รีวิว Nokia C1 2nd Edition สมาร์ตโฟน Android Go Edition รุ่นอัปเกรด เปิดตัวด้วยราคาประหยัดเพียง 2,190 บาทเท่านั้น !!!

หลังจากรับชมรีวิว Nokia C20 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม ที่มาพร้อมความร่วมมือกับดีแทค ด้วยการจัด แคมเปญ “คุ้มแห่งปี ซื้อเลยไม่ต้องรอ! วันนี้ทางทีมงานยังมีอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งถือว่าเป็นน้องเล็กสุดในซีรีส์ C โดยยังคงมาพร้อมความโดดเด่นในด้านดีไซน์และงานประกอบ พร้อมขับเคลื่อนด้วย Android Go Edition ที่การันตีการอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือนได้นานถึง 2 ปี สำหรับฟีเจอร์และความน่าสนใจของ Nokia C1 2nd Edition จะมีอะไรบ้าง มาติดตามอ่านรีวิวไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ 

สเปคเบื้องต้น Nokia C1 2nd Edition

ขนาด 148 x 71.8 x 9.3 มม. 
น้ำหนัก 154 กรัม
หน้าจอแสดงผล หน้าจอ TFT IPS ขนาด 5.45 นิ้ว ความละเอียด HD+ 720 X 1440  อัตราส่วน: 18:9
หน่วยประมวลผล ชิปเซ็ต Unisoc SC7731e Quad-core 1.3 GHz Cortex-A7  หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-400 MP2
RAM 1GB 
หน่วยความจำภายในเครื่อง 16GB 
microSD Card รองรับได้สูงสุด 128 GB
ระบบปฏิบัติการ Android™ 11 (Go Edition)
เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n บลูทูธ 4.2 GPS/AGPS Micro USB (USB 2.0)
กล้องถ่ายภาพ

กล้องหลัง: 5 ล้านพิกเซล  แฟลชหลัง LED
——————————————————-
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล แฟลชหน้า LED
——————————————————-
ฟีเจอร์: HDR

รองรับระบบ

รองรับการทำงาน Dual-SIM  2 ซิมการ์ด Dual SIM and Dual Standby

  • 2G GSM 850, 900, 1800, 1900
  • 3G WCDMA : 1, 2, 5, 8
แบตเตอรี่ 2500mAh แบบถอดได้
สี สีที่วางจำหน่ายในไทย Blue
ราคา ราคาเปิดตัว 2,190 บาท


บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวกล่องแพ็กเกจจิ้งเป็นกล่องกระดาษทรงยาว ด้านหน้าจะโชว์รูปตัวเครื่อง Nokia C1 2nd Edition ขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ที่เห็นได้ชัดสะดุดตา ที่ด้านข้างกล้องพิมพ์บอกถึงการรับประกันการอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นระยะเวลาต่อเนื่องถึง 2 ปี ส่วนด้านหลังจะกำกับด้วยไฮไลท์ที่เป็นฟีเจอร์เด่น ๆ ของ Nokia C1

เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบตัวเครื่อง Nokia C1 2nd Edition ในสี  Blue ซึ่งได้ติดฟิลม์กันรอยมาให้เรียบร้อย ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้

  • อแดปเตอร์ชาร์จ OUTPUT 5V-1A 
  • สายดาต้าลิงค์แบบ Micro USB
  • หูฟังสมอลทอร์ค
  • แบตเตอรี่ WT141
  • คู่มือการใช้งานฉบับย่อ , ใบรับประกันสินค้า, คู่มือผลิตภัณฑ์และความปลอดภัย
  • Soft Case TPU แบบใส

 

Nokia C1 2nd Edition ชูจุดขายด้วยการออกแบบและคุณภาพงานประกอบมาตรฐานสแกนดิเนเวียเหมือน C20 ที่ขับเน้นในเรื่องความมาตรฐานความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนานและมีความปลอดภัยสูง สำหรับตัวบอดี้และดีไซน์ในภาพรวมจะไม่แตกต่างจาก C1 รุ่นแรก ส่วนความแตกต่างก็จะเป็นการวางเลย์เอท์ของตัวกล้องหน้าและแฟลช รวมเท็กเจอร์ด้านหลังในแบบตัดเส้น

หน้าจอแสดงผลยังคงมาพร้อมขนาดเท่าเดิมที่ 5.45 นิ้ว ความละเอียด HD+ 720 X 1440  อัตราส่วน: 18:9 ชนิด IPS  ซึ่งให้มุมมองกว้าง สีสันสดใส แต่ไม่ค่อยสู้แดดเท่าไหร่ เวลาใช้งานกลางแจ้งจะมีปัญหาในการมองเห็นอยู่บ้าง 

Nokia C1 2nd Edition มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล จัดวางอยู่ในเลย์เอท์มุมซ้ายบนพร้อมไฟ LED 1 ดวง ถัดมาจะเป็นลำโพงสนทนาและเซนเซอร์วัดแสง 

กล้องหลังให้ความละเอียดมาที่ 5 ล้านพิกเซลและมีไฟแฟลชมาให้ใช้งาน 1 ดวง โดยถูกจัดวางบนโมดูลทรงรี เมื่อมองไปที่กลางฝาหลังจะพบกับโลโก้ Nokia และที่มุมซ้ายล่างจะเป็นที่อยู่ของลำโพงหลักของตัวเครื่อง 

ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ตชาร์จแบบ Micro USB ที่ด้านล่างจะเป็นไมค์สนทนา ส่วนฝั่งซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ สำหรับฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์  ถัดลงมาด้านล่างจะมีร่องบากเพื่อใช้ในการถอดประกอบตัวเครื่อง เพื่อใส่แบตเตอรี่, ซิมการ์ดและหน่วยความภายนอก MicroSD Card 

Nokia C1 2nd Edition รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบนาโนซิม และรองรับ Dual SIM and Dual Standby โดยช่องใส่ซิมก็จะเป็นรูปแบบเหมือนฟีเจอร์โฟน ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เปิดถาดซิมนั่นเอง

ฟีเจอร์และการใช้งานเบื้องต้น 

Nokia C1 2nd Edition เปิดตัวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition ซึ่งเราจะพบกันได้ในสมาร์ตโฟนที่มีสเปคไม่แรง แต่สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล และเหมาะกับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันตระกูล Go หรือ Lite  นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่นด้วยการการันตีการอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือนได้นานถึง 2 ปี

Android 11 Go Edition รองรับแอปพลิเคชันพื้นฐานได้อย่างครบถ้วน ทั้งแอปโซเชี่ยลมีเดีย แอปธนาคาร ฯลฯ  และด้วยสเปคที่ไม่แรง แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปฯในตระกูล Lite  หรือ Go มาใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพื้นที่และใช้งานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น 

ในด้านการแสดงผล Nokia C1 2nd Edition สามารถปรับตั้งค่าได้ค่อนข้างยืดหยุ่น ทั้งการปรับความสว่างอัตโนมัติ เปิดใช้ปรับแสงตอนกลางคืนและธีมมืดเพื่อถนอมสายตาเป็นต้น 

ในด้านความปลอดภัย Nokia C1 2nd Edition  มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยปกป้องการใช้งานในภาพรวมได้อย่างครอบคลุม  ทั้งล็อกหน้าจอ ปลดล็อกด้วยใบหน้า การล็อกซิมการ์ด และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้งานอุ่นใจและมีความปลอดภัยสูงสุด

Nokia C20 มีโหมดประหยัดพลังงานมาให้งาน ส่วนในแง่ใช้งานจริง หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปก็อยู่ครบวัน แต่ถ้าเน้นเล่นโซเชี่ยลดู YouTube ควรพกแบตสำรองติดตัวไว้เพื่อความอุ่นใจ 

มัลติมีเดียและการเล่นเกม

Nokia C1 2nd Edition มีวิทยุ FM มาให้ใช้งานในแบบพื้นฐาน โดยสามารถเปิดฟังผ่านลำโพงได้ (ต้องเสียบหูฟัง) แต่ไม่สามารถบันทึกไว้ฟังแบออฟไลน์  สำหรับการรับชมวิดีโอ Nokia C1 2nd Edition สามารถรับชมคลิปความละเอียดที่  HD ได้ลื่นไหลพอประมาณ  สำหรับการเล่นเกม จะไม่เหมาะกับเกม 3D หรือเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ แต่พวกเกม 2D อย่าง Candy Crush เล่นได้สบาย ๆ 

ด้านการถ่ายภาพ 

Automode

Portrait mode

ทดสอบการถ่ายภาพจากกล้องหน้า Nokia C1 2nd Edition

กล้องหน้าของ Nokia C20  ให้ความละเอียดมาที่ 5 ล้านพิกเซล ในภาพรวมคุณภาพที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่ก็มีข้อดีคือให้ไฟแฟลชกล้องหน้ามาด้วย จึงช่วยให้การเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น  นอกจากนี้ Nokia C1 2nd Edition  ยังมี Portrait mode และโหมดบิวตี้มาให้ใช้งานด้วย โดยสามารถตั้งค่าโหมดบิวตี้หรือใบหน้าสวยได้ตั้งแต่ 0-10 ระดับ

 

ทดสอบการถ่ายภาพจากกล้องหลัง Nokia C20 

กล้องหลังให้ความละเอียดมาที่ 5 ล้านพิกเซลเหมือนกล้องหน้า คุณภาพต้องบอกว่าถ้าใช้ถ่ายวิวทิวทัศน์ในสภาพแสงเอาท์ดอร์นั้นถือว่าพอใช้ แต่ถ้าในที่แสงน้อยจะมีปัญหาอยู่บ้าง ในภาพรวมถือว่าใช้งานทั่วไปได้ แต่ไม่สามารถหวังคุณภาพได้ครับ 


บทสรุป


Nokia C1 2nd Edition เป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นเล็กสุดในตระกูล C-series  โดยมาพร้อมการแเชื่อมต่อแค่ 3G เท่านั้น การใช้งานทั่วไป อาจจะไม่ค่อยลื่นไหลสักเท่าไหร่ ไม่เหมาะกับคนใจร้อน หรือเคยสัมผัสเครื่องแรง ๆ มาก่อน แต่ในด้านการใช้งานทั่วไปก็คือว่าตอบโจทย์ได้เพียงพอ ทั้งเรียนออนไลน์ เล่นโซเชี่ยล แอปฯธุรกรรมทางการเงิน รองรับได้หมด และยังอุ่นใจด้วยการอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือนได้นานถึง 2 ปี เอาเป็นว่าเหมาะกับคนงบน้อย ที่ไม่ได้เน้นเล่นเกม และต้องการสมาร์ตโฟนแบรนด์คุณภาพ ซึ่งต้องบอกเลยว่า Nokia C1 2nd Edition สามารถตอบโจทย์ได้ดีเช่นกัน 

 

ราคาและช่องทางการจัดจำหน่าย

Nokia C1 เปิดตัวด้วยราคา 2,190  บาท มีสีให้เลือกใช้งานคือ สีน้ำเงินเ Blue สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ  และช่องทางออนไลน์ Shopee , Lazada , JD Central

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>> Nokia C1

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

J.wasan
J.wasan

Founder and Web Editor นักเขียน บทความ & รีวิว สนใจด้าน IT และ ไลฟ์สไตล์