Shop Flagship Store ที่ Siam Center ยังมีความพร้อมในการให้บริการด้วยทีมพนักงานที่มีความรู้ความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละด้านได้อย่างครอบคลุม โดยมีทีมงานพร้อมดูแลลูกค้าแต่ละท่านผ่านแท็บเล็ตแบบ End2End และอีกหนึ่งไฮไลท์หลักที่ทางทีมงานได้สัมผัสมาและประทับใจมาก ๆ ก็คือ area หรือโซนต่าง ๆ ที่มีการ create ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปจาก AIS Shop ที่เราคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ทางทีมงานได้รวบรวมไว้ให้แล้ว มารับชมมิติใหม่ของการให้บริการที่เหนือระดับ ภายใต้แนวคิด “AIS THE YOUNIVERSE” ไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
สำหรับชั้นแรก จะมีโซน AIS Gadget Zone และ AIS SMART HOME ซึ่งรวบรวมอุปกรณ์ IoT และสมาร์ตโฮมสุดล้ำจากหลาย ๆ Partner ให้เลือกช้อปกันอย่างจุใจ และเป็น Flagship Store ที่มีอุปกรณ์ SMART HOME และ IoT วางจำหน่ายเยอะที่สุดในประเทศไทย (เปรียบเทียบกับ AIS Shop ทุกสาขา)
อีกหนึ่งไฮไลท์ของชั้น 1 ก็คือโซน AIS The Stage ซึ่งเอไอเอสจัดให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์เพื่อใช้ในการจัดทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ยกตัวอย่างกิจกรรมที่เคยจัดไปแล้วก็คือการเชิญศิลปินมาวาดรูปผ่านสมาร์ตโฟน Samsung S22 ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้งานใน Flagship Store
สามารถเดินขึ้นสู่ชั้นสองด้วยบันไดวนที่ออกแบบอย่างสวยงามและไม่เคยมีมาก่อนในสาขาอื่น ๆ
สำหรับชั้นสองภาพรวมของการออกแบบจะเน้นความโมเดิร์น มีความโปร่ง โล่ง เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการจะสัมผัสถึงบรรยากาศที่สบาย ๆ ไม่อึดอัด ด้วยพื้นที่ที่มีความกว้างและการจัดเลย์เอาท์ของโซนต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว
และในชั้นนี้จะเป็น AIS The Portal หรือพื้นที่จัดตั้งโชว์และวางจำหน่าย สมาร์ตโฟน Gadgetม Accessory, อุปกรณ์ Gaming, AV/AR จากหลาย ๆ แบรนด์ชั้นนำ และพื้นที่ 5G Experience รวมถึงสินค้า Limited Edition ที่ไม่มีวางโชว์ในสาขาอื่น ๆ
และเร็ว ๆ นี้เอไอเอสจะมีการนำสินค้าพิเศษที่ยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย มาให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสกันก่อนใคร อาทิ สมาร์ตโฟนที่รองรับความเร็วสูงสุดระดับ Millimeter wave เป็นต้น
ด้วยความเป็น Flagship Store แน่นอนว่า การนำเสนอต้องมีความแตกต่าง และสามารถยกระดับการให้บริการที่พร้อมส่งมอบความประทับใจให้กับลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น สำหรับสิ่งที่ทีมงานประทับใจมาก ๆ ก็คือความพร้อมและความใส่ใจในการนำสินค้าเข้ามาวางโชว์และจัดจำหน่ายภายใน Flagship Store ยกตัวอย่างเช่น โซนของผลิตภัณฑ์จากค่าย Apple ซึ่งที่นี่มีจุดเด่นด้วยดีไวซ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน ทั้ง iPhone, iPad เคสและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่มีให้เลือกช้อปอย่างจุใจ นอกจากนี้ Apple Watch ที่จัดโชว์และวางจำหน่ายใน Flagship Store ยังมีความโดดเด่นด้วยการที่มีครบทุกรุ่น ทุกขนาด ทุกวัสดุ รวมไปถึงสายของตัวนาฬิกาที่ลูกค้าสามารถลองสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งตรงนี้ต้องบอกเลยว่าเหนือกว่าหลาย ๆ ช้อปที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple อีกด้วย
หรือย่างโซน Galaxy Experience ทาง Flagship Store ก็ยกสินค้ารุ่นพิเศษที่เป็น Limited Edition มาให้ลูกค้าได้สัมผัส แทบจะไม่แตกต่างไปจากช้อปของทางแบรนด์เลยทีเดียว
ตามที่เกริ่นไปในตอนต้น Flagship Store จะมีความโดดเด่นและแตกต่างจาก AIS Shop ทั่ว ๆ ไป โดยลูกค้าจะได้สัมผัสกับดีไวซ์ที่เป็น Rare item และ Limited Edition ของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งรวมถึงการจัดบูธแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะไม่มีให้เห็นในสาขาอื่น ๆ อีกด้วย
