รีวิว Huawei FreeBuds SE หูฟัง TWS รุ่นใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยดีไซน์มินิมอล มอบคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ มาพร้อมแบตสุดอึด 24 ชั่วโมง ในราคาเพียง 1,899 บาท !!!

ย่างเข้าสู่กลางปี 65 ค่ายหัวเว่ยก็ยังไม่แผ่ว เพราะล่าสุดได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลากหลายไลน์อัพ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Huawei FreeBuds SE หูฟัง TWS รุ่นใหม่ล่าสุดของซีรีส์ FreeBuds ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์มินิมอล มีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก สวมใส่สบายด้วยรูปแบบ Semi-in-ear หรือกึ่งอินเอียร์นั่นเอง นอกจากนี้ยังให้คุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยมด้วยไดนามิกไดรเวอร์ 10 มม. และไดอะแฟรมโพลีเมอร์ที่มีความไวสูง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนจากรอบข้าง รองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.2 เชื่อมต่ออัจฉริยะระหว่างอุปกรณ์ได้รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น แถมยังมีแบตสุดอึดที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงอีกด้วย

สำหรับฟีเจอร์ที่ให้มาแบบอัดแน่นของ Huawei FreeBuds SE นั้นยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย สามารถรับชมรีวิวฉบับเต็มไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ 

 

สเปกเบื้องต้น HUAWEI FreeBuds SE

ชนิด

Semi-in-ear

น้ำหนัก

หูฟัง (2 ชิ้น) : 10.2 g | เคสชาร์จ : 35.6 ก. (ไม่รวมหูฟัง)

ลำโพง/ไดรเวอร์

ไดรเวอร์ยูนิตไดนามิกเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม.

ไมโครโฟน

หูฟังแต่ละข้างมีไมโครโฟนซิลิโคนสองตัว ซึ่งรองรับการตัดเสียงรบกวนจากการโทร

ความถี่ไมโครโฟน

20 Hz–20,000 Hz

กันน้ำ

IPX4

การตัดเสียงรบกวนในการโทร

รองรับ (2 ไมค์)

สี

ขาว และ ฟ้า

บลูทูธ

บลูทูธ 5.2

ความจุแบตเตอรี่

หูฟัง : 37 mAh |  เคสชาร์จ 410 mAh

เทคโนโลยีการชาร์จแบบมีสาย

การชาร์จ 5W(5V/1A) (ฟัง 80 นาทีต่อการชาร์จ 10 นาที)

เวลาในการชาร์จแบบมีสาย

การชาร์จเต็มสำหรับหูฟัง: ประมาณ 1.5 ชั่วโมง

การชาร์จเต็มสำหรับเคสชาร์จ (ที่ไม่มีหูฟังข้างใน) : ประมาณ 2 ชั่วโมง

ระยะเวลาการเล่น

หูฟัง: เล่นเสียง 6 ชั่วโมง สนทนาด้วยเสียง 4 ชั่วโมง

รวม:24 ชั่วโมง (ไม่มี ANC)

ภายในกล่อง

หูฟัง

เคสชาร์จ

สาย USB-C

จุกหูฟัง 3 คู่ (มีให้เลือกในขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก และจุกหูฟังขนาดกลางติดตั้งไว้ล่วงหน้าบนหูฟัง)

คู่มือเริ่มต้นใช้งาน ข้อมูลความปลอดภัย และบัตรรับประกัน

(three in one)

 

บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

กล่องแพ็กเกจของ Huawei FreeBuds SE มาในโทนสีขาว ด้านหน้าโชว์รูปตัวหูฟังเห็นชัดสะดุดตา พร้อมกำกับฟีเจอร์อันเป็นจุดขาย ทั้งคุณภาพเสียงในระดับสตูดิโอ และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง 

สำหรับด้านหลังและด้านล่างกล่องจะพิมพ์บอกไฮไลท์ฟีเจอร์เด่น ๆ ของ Huawei FreeBuds SE รวมถึงรายละเอียด อย่างชื่อรุ่น, สี, เลขอีมี่, หมายเลขประจำเครื่องและข้อมูลของผู้ผลิต 

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย 

  • หูฟังไร้สาย Huawei FreeBuds SE 1คู่
  • จุกยางสำรองอีก 2 ขนาด
  • เคสชาร์จ 
  • สายชาร์จ USB-C 
  • คู่มือการใช้งานฉบับย่อ ข้อมูลความปลอดภัย และใบรับประกันสินค้า (อยู่ในเล่มเดียวกัน)



รูปลักษณ์ดีไซน์ & การออกแบบ 

Huawei FreeBuds SE มาด้วยกัน 2 สี 2 สไตล์ ได้แก่สีฟ้าและสีขาว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความไร้น้ำหนักของเมฆและท้องฟ้า ในยามพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก  โดยสีขาวจะใสดุจคริสตัล มอบเสน่ห์ที่มาพร้อมกับแสงสะท้อนของแสงแดด ขณะที่สีฟ้านั้นเพลินตาและชวนให้น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าคลาสสิกและเข้ากันได้กับทุกลุคอย่างแท้จริง

ตัวเคสมาในดีไซน์สุดมินิมอล ด้วยรูปแบบแคปซูลที่มีความโค้งมนในขนาดกะทัดรัด ด้วยน้ำหนักเพียง 5.1 กรัม ส่งผลให้สามารถหยิบจับได้พอดีมือ มอบความสะดวกสบายและไร้ความกังวลที่จะหลุดหายจากมือ และยังมาพร้อมพื้นผิวมันวาวสวยงาม ที่ให้ความหรูหราในเวลาเดียวกัน 

สำหรับด้านหน้าของตัวเคสจะมีไฟแจ้งเตือนสถานะ และร่องบากในแบบทูโทนที่ล้อมคาดเกือบรอบตัวเคส สำหรับด้านหลังจะมีพอร์ตชาร์จแบบ Type – C มาให้ใช้งาน 

ด้านใต้ตัวเคสจะระบุรายละเอียดของโมเดล, เลข Serial Number และข้อมูลผู้ผลิต

เมื่อเปิดตัวเคสชาร์จ จะพบกับปุ่ม  function button เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ส่วนตัวหูฟังจะมีการกำกับไอคอน L R หรือฝั่งซ้าย ขวาไว้ที่ด้านหน้า เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บวางและสะดวกในการชาร์จนั่นเอง 

ตัวหูฟัง Huawei FreeBuds SE จะมีดีไซน์ที่แตกต่างจาก HUAWEI FreeBuds 4 ที่ทางทีมงานได้เคยรีวิวไปก่อนหน้า ซึ่งในภาพรวมเราจะเห็นได้ว่า แม้จะเป็นรูปทรงก้านเหมือนกัน แต่ Huawei FreeBuds SE  จะมีดีไซน์ที่ดูโมเดิร์นขึ้น ด้วย curve แบบไล่ระดับ พร้อมการออกแบบกึ่งอินเอียร์รูปแบบใหม่ของ HUAWEI FreeBuds SE จึงมีความโดดเด่นในแง่ดีไซน์ รวมถึงการสวมใส่ที่มอบความกระชับ พร้อมตอบทุกโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น 

ตัวหูฟังแต่ละข้างมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 37 mAh และเคสชาร์จอีก 410 mAh ทำให้เล่นเพลงต่อเนื่องได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง โทรนาน 4 ชั่วโมง 

นอกจากนี้เคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่เต็มนั้นสามารถชาร์จหูฟังได้ตั้งแต่ 0% – 100% ได้มากถึง 4 ครั้ง โดยไม่ต้องชาร์จใหม่ นั่นหมายความว่า ด้วยเคสชาร์จที่ชาร์จเต็มแล้ว สามารถเล่นเพลงได้ 24 ชั่วโมง เพราะเอียร์บัดที่ชาร์จเต็มหนึ่งคู่สามารถเล่นเพลงได้ต่อเนื่องนาน 6 ชั่วโมง
ส่วนการชาร์จหูฟังเอียร์บัดจนเต็มนั้นใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง และสำหรับเคสชาร์จ โดยไม่มีเอียร์บัดอยู่ข้างในจะอยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง

 

ด้านการส่วมใส่และการคอนโทรล

สวมใส่สบายด้วยดีไซน์ทันสมัยกึ่งอินเอียร์ น้ำหนักเบาเพียง 5.1 กรัม การออกแบบแบบกึ่งอินเอียร์ใหม่ของ HUAWEI FreeBuds SE ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับซิลิโคนครอบหู 3 ขนาด ด้วยวัสดุน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น ช่วยทำให้เป็นมิตรกับผิวหนังมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเลือกขนาดของจุกซิลิโคนได้ตามต้องการ

 

 

ด้วยดีไซน์แบบกึ่งอินเอียร์ของ HUAWEI FreeBuds SE ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับส่วนโค้งของหูชั้นนอก จึงช่วยลดแรงกดที่ช่องหู ให้ความพอดีน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี มอบความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน และยังมาพร้อมฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นในมารตฐาน IPX4 สามารถป้องกันละอองน้ำ จากเหงื่อ หรือฝน จากทุกทิศทางได้ ซึ่งใส่ลุยฝนปรอย ๆ ได้สบาย แต่ไม่แนะนำให้เอาไปจุ่มน้ำ เพราะยังไม่รองรับถึงขั้นนั้น

 

สวมใส่สบายด้วยการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 5.1 กรัม ควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น เพราะมาพร้อม G-sensor โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นระบบควบคุมแบบสัมผัสมีความแม่นยำสูง เพียงแตะสองครั้งเพื่อหยุดชั่วคราวและเล่นต่อ หรือรับสายและวางสาย หรือจะสลับเป็นเพลงก่อนหน้า/ถัดไป สไลด์ขึ้น/ลงเพื่อปรับระดับเสียง หรือสามารถตั้งค่าคำสั่งการใช้งานตามความคุ้นเคยของแต่ละคนได้อย่างอิสระผ่านแอปพลิเคชัน AI Life ซึ่งรองรับบน HarmonyOS, Android และ iOS

นอกจากนี้ Huawei FreeBuds SE ยังมาพร้อมเซนเซอร์อินฟราเรด ที่จะช่วยตรวจจับการใช้งาน โดยถ้าเราดึงหูฟังออกจากหู ก็จะหยุดเล่นเพลงทันที และเมื่อสวมใส่กลับเข้าไปก็จะเริ่มเล่นเพลงให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยในด้านการประหยัดพลังได้เป็นอย่างดี

ด้านการเชื่อมต่อ

HUAWEI FreeBuds SE ชูศักยภาพการทำงานแบบ Multi-tasking ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทดีไวซ์ด้วย Bluetooth 5.2 ทั้งกับ Android และ iOS และมอบความเสถียรในการเชื่อมต่อที่สูงขึ้น รวมถึงระบบตรวจจับการเชื่อมต่อได้อัตโนมัติเพียงเปิดฝาเคสชาร์จ หน้าต่าง Pop-up ก็จะจับคู่สมาร์ตโฟน พีซีหรือแท็บเล็ตที่อยู่ในบริเวณเดียวกันให้ทันที ขณะเดียวกันก็สามารถตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ของทั้งเอียร์บัดและเคสชาร์จบนหน้าจอได้อย่างง่ายดาย

ด้านคุณภาพเสียง 

ส่งต่อประสบการณ์เสียงอันไพเราะก้องกังวานยิ่งกว่าที่เคย กับไดนามิกไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 10 มม.  คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ที่ถูกวางไว้ในตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด สะท้อนเสียงเบสที่หนักแน่น และสนามเสียงที่กว้างให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม พร้อมไดอะแฟรมคอมโพสิตความไวสูง มอบทุกรายละเอียดและประสบการณ์เสียงได้ครบทุกมิติ

ยกระดับการลดเสียงรบกวนรอบข้างของหูฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม (Environmental Noise Cancellation) ให้เสียงที่ชัดเจนระหว่างการโทรได้ แม้มีเสียงรบกวนรอบข้าง ทำงานคู่กับเทคโนโลยีบีมฟอร์มมิ่งแบบไมค์คู่แยกเสียงเป้าหมายออกจากเสียงรบกวนรอบข้างด้วยความแม่นยำระดับสูง จึงช่วยให้การคุยสายมีความราบรื่น ปลายสายได้ยินเสียงสนทนา ที่คมชัดใสเคลียร์ ถือว่าสอบผ่านสำหรับการใช้งานด้านคุยสายโทรศัพท์

 

ด้วยไดนามิกไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 10 มม. ให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ที่ถูกวางไว้ในตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด สะท้อนเสียงเบสที่หนักแน่น และสนามเสียงที่กว้างให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม พร้อมไดอะแฟรมคอมโพสิตความไวสูง มอบทุกรายละเอียดและประสบการณ์เสียงได้ครบทุกมิติ

HUAWEI FreeBuds SE ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีสำหรับการเล่นเพลงป๊อป เพราะเสียงร้องจะถูกเน้นในเฟรมเวิร์กเสียงแบบสามแชนเนลที่สมดุล ให้เสียงเบสที่ทรงพลังและจังหวะกลองที่คมชัด ขณะเดียวกันเสียงแหลมก็นุ่มและยืดหยุ่น ส่งมอบบทเพลงอันไพเราะได้ครบทุกมิติเสียง

Huawei FreeBuds SE ตอบโจทย์ด้านการรับชมวิดีโอได้เป็นอย่างดี โดยการทดสอบครั้งนี้ เป็นการรับชมภาพยนตร์เรื่อง Inception  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลการบันทึกและการลำดับเสียงของเรื่องยอดเยี่ยม  ทำให้สามารถทดสอบคุณภาพหูฟังได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของการถ่ายทอดเอฟเฟกต์ การแยกทิศทางเสียง ความคมชัดของเสียงพูด และดนตรีประกอบในภาพยนตร์ ทำให้การรับชมภาพยนตร์ผ่านทาง  Huawei FreeBuds SE นั้นครบทุกอรรถรส และไม่พบอาการดีเลย์ให้หงุดหงิดใจ

ส่วนการนำมาใช้งานร่วมกับการเล่นเกม ทดสอบบนเกม ROV, PUBG, Asphalt 9  พบว่าการถ่ายทอดเสียง เอฟเฟกต์ต่าง ๆ นั้นให้ความสมจริง แยกมิติซ้ายขวาได้ค่อนข้างดี ส่วนเสียงต่าง ๆ ภายในเกมมีความคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาภายในเกม เสียงลม เสียงจากการเดิน ฯลฯ 

 

บทสรุป

Huawei FreeBuds SE เป็นหูฟัง TWS รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล FreeBuds ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นรอบด้าน ด้วยดีไซน์สวยงามทันสมัยในสไตล์มินิมอล  และยังสวมใส่สบายด้วยการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ มีน้ำหนักเบาเพียง 5.1 กรัม ควบคุมง่ายแค่ปลายนิ้ว พร้อมเปิดประสบการณ์เสียงระดับสตูดิโอด้วยไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 10 มม. และไดอะแฟรมโพลีเมอร์ที่มีความไวสูง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนจากรอบข้าง อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.2 เชื่อมต่ออัจฉริยะระหว่างอุปกรณ์ได้รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น แถมยังมีแบตสุดอึดที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง

สรุปในภาพรวม Huawei FreeBuds SE สามารถตอบโจทย์การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมและคุยสายได้อย่างลงตัว และด้วยราคาเปิดตัวเพียง 1,899 บาท ก็คงต้องบอกเลยว่า Huawei FreeBuds SE เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายแบบ True Wireless Stereo (TWS) ที่มาแรง และน่าจับจองเป็นเจ้าของอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว 

 

ราคาและโปรโมชั่น 

  • HUAWEI FreeBuds SE ฟังสบายต่อเนื่อง เชื่อมต่อง่ายทุกความรู้สึกในราคาสบายกระเป๋า 1,899 บาท
  • วางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ทางช่องทางออนไลน์เท่านั้น
  • สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 18-27 พฤษภาคม 2565
  •  

 

โปรโมชันพรีออเดอร์

  • HUAWEI Store: ชำระค่ามัดจำ 100 บาท รับ Code ส่วนลดมูลค่า 800 บาท ระหว่างวันที่ 18-27 พฤษภาคม 2565 และสามารถใช้ Code ส่วนลดได้ในระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม 2565
  • Lazada / Shopee: สามารถพรีออเดอร์ในราคา 1,099 THB ระหว่างวันที่ 18-27 พฤษภาคม 2565
  • Thisshop: แจ้งโปรโมชันเพิ่มเติมในสัปดาห์ที่ 9 พฤษภาคม 2565
J.wasan
J.wasan

Founder and Web Editor นักเขียน บทความ & รีวิว สนใจด้าน IT และ ไลฟ์สไตล์