มาถึงโซน AIS YOUNIVERSE STUDIO ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการสร้างความแตกต่างจาก AIS Shop ทั่วไป ซึ่งโซนนี้ลูกค้าสามารถเข้ามาติดฟิล์ม และเลือกซื้ออุปกรณ์เสริม และเคสลายพิเศษที่สามารถ DIY ออกแบบให้โดนใจในไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบได้ด้วยตนเอง
และยังมีห้อง DIY ที่ collabs กับเหล่าครีเอเตอร์ชั้นนำของเมืองไทยที่จะหมุนเวียนกันมาร่วมสร้างกิจกรรมพิเศษให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี ยกตัวอย่างเช่น สอนการ DIY ทำเคส หรืออุปกรณ์เสริม ฯลฯ
ปิดท้ายกันด้วย AIS Hub หรือเคาน์เตอร์บริการแบบ HUB ในรูปทรงกลม ที่สร้างความแตกต่างจากเคาน์เตอร์เดิม ๆ โดยให้ความรู้สึกที่เป็นมิตร เข้าถึงง่ายและเท่าเทียม โดยลูกค้าทุกเพศวัยสามารถเข้ามาใช้บริการโดยไม่ต้องกดบัตรคิว สำหรับด้านหลังเคาน์เตอร์จะเป็นพื้นที่สำหรับลูกค้าที่ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับบริการและ Digital Solutions โดยพนักงานจะให้บริการแบบ End2End จนเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ ซึ่งลูกค้าจะ Walk out กลับบ้านไปพร้อมความประทับใจกับบริการอันเหนือระดับของ AIS Flagship Store อย่างแน่นอน
และนอกจากจะมีดีไวซ์และบริการที่ถือว่าเอ็กซ์คลูซีฟแตกต่างไปจาก AIS Shop ทั่ว ๆ ไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมงานชื่นชอบมาก ๆ ก็คือบริการใหม่ล่าสุด AIS Care+ ที่เข้ามาช่วยปกป้องสมาร์ตโฟน หรือ แท็บเล็ต (Device Protection) ให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ และเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดเมืองไทยครั้งแรกอีกด้วย ซึ่ง AIS Care+ มีการให้บริการที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร โดยมีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายและให้อิสระกับลูกค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับไฮไลท์ของ AIS Care+ มีรายละเอียดดังนี้
- ลูกค้าที่ซื้อมือถือ หรือ แท็บเล็ตจาก AIS ภายใน 30 วัน สามารถสมัครแพ็กเกจ AIS Care+ ได้ง่าย ๆ ผ่านหลากหลายช่องทาง และไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ สามารถติดต่อง่ายผ่านออนไลน์ 24 ชม. หรือ โทร Call Center
- ราคาแพ็กเกจ ขึ้นอยู่กับราคาปกติของเครื่องที่ลูกค้าต้องการรับการดูแล โดยมีค่าบริการรายเดือนเริ่มต้นที่ 49 – 559 บาท สามารถยกเลิกได้ไม่มีข้อผูกมัด และมีบริการแพ็กเกจแบบรายปีให้เลือกใช้งาน
- เปลี่ยนหน้าจอ ฟรี 1 ครั้ง (ต่อ 1 ปี) ไม่มีค่าบริการ
- เปลี่ยนเครื่อง โดยนำเครื่องเดิมที่สมัครแพ็กเกจมาขอเปลี่ยน โดยคิดค่าบริการเพียง 25%
- ในกรณีเครื่องหาย ไม่มีเครื่องมาเปลี่ยน สามารถขอรับเครื่องทดแทน โดยคิดค่าบริการเพียง 42.5%
- ทั้งการเปลี่ยนเครื่องหรือรับเครื่องทดแทน สามารถเลือกรุ่นเดิมสีเดิม หรือรุ่นเดิมเปลี่ยนสีใหม่ รวมถึงสามารถเปลี่ยนแบรนด์ เปลี่ยนรุ่น ได้อีกด้วย (ตามรุ่นที่นำเสนอ)
- มอบความสะดวกสบายด้วยบริการ รับ-ส่งเครื่องถึงมือลูกค้าโดยไม่ต้องไปช็อป และการันตีส่งตรงเวลาหากไม่มาตามนัดยินดีคืนเงิน
สรุปในภาพรวม AIS Care+ เป็นการให้บริการที่เหนือระดับและยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยเฉพาะบริการขอเครื่องทดแทนในกรณีทำเครื่องสูญหาย ลูกค้าสามารถรับเครื่องทดแทนโดยมีค่าบริการที่สมเหตุ สมผล และเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขอยกตัวอย่างหนึ่ง สมมุติว่าแบรนด์หนึ่งมี Device Protection ในราคารวม 7,000 – 8,000 บาท แต่รองรับแค่ประกันจอแตกและซ่อมสำหรับความ
การที่เอไอเอสเปิดตัวแพ็กเกจ AIS Care+ จึงเข้ามาเติมเต็มและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างอุ่นใจยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายแบบครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสมัครใช้งานจนไปถึงการรับบริการที่ไม่ต้องไปดำเนินการที่ช็อปให้เสียเวลาอีกด้วย
สำหรับลูกค้าที่สนใจบริการ AIS Care+ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.ais.th/service/aiscareplus